ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 26 พฤศจิกายน - 2 ธันวาคม 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | โล่เงิน |
เผยแพร่ |
โล่เงิน
เปิดวาร์ป 3 ‘พล.ต.อ.’
แคนดิเดตชิง ผบ.ตร.คนที่ 13
กองทะเบียนพล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เผยแพร่บันทึกข้อความที่ 0009.221/ว 33 ลงวันที่ 11 พฤศจิกายน 2564 รายชื่อข้าราชการตำรวจที่มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ และจะพ้นจากราชการเพราะเกษียณอายุเมื่อสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ.2565 โดยแจ้งรายชื่อข้าราชการตำรวจที่จะเกษียณ 4,403 นาย
เป็นการประกาศรายชื่อเพื่อให้ตรวจสอบและแจ้งแก้ไขให้ถูกต้อง
มีรายชื่อที่น่าสนใจคือ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ที่จะครบ 60 ปีบริบูรณ์ ในวันที่ 19 ธันวาคม 2564 แต่เนื่องจากเกิดหลังวันที่ 30 กันยายน ทำให้ได้รับอายุราชการต่ออีก 1 ปี
จากประกาศดังกล่าว ทำให้ในปี 2565 ตำแหน่ง ผบ.ตร.ว่างลงอย่างแน่นอน
ซึ่งตามกฎหมาย “พระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547” ประกอบประกาศและคำสั่งต่างระบุถึงคุณสมบัติ ผบ.ตร.และการแต่งตั้ง ผบ.ตร. ว่า มาตรา 51 การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่ง ให้แต่งตั้งตามหลักเกณฑ์ ใน (1) ตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งจากข้าราชการตํารวจยศ พล.ต.อ.
มาตรา 53 การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. ให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคัดเลือกรายชื่อข้าราชการตำรวจที่ดำรงตำแหน่งจเรตำรวจแห่งชาติ หรือรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แล้วเสนอคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน แล้วให้นายกรัฐมนตรีนำความกราบบังคมทูล เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง
จากประกาศ ส่งผลให้รอง ผบ.ตร. หรือจเรตำรวจแห่งชาติในปัจจุบัน ซึ่งมียศ พล.ต.อ. 3 นาย คือ พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ที่จะเกษียณพร้อมกันในปี 2566 และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. เกษียณปี 2567 มีสิทธิ์ลุ้นเก้าอี้ต่อจากบิ๊กปั๊ดตามระเบียบ
ส่องโปรไฟล์ 3 แคนดิเดตว่าที่ ผบ.ตร.คนที่ 13
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ หรือบิ๊กเด่น รอง ผบ.ตร. นักเรียนเตรียมทหารรุ่น 22 และ นรต.รุ่น 38 จบปริญญาโท รัฐประศาสนศาสตร์จาก City University ประเทศสหรัฐอเมริกา, หลักสูตร Pacific Training Initiative (PTI) ของ F.B.I, หลักสูตรการควบคุมฝูงชน ของ Tacoma Police Department ประเทศสหรัฐอเมริกา
รับผิดชอบงานความมั่นคง เป็นผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) หรือศูนย์ PCT, ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทาง (ศปข.ตร.), ศูนย์บริหารงานจราจร (ศจร.ตร.), ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.ตร.), ศูนย์บังคับและต่อต้านอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) (ศบตอ.ตร.), ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม และความมั่นคง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศตปค.ตร.) หรือ Anti-Fake News and Security Center of Royal Thai Police (ANSCOP)
จากหน้างานศูนย์พิเศษฯ ที่บิ๊กเด่นได้รับมอบหมาย ค่อนข้างได้เปรียบแคนดิเดตคนอื่นๆ เพราะเป็นงานสนองนโยบายรัฐบาล จึงสามารถโชว์ศักยภาพความสามารถได้อย่างเต็มที่
ทั้งเรื่องกวาดล้างแว้นป่วนเมือง ปราบปรามอาชญากรรมทางไซเบอร์ ปราบเฟกนิวส์ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ
และประวัติศาสตร์ย้อนหลังนับตั้งแต่รัฐบาล คสช. จนถึงปัจจุบัน รอง ผบ.ตร.ที่เคยคุมงานความมั่นคงอย่าง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. รวมไปถึง พล.ต.อ.สุวัฒน์ ผบ.ตร.คนปัจจุบัน ล้วนได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำสีกากีทั้งสิ้น
พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ บิ๊กหิน จเรตำรวจแห่งชาติ จบการศึกษาปริญญาตรีและโทด้านเศรษฐศาสตร์ และบริหารธุรกิจจากสหรัฐอเมริกา เคยดำรงตำแหน่งสำคัญๆ อาทิ ผู้บังคับการกองการต่างประเทศ, ผู้บังคับการสถาบันฝึกอบรมระหว่างประเทศว่าด้วยการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย (ILEA Bangkok), ผบช.สำนักงานเทคโนโลยีและการสื่อสาร เป็นต้น
งานจเรตำรวจยุค “บิ๊กหิน” ถือว่ามีผลงานโดดเด่น ขับเคลื่อนสะสางปัญหาทุจริตอมเบี้ยเลี้ยงโควิด-19, สั่งสอบกราดรูด ผบช.-ผบ.หมู่ 273 นาย บกพร่องบ่อนแพร่เชื้อโควิด-19 ภาคตะวันออก และดำเนินการฟันวินัย-อาญากับตำรวจนอกแถวได้อย่างรุกรบ
ทั้งนี้ พล.ต.อ.วิสนุเคยฝากข้อคิดเนื่องในวันตำรวจปี 2564 ว่า “งานจเรตำรวจ” จึงเหมือนการ QC (Quality Control) เพื่อควบคุมคุณภาพและมาตรฐานตำรวจให้ตอบสนอง “ตลาด” คือ “ประชาชน” ได้อย่างแท้จริง
หากพบอะไรที่ซ่อมแซมได้ ก็ต้องเร่งปรับซ่อม อะไรที่เสียหายเกินเยียวยาไม่คุ้มค่าต่อการซ่อมแซมก็ต้องจำหน่ายทิ้ง เพื่อรักษาความน่าเชื่อถือขององค์กรไว้ให้สามารถยืนอยู่ในสังคมได้อย่างมีศักดิ์ศรี
นอกจากงานจเรตำรวจแล้ว บิ๊กหินยังเป็นหัวหน้าศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและคนเข้าเมือง (ศปชก.ตร.) เคยได้รับคำชื่นชมจากสำนักงานป้องกันปราบปรามยาเสพติดสากลของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา หรือ Bureau of International Narcotics and Law Enforcement Affairs (INL) ในโอกาสครบรอบ 26 ปี
สถาบันฝึกอบรมระหว่างประเทศว่าด้วยการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย กรุงเทพฯ (ILEA Bangkok) หรือ ILEA Bangkok ระบุว่า “บิ๊กหิน” มีบทบาทสำคัญในการสร้างความร่วมมือระหว่างสหรัฐอเมริกาและไทย ซึ่งรวมทั้งสนับสนุนการพัฒนา ILEA Bangkok และร่วมมือกันในด้านการส่งผู้ร้ายข้ามแดน รวมทั้งยังส่งเสริมความร่วมมือระดับภูมิภาคด้วย
พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. นักเรียนเตรียมทหารรุ่น 24 และ นรต.รุ่น 40 จบนิติศาสตรบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง ต่อปริญญาโท MPA จากสหรัฐอเมริกา จบหลักสูตรหลัก FBI จากสหรัฐอเมริกา หลักสูตรสืบสวนจากสหรัฐอเมริกา-ออสเตรเลีย ระหว่างปี 2561-2564 เป็นผู้ช่วย ผบ.ตร. รับผิดชอบทั้งงานสืบสวนสอบสวน งานป้องกันปราบปราม งานกฎหมายและคดี และงานบริหารงบประมาณของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อนขยับขึ้นรอง ผบ.ตร. ติดยศ พล.ต.อ. วาระประจำปี 2564
ล่าสุด “บิ๊กปั๊ด” ปี 2 มอบหมายให้ พล.ต.อ.รอยรับผิดชอบงานป้องกันและปราบปราม เป็นหัวหน้าศูนย์ปราบปรามการลักลอบตัดไม้ ทำลายป่า ทรัพยากรธรรมชาติ (ศปทส.ตร.), ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ศอ.ปส.ตร.), ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว และปราบปรามการค้ามนุษย์ (ศพดส.ตร.) และศูนย์บริหารงานป้องกันปราบปราม (ศปป.ตร.)
ส่วนผลงานสำคัญ ฤดูกาลที่ผ่านมาได้รับความไว้วางใจจาก ผบ.ตร. นั่งหัวหน้าคณะทำงาน สื่อ-สร้าง-สาร ดูแลภาพลักษณ์และเผยแพร่ข่าวของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สวมหมวกอีกใบเป็นรักษาราชการแทน ผบช.ภ.2 ถอนรากถอนโคนปัญหาบ่อนการพนันภาคตะวันออก
ได้เห็นหน้าตาและผลงาน 3 แคนดิเดต ผบ.ตร.คนที่ 13 ไปแล้ว ส่วนใครจะเข้าวิน? นอกจากต้องเร่งทำผลงานพิสูจน์ฝีมือให้ผู้มีอำนาจเห็น ยังต้องลุ้นไม่ให้มีตัวแปรมาแทรกระหว่างทางด้วย