จดหมาย/ฉบับประจำวันที่ 26 พ.ย.- 2 ธ.ค. 2564

จดหมาย

ลึกๆ ลับๆ (1)

แถลงการณ์เกี่ยวกับการเยือนประเทศไทยของที่ปรึกษากระทรวงต่างประเทศสหรัฐอเมริกา เดเร็ก โชเลต์

นายเดเร็ก โชเลต์ ที่ปรึกษากระทรวงต่างประเทศสหรัฐ นายคิน มอย หัวหน้าคณะรองผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ ฝ่ายกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก พร้อมด้วยคณะผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ได้เดินทางเยือนราชอาณาจักรไทยระหว่างวันที่ 18-19 ตุลาคมที่ผ่านมา

เพื่อหารือเชิงยุทธศาสตร์กับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลไทยและผู้นำภาคประชาสังคม

ที่ปรึกษาโชเลต์ได้เข้าพบนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ

การเยือนไทยของที่ปรึกษาโชเลต์ในครั้งนี้เกิดขึ้นภายหลังจากที่รองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส เดินทางมายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เมื่อไม่นานมานี้ และเน้นย้ำถึงความสำคัญที่สหรัฐให้กับภูมิภาคนี้ รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับไทย

ที่ปรึกษาโชเลต์และคณะผู้แทนมุ่งหารือเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างไทยกับสหรัฐ การดำเนินการตามฉันทามติ 5 ข้อของอาเซียน และความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมข้ามพรมแดน

ที่ปรึกษาโชเลต์ยังกล่าวเน้นถึงความมุ่งมั่นที่สหรัฐมีต่อประเทศไทย และหารือถึงความร่วมมือที่ต่อเนื่องของเราในด้านความมั่นคง การค้า สิ่งแวดล้อม สุขภาพ และการศึกษา

คณะผู้แทนมีกำหนดการเยือนประเทศอินโดนีเซียและสิงคโปร์ต่อไป

ฝ่ายสื่อมวลชนและวัฒนธรรม

สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย

 

ตอนนี้ คนไทยจำนวนไม่น้อย

สนใจกรณี 19 พฤศจิกายน 2564

ที่นายเดวิด เอส. โคเฮน (David S. Cohen) รองผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐ (ซีไอเอ)

เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

แบบ “ปิดลับ”

ทางการไทยและสหรัฐดูจะไม่ค่อยอยากจะพูดถึงเท่าไหร่

เลยเป็นความสงสัย ข้องใจของคนไม่น้อย ว่า รองซีไอเอมาด้วยเป้าหมายอะไร

จะมี “แถลงการณ์” บอกกล่าว

ดังกรณีเดเร็ก โชเลต์ ที่ปรึกษากระทรวงต่างประเทศสหรัฐบ้าง

จะได้ไหม ยู!!!

 

ลึกๆ ลับๆ (2)

เรียนบรรณาธิการมติชนสุดสัปดาห์

ผมอยากเขียนเรื่องสลับปรับเปลี่ยนบรรยากาศใหม่ๆ บ้างดังนี้

วันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา ประเทศรัสเซียได้จัดให้มีการสวนสนาม + แสดงแสนยานุภาพ เนื่องในวาระครบรอบ 76 ปีในการต่อสู้เอาชนะกองทัพนาซี เยอรมนี ในสงครามโลกครั้งที่ 2

ประธานาธิบดีปูตินได้กล่าวสุนทรพจน์ สดุดีทหารรัสเซียที่ต่อสู้อย่างทรหด ยอมพลีชีพไม่ยอมแพ้ และพร้อมจะต่อสู้กับลัทธินาซีที่กำลังจะก่อตั้งขึ้นมาใหม่

นักเขียนประวัติศาสตร์หลายคนวิเคราะห์ว่า เยอรมนีวางแผนผิดพลาดมากที่ไปบุกทางด้านรัสเซีย

เพราะทหารต้องเดินทางฝ่าหิมะ ท่ามกลางอากาศอันหนาวเหน็บ เป็นระยะทางหลายพันไมล์

ทำให้ทหารเจ็บป่วยล้มตายถึง 5 แสนคน

เคยมีข่าวว่าเยอรมนีเมื่อรู้ว่าจะแพ้ ได้นำทองคำจำนวนมหาศาลไปซ่อนไว้ในภูเขาแห่งหนึ่ง เพื่อเป็นทุนในการจะก่อตั้งลัทธินาซีขึ้นมาใหม่

ส่วนฮิตเลอร์ที่มีข่าวยิงตัวตาย หลายปีต่อมามีหนังสือบางเล่มบรรยายว่าเป็นข่าวลวงโลก คือเอาคนที่รูปร่างหน้าตาเหมือนกัน ไปจัดฉาก ทำว่าฮิตเลอร์ยิงตัวตาย

ส่วนฮิตเลอร์ตัวจริงได้ผ่าตัดศัลยกรรมใบหน้าเสียใหม่ เพื่อไม่ให้คนจำได้

และได้หลบหนีไปกับขบวนเรือดำน้ำ มุ่งหน้าไปทางขั้วโลกเหนือ

ขอแสดงความนับถือ

ชาติชาย

 

พูดถึงเรื่องลึกๆ ลับๆ

ย้อนกลับไปกรณีที่รองซีไอเอมาพบผู้นำไทย

ที่ทำให้คนสนใจ เพราะมันชวนให้เกิด “จินตนาการ” อะไรไปไกลนั่นเอง

ต้องไม่ลืมว่า ในห้วงวิกฤตการณ์เมืองไทย

มีการกล่าวหา “สหรัฐ” ว่าอยู่เบื้องหลังการ “ล้มล้าง” อะไรต่อมิอะไรมากมาย

เมื่อ “บิ๊กสายลับ” โผล่มาหารือแบบลับๆ

ใครจะอดใจไม่จินตนาการไปต่างๆ นานาได้เล่า

คงเหมือนจินตนาการเรื่องทองคำ

เรื่องฮิตเลอร์ไม่ได้ฆ่าตัวตาย

อย่างที่คุณชาติชายนำมาสลับฉากให้อ่านนั่นแหละ

ขอบคุณ แม้อ่านแล้วชวน “ฟุ้งซ่าน” ไปนี้ดด…(ฮา)