ผักชีทหาร-รถบรรทุกทหาร/ชกคาดเชือก วงค์ ตาวัน

ชกคาดเชือก

วงค์ ตาวัน

 

ผักชีทหาร-รถบรรทุกทหาร

 

หลังโดนวิพากษ์วิจารณ์หนัก ในแนวคิดทหารปลูกผักชีและรถบรรทุกทหารขนสินค้า ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต้องออกมาตอบโต้ อ้างว่า โดนบิดเบือนคำพูดและบิดเบือนเจตนา

พล.อ.ประยุทธ์ย้ำว่า เป็นเพียงต้องการให้ทหารช่วยเหลือประชาชน ทั้งในเรื่องผักแพง ผักชีแพง เนื่องจากทหารปลูกในค่ายอยู่แล้ว ส่วนเรื่องรถขนส่งก็เช่นกัน หากมีการหยุดวิ่งรถบรรทุก ทหารก็พร้อมจะนำรถออกไปช่วยแก้ไขความเดือดร้อนด้วยการขนสินค้าแทน

อ่านคำชี้แจงของ พล.อ.ประยุทธ์แล้ว ก็ต้องบอกว่า ไม่มีใครไปบิดเบือนคำพูดอะไรอย่างแน่นอน

เพราะทั้งเรื่องผักและเรื่องรถบรรทุก จุดที่ พล.อ.ประยุทธ์โดนวิจารณ์ก็คือ เป็นการคิดแก้ปัญหาอย่างไม่ตรงเรื่อง

ระดับนายกรัฐมนตรี ต้องพูดถึงผักแพง ว่าจะต้องแก้ไขในด้านกลไกการตลาดเช่นไร หรือต้องพูดไปถึงต้นตอปัญหาคือ ต้องแก้เรื่องน้ำท่วมหนัก จมพื้นที่เกษตร ทำให้พืชผักเสียหาย เกิดการขาดแคลนในตลาด

แต่นายกฯ กลับพูดในฐานะรัฐมนตรีกลาโหม คือ ให้ทหารปลูกผักออกมาแก้ปัญหา ซึ่งเอาเข้าจริงๆ ก็ไม่สามารถแก้ได้

หรือในเรื่องรถบรรทุกประกาศจะหยุดวิ่งไม่ขนสินค้า ถ้าหากรัฐบาลไม่สามารถตรึงราคาน้ำมันดีเซลให้เหลือลิตรละ 25 บาทได้ แทนที่นายกฯ จะไปแก้ปัญหาราคาน้ำมัน หรือนัดเจรจากับผู้ประกอบการรถบรรทุก เพื่อร่วมกันหาทางออก

กลับไม่พูดถึงการแก้ปัญหาให้ถูกจุด แต่ประกาศจะใช้รถทหารออกมาขนสินค้าแทน ถ้าไม่มีรถบรรทุกวิ่ง

นอกจากไม่คิดจะแก้ปัญหาแล้ว ยังคล้ายกับการประกาศไม่สนข้อเรียกร้อง อวดด้วยว่ามีกลไกกองทัพพร้อมสนับสนุน มีรถบรรทุกทหารที่พร้อมจะออกมาวิ่งขนสินค้าแทน ทำให้เกิดเสียงท้วงติงว่า ยิ่งเป็นการยั่วยุท้าทายให้เกิดการประท้วงมากกว่า

รวมทั้งมีการหยิบยกปัญหาข้อกฎหมายออกมาชี้ว่า การใช้รถบรรทุกทหารออกมาวิ่งบนท้องถนนเพื่อขนสินค้านั้น จะขัดกับ พ.ร.บ.ขนส่งทางบกหรือไม่ ต้องได้รับอนุญาตใช้ในกิจการขนสินค้าหรือไม่ ไปจนถึงหากรถทหารเกิดอุบัติเหตุชนกับรถชาวบ้าน การเรียกร้องค่าเสียหายจะยุ่งยากมาก เพราะรถทหารไม่มีประกันภัย ไม่มี พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัย

ไม่เท่านั้น ยังพบว่า รถบรรทุกทหารออกแบบมาเพื่อภารกิจของทหาร ไม่ใช่รถที่เหมาะจะมาขนสินค้า เอามาขนจริงๆ อาจจะใช้ไม่ได้

รวมไปถึงต้นเหตุ คือรถบรรทุกเขาประท้วงเรื่องราคาน้ำมันแพง ต้นทุนสูง แต่การเอารถทหารออกมาวิ่งนั้น พบว่าระบบเครื่องยนต์น่าจะกินน้ำมันมากกว่าเสียอีก

ดูหมือนไม่ได้มีใครไปบิดเบือนคำพูดของนายกฯ แต่อย่างใด เพราะการวิจารณ์นั้น ชี้ว่านายกฯ พูดแบบไม่คิดแก้ปัญหา

แอบอิงทหารตามความเคยชิน เพราะทุกวันนี้ก็ยังพักอยู่ในบ้านทหาร อยู่ภายในค่ายทหาร ท่ามกลางข้อครหามากมาย!!

 

ท่าทีของฝ่ายทหารเอง มีการขานรับแนวคิดของ พล.อ.ประยุทธ์อย่างฉับพลันทันที มีภาพว่อนโซเชียล ขณะทหารกำลังลงแปลงปลูกผักชี ในทันทีที่นายกฯ เอ่ยว่าจะให้ทหารช่วยปลูก รวมไปถึงเมื่อจะให้ทหารเตรียมรถบรรทุกออกมาวิ่งขนสินค้าแทน ถ้าหากรถบรรทุกเอกชนมีการประท้วงหยุดวิ่งจริงๆ

ในทันทีทันใดก็มีภาพข่าว ทหารนำเอารถบรรทุกออกมาเช็ดถูก เอามาเช็กเครื่องยนต์ เอามาจอดเรียงรายเตรียมพร้อม หาก พล.อ.ประยุทธ์สั่งออกไปรับสินค้า ก็สามารถเคลื่อนรถออกได้ทันที

นั่นแสดงถึงความแนบแน่นเป็นปี่เป็นขลุ่ย ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์กับกองทัพ

เป็นเครื่องยืนยันว่า นับจากเป็นนายกฯ ด้วยการรัฐประหารเมื่อ 22 พฤษภาคม 2557 จากนั้นเมื่อมีการเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 ก็ได้เป็นนายกฯ ต่อภายใต้ภาพรัฐบาลประชาธิปไตยจากการเลือกตั้ง แต่เอาเข้าจริงๆ ก็คือ นายกฯ รัฐบาลทหารดีๆ นี่เอง

เพราะไม่ว่าเศรษฐกิจจะผันผวนหนักหนาสาหัส ไม่ว่าประเทศชาติจะต้องระดมงบประมาณไปจัดหาวัคซีนเพื่อหยุดการแพร่ระบาดของโควิดเช่นไร แต่รัฐบาลนี้ก็ยังสนับสนุนงบประมาณด้านจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ไม่แปรเปลี่ยน อาจจะยอมชะลอบ้าง หากโดยฝ่ายค้านท้วงติงหนัก และเกิดกระแสต่อตานจากคนในสังคม เช่น กรณีเรือดำน้ำ

อีกทั้งเป็นที่รู้ดีว่า แม้รัฐบาลนี้จะโดนคนรุ่นใหม่ต่อต้านอย่างหนัก มีปัญหาประชาชนไม่พอใจอย่างรุนแรงจากกรณีจัดหาวัคซีนล่าช้า ทำให้หยุดการระบาดของโควิดได้ช้า จนต้องคงมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้เศรษฐกิจหยุดชะงักไปหมด

แต่รัฐบาลก็ไม่หวั่นไหว เพราะมีกองทัพเป็นฐานสนับสนุนที่มั่นคง มีเครือข่ายอำนาจนอกระบบประชาธิปไตยโอบอุ้มอย่างอบอุ่น

รัฐบาลนี้อยู่อย่างมั่นคง ทั้งที่ไม่สามารถบริหารประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนได้ดีพอ นั่นเพราะว่า เป็นรัฐบาลที่เป็นตัวแทนของเครือข่ายอำนาจอนุรักษนิยมการเมือง ทำหน้าที่เป็นตัวแทนดูแลความมั่นคงให้กับอำนาจนอกระบบ

ประชาชนจะด่าว่าเช่นไร ก็ไม่สน เพราะไม่มีใครล้มรัฐบาลนี้ได

ดังนั้น ปัญหาของประชาชนเรื่องผักแพง จึงไม่ได้อยู่ในสายตาของผู้นำรัฐบาล ไม่จำเป็นต้องเรียกทีมงานด้านพาณิชย์ มานั่งประชุมว่าจะแก้ปัญหาความเดือดร้อนในเรื่องนี้ให้ชาวบ้านอย่างถูกจุดได้อย่างไร โดยคิดแบบอัตโนมัติ ในฐานะคนที่โตในค่ายทหาร ทุกวันนี้ก็อยู่ในค่ายทหาร นั่นคือ ให้ทหารปลูกผักแทน

เรื่องน้ำมันแพงก็เช่นกัน ไม่ต้องไปสนใจเรื่องจะฉุดราคาน้ำมันให้ลงมาอย่างไร ถ้าใครคิดจะประท้วงก็ไม่กลัว เอารถทหารออกมาวิ่งแทน

ถนัดเรื่องให้รถทหารออกมาจัดการนั่นนี่ ตั้งแต่ 22 พฤษภาคม 2557 นั่นเอง!

 

อีกด้านหนึ่ง แนวคิดของ พล.อ.ประยุทธ์ คงมีพื้นฐานต้องการโชว์ภาพทหารเป็นที่พึ่งของประชาชน สนับสนุนให้กองทัพเป็นที่รักใคร่ของประชาชนในวงกว้าง แต่ในทางกลับกันจะพบว่า ทั้งเรื่องปลูกผักชี และเรื่องรถบรรทุกทหาร

กลับทำให้กองทัพถูกชาวบ้านวิจารณ์หนัก

เกิดคำถามว่า แล้วภารกิจของทหารทุกวันนี้คืออะไร ทำอะไรกันบ้าง

ทำไมเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ให้ปลูกผัก ทหารก็แห่กันไปปลูกได้อย่างพร้อมเพรียง แล้วเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ให้เตรียมรถบรรทุกออกมาวิ่ง บรรดาทหารก็สามารถเอารถออกมาตรวจเช็กแสดงความพร้อมกันอย่างคึกคัก

ทหารไม่ต้องติดภารกิจอื่นใดอีกหรือ จึงสามารถเด้งรับคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ได้อย่างรวดเร็วและในทุกเรื่อง ข้อสงสัยว่า ทุกวันนี้ทหารในกรมกองต่างๆ ทำอะไรบ้างหรือ จึงกระหึ่มไปทั่ว

ทุกวันนี้การดำรงอยู่อย่างแข็งแกร่งของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ว่าจะโดนคนรุ่นใหม่ฮือต่อต้านขนาดไหน ไม่ว่าจะปะทะกันคนในฝ่ายประชาธิปไตยกี่ครั้งกี่หน เป็นเพราะมีฐานกองทัพเป็นผู้ให้การสนับสนุนอย่างสุดกำลัง

จึงช่วยไม่ได้ ที่แรงต่อต้าน พล.อ.ประยุทธ์จะพุ่งเป้าไปยังกองทัพที่อยู่เบื้องหลังรัฐบาลนี้ด้วย

อีกทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ใช้สไตล์การบริหารประเทศแบบนักการทหารโดยตลอด จึงไม่เคยมีท่าทีพร้อมจะพูดคุยเจรจากับคู่ขัดแย้งใดๆ ไม่เหมือนนายกฯ ที่มาจากนักการเมือง ซึ่งต้องแคร์เสียงประชาชน

แต่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่เคยต้องรับฟัง ไม่เคยต้องสนใจเจรจาอะไรกับกลุ่มไหน เพราะมือที่โหวตให้เป็นนายกฯ มาจาก 250 ส.ว. ซึ่งประกอบด้วยทหารและข้าราชการเป็นส่วนใหญ่

สไตล์ของ พล.อ.ประยุทธ์จึงแก้ปัญหาด้วยอำนาจในมือที่มีเป็นหลัก

ใครขัดแย้งกับรัฐบาล ก็ใช้กฎหมาย ใช้อำนาจเข้าไปควบคุมให้หยุดให้อยู่หมัด

เพียงแต่ในทางกลับกัน รัฐบาลที่ไม่ฟังเสียงเรียกร้อง ใช้แต่อำนาจเข้าไปกดเข้าไปสยบ ก็เป็นเสมือนรัฐบาลที่ท้าทายยั่วยุกับกลุ่มที่มีปัญหาไปเรื่อยๆ

อนาคตบ้านเมืองจึงมีแนวโน้มที่นำไปสู่การแตกหักของปัญหาต่างๆ มีโอกาสจะเกิดความรุนแรงมากกว่าสันติ!!