ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 11 - 17 สิงหาคม 2560 |
---|---|
คอลัมน์ | รักคนอ่าน |
เผยแพร่ |
ในบางวัน
ความรู้สึกเกลียดตัวเองเอ่อท้นอัดแน่นจนเหมือนจะซึมออกมาทางรูขุมขน
จะพูดออกมาก็กลับสำลักความโศกเศร้าหดหู่ที่ทะลักออกมาทางริมฝีปาก
เหลือเพียงแค่เสียงพึมพำไร้ความหมาย หดบีบตัวให้เล็กที่สุดเป็นฝุ่นดาวล่องลอยในจักรวาล
ไม่มีประโยคอะไรจะพูด บอกไปก็ต้องมีคนเสนอวิธีแก้ที่เราไม่มีวันทำได้
บอกไปก็ต้องได้รับคำตอบว่าไม่ใช่เธอเพียงคนเดียวที่มีปัญหา ฉันก็มีเหมือนกัน
ฉันขอโทษที่ฉันบังอาจมีปัญหา
ความรู้สึกของคนบ้าย่อมเป็นเรื่องเกินมือ
เพราะถ้ามันง่ายขนาดนั้นฉันคงสบายดีและไม่ต้องกินยา
สุดท้ายเราก็บอกใครไม่ได้
แม้แต่คนที่เราคิดว่าคงเข้าใจ
ความปกติหรือไม่ถูกวัดค่าแค่รอยยิ้ม ถ้าเขาเห็นเรายิ้ม เขาจะไม่มีวันรู้ว่าข้างในเราแหลกสลาย
เขาจะไม่มีวันรู้ว่าแค่ดึงมุมปากหยักยกนั้นรีดพลังเอาจากทุกอณูในร่างกาย
ยิ้มไว้
ยิ้มไว้
จะให้ใครมารู้ไม่ได้
เพราะหากเขารู้ เขาจะตัดสินทันทีว่าเรื่องของเรามันไม่สำคัญ
และเราจะรู้ทันทีเมื่อเราไม่สำคัญ
เราไม่มีค่าอะไร
เพราะถึงแม้ทุกอย่างในร่างกายจะชำรุดบกพร่อง
แต่เครื่องวัดความรู้สึกเช่นนี้ไม่เคยพลาด
ไม่เลย ไม่เคยสักครั้งที่มันจะวัดความหมายของการถอนหายใจ การมองไปทางอื่น หรือการเปลี่ยนเรื่องได้ผิดพลาด
มันตรวจตราทุกเสียงพึมพำ ทุกการเหลือบมอง ประมวลผลและแปลความหมายในเสี้ยววินาที
มันทำงานได้ดีและเจริญงอกงามอยู่บนความผุพังของประสาทสัมผัสอื่นๆ ในร่างกาย
“บางที ฝนไม่ได้ตกสำหรับคุณ แต่ฝนตกตลอดเวลา สำหรับฉัน ท้องฟ้าแตกร้าวและโปรยเศษแก้วลงมา”
“ฟังดูเจ็บปวดนะ”
“ไม่เลย มันงดงามต่างหาก”*
ความหมกมุ่นอันเป็นพิษนี้ไม่ได้เติบโตขึ้นในชั่วข้ามคืน
มันค่อยๆ แทงรากหยั่งฝังตัวลงไป งอกงามระบัดใบ แผ่ยึดครอบคลุมทุกตารางนิ้วขององคาพยพ
สุดท้ายแล้วเราจะกลายเป็นคนอีกคนหนึ่ง
คนแบบที่เราเป็นจริงๆ
ต้นไม้พิษนั้นเป็นส่วนหนึ่งของเรา กระซิบกระซาบที่ข้างหูว่าอย่ามองออกไปข้างนอกเลย เรามาอยู่ด้วยกันเช่นนี้ดีกว่า
โลกภายนอกล้วนแปลกปลอม เราแค่ออกไปหาผลประโยชน์จากมัน เก็บเกี่ยวเอาสิ่งที่เจอมารดรากต้นไม้พิษ บทสนทนากลายเป็นการตั้งค่าสำเร็จรูป ถามแบบนั้นต้องตอบไปแบบนี้ ถ้าคำถามนี้แปลว่าต้องยิ้มให้ สวัสดีลาก่อนแล้วแยกย้ายจากกันไป
“เราแต่ละคนล้วนแตกต่าง แตกต่างกันอย่างมากมาย เราดิ้นรนแตกแยกออกเป็นเศษเสี้ยวกระจัดกระจาย เพื่อกลับมารวมกันเป็นหนึ่งเดียว”*
เราจะเข้าใจชีวิตมากขึ้นกว่านี้ไหมในวันพรุ่งนี้?
เราควรรอคอยมันด้วยความรู้สึกเช่นไร?
ความหวังที่จะอยู่ร่วมกับต้นไม้พิษหรือโค่นมันทิ้งไป ถ้ามันจากไปแล้วเราจะยังเหลือความเป็นตัวเราอยู่หรือเปล่า เสียงฝนที่ตกโปรยลงบนบ่อน้ำจะมีความหมายเช่นวันนี้หรือไม่ หรือจะเป็นเพียงกลไกทางธรรมชาติที่ผ่านมาแล้วจากไปไร้ความสำคัญ เป็นเพียงเรื่องเรื่องหนึ่งที่เราพร้อมจะลืมมันไปเมื่อพรุ่งนี้มาถึง
หรือจะปล่อยให้มันตกกระหน่ำเปียกปอนร่างกายเราอย่างนี้ไปตลอดกาล
“รู้อะไรมั้ย” ไมค์เอ่ย
ผมตอบโดยไม่หันไป “อะไร?”
“ทุกครั้งที่กูจอดตรงป้ายหยุด กูไม่ได้คิดถึงเส้นทางที่ผ่านมา” เขาพูด “กูแค่หวังว่า กูจะไม่ต้องหยุดตั้งแต่แรกเลย”*
—————————————————————————————-
*ข้อความจากในหนังสือ