สางปม ‘เสี่ยโจ้ ปัตตานี’ ศาลสั่งคุก-แต่ถูกปล่อย มึน ตร.อ้างไร้หมายจับ ผบ.ตร.เต้น-จ่อฟันวินัย/อาชญา ข่าวสด

อาชญา ข่าวสด

 

สางปม ‘เสี่ยโจ้ ปัตตานี’

ศาลสั่งคุก-แต่ถูกปล่อย

มึน ตร.อ้างไร้หมายจับ

ผบ.ตร.เต้น-จ่อฟันวินัย

 

กลายเป็นเรื่องอื้อฉาวอีกครั้ง สำหรับการทำคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจในยุคนี้

เมื่อสามารถจับกุมผู้ต้องหารายใหญ่ อย่างเสี่ยโจ้ คนดังปัตตานี ในคดีค้าน้ำมันเถื่อนภาคใต้ สร้างความเสียหายให้ประเทศเสียรายได้มหาศาล แต่กลับต้องปล่อยตัวไปหลังอัยการไม่ฟ้องในคดีฟอกเงิน ทั้งที่เคยถูกศาลพิพากษาจำคุกไปแล้วด้วยซ้ำ

จึงไม่แปลกที่สังคมจะตั้งคำถามและคาใจกับเรื่องดังกล่าว แถมเมื่อย้อนประวัติดูก็ต้องตะลึงว่าเสี่ยโจ้นี่แหละ ที่เป็นเจ้าของโพยส่วย จ่ายให้สารพัดหน่วยงานรัฐ

ขณะที่หลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งชี้แจงกันจ้าละหวั่น และในที่สุดก็สรุปออกมาได้ว่าหมายจับในคดีที่ศาลพิพากษาแล้วนั้น ถูกส่งให้ตำรวจตั้งแต่ปี 2557

แต่เหตุใดจึงอันตรธานไปในวันที่ต้องการมากที่สุดนั้น คงต้องรอผลการสืบสวน

จะออกมาอย่างไรคงต้องจับตาดู แต่กระทบกับความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมหรือไม่

สังคมคงจะให้คำตอบ!??

ป.จับเสี่ยโจ้คาร้านก๋วยเตี๋ยว

เหตุการณ์นี้ปรากฎเป็นที่รับรู้ในสังคมเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. นำทีมกองปราบปราม แถลงผลการจับกุมเสี่ยโจ้ หรือนายสหชัย เจียรเสริมสิน อายุ 53 ปี หรือที่รู้จักกันในวงการว่า “เสี่ยโจ้ ปัตตานี” เจ้าพ่อค้าน้ำมันเถื่อนภาคใต้ที่โด่งดัง

เคยถูกบุกค้นบ้านพบโพยส่วยจ่ายถึงหน่วยงานภาครัฐหลายหน่วยงาน แต่สุดท้ายก็เรื่องเงียบ ไม่มีการสรุปว่ามีใครกันบ้างที่รับส่วยจากเสี่ยโจ้

โดย พล.ต.ท.จิรภพระบุว่า เป็นการจับกุมตามหมายจับ ศาลจังหวัดสงขลาที่ จ.60/2564 ลงวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2564 ข้อหา “ร่วมกันฟอกเงิน” หลังจับกุมตัวได้ขณะนั่งกินก๋วยเตี๋ยวในตลาดกลางคืน ย่านห้วยขวาง แขวงและเขตดินแดง กทม. เมื่อคืนวันที่ 4 พฤศจิกายน

พร้อมระบุที่มาที่ไปว่า สืบเนื่องจากปี 2555 ชุดปราบน้ำมันเถื่อน ตร. จับกุมเรือลักลอบขายน้ำมัน ขณะลักลอบขายน้ำมันเถื่อน ที่บริเวณน่านน้ำ จ.สงขลา ยึดของกลางน้ำมันเถื่อน 2 พันลิตร และเงินสด 48 ล้านบาท จากนั้นจึงขยายผล จับกุม “เสี่ยโจ้” นำตัวไปตรวจค้นที่พักพบเอกสารซื้อขายน้ำมันเถื่อน 400-500 ล้านลิตร จำหน่ายไปกว่า 1 หมื่นครั้ง พนักงานสอบสวนจึงมีความเห็นสั่งฟ้องไป และส่งไปที่อัยการสูงสุด ขณะนี้คดียังไม่เสร็จสิ้นอัยการอยู่ระหว่างสั่งสอบเพิ่มเติม

ต่อมาปี 2558 พนักงานสอบสวน บก.ปอศ. เห็นว่าการค้าน้ำมันเถื่อนเป็นความผิดมูลฐานฟอกเงิน จึงมีการออกหมายจับเมื่อปี 2564 จนนำไปสู่การจับกุมเสี่ยโจ้ได้ย่านห้วยขวาง ทั้งนี้ จากการสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

พล.ต.ท.จิรภพกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ พบว่า “เสี่ยโจ้” ยังมีอีกคดีที่ศาลพิพากษาแล้ว คือ ข้อหาทำขึ้น ปลอมขึ้น ซึ่งดวงตรา รอยตรา หรือแผ่นตรวจลงตรา อันใช้ในการตรวจลงตรา สำหรับเดินทางระหว่างประเทศ

โดยพฤติการณ์แห่งคดี ตั้งแต่ 17 มิถุนายน 2557 ชุดปฏิบัติการปราบปรามภัยแทรกซ้อนต่อความมั่นคง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า บุกตรวจ หจก.สินทรัพย์ทวีค้าไม้ของนายสหชัย และคุมตัวนายสหชัยไปสอบสวนในคดีความมั่นคง เพื่อสอบสวนเกี่ยวกับการค้าน้ำมันเถื่อน รวมทั้งการเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้กับขบวนการก่อความไม่สงบ

ซึ่งก็พบหลักฐานแผ่นตรวจลงตราเข้าเมืองปลอมจำนวนมาก คาดว่าเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้ายไม้ พนักงานสอบสวนสั่งฟ้อง ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาจำคุก 1 ปี 9 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ส่วนศาลฎีกายกคำร้องจำเลย แต่เสี่ยโจ้ยังไม่เคยติดคุกตามคำพิพากษา

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ติดตามล่าตัวเสี่ยโจ้มาโดยตลอด พบว่าเป็นผู้กว้างขวาง มีประวัติเดินทางเข้า-ออกประเทศเพื่อนบ้านตลอด พบใช้หนังสือเดินทางของกัมพูชา หลบเลี่ยงการตรวจสอบของ ตม. ซึ่งจะต้องขยายผลต่อไป ซึ่งจากข้อมูลของเจ้าหน้าที่ เสี่ยโจ้มีคดีติดตัวถึง 14 คดี ตั้งแต่ปี 2546-2561

ให้ความมั่นใจว่าต้องดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดแน่นอน!??

อัยการไม่ฟ้อง-ต้องปล่อยตัว

แต่แล้วก็เกิดเรื่องปาฏิหาริย์ขึ้นจนได้ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวเสี่ยโจ้ส่งอัยการจังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน แต่สุดท้ายก็ถูกปล่อยตัวไป แม้มีคดีติดตัวยาวเป็นหางว่าวก็ตาม!??

โดย พล.ต.ท.จิรภพชี้แจงว่า เมื่อตำรวจจับกุมเสี่ยโจ้ในความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน ก็ได้ตรวจสอบในระบบหมายจับค้างเก่า ไม่พบว่าเสี่ยโจ้มีหมายจับที่อื่น รวมทั้งไม่พบหมายจับคดีค้าเก่าในข้อหาปลอมแปลงเอกสาร ที่ศาลจังหวัดปัตตานีมีคำพิพากษาจำคุก 1 ปี 9 เดือน

แต่จากการสืบสวนก็เชื่อว่ายังมีหมายจับในคดีดังกล่าว ช่วงค่ำวันที่ 5 พฤศจิกายน จึงทำหนังสือสอบถามไปยังศาลจังหวัดปัตตานีว่ามีหมายดังกล่าวหรือไม่ ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องของทางธุรการทำให้ศาลไม่เจอสำนวนหรือหมายจับ ตำรวจจึงนำตัวผู้ต้องหาส่งอัยการในคดีฟอกเงิน

ซึ่งอัยการสั่งไม่ฟ้อง และระบุว่าไม่มีอำนาจควบคุมตัว จนต้องปล่อย “เสี่ยโจ้” ออกไปอย่างลอยนวล

ขณะที่นายประยุทธ เพชรคุณ ในฐานะรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ชี้แจงว่า ตำรวจได้คุมตัวเสี่ยโจ้ไปส่งอัยการสงขลา ตามหมายจับในคดีฟอกเงินและค้าน้ำมันเถื่อน จากนั้นอัยการจังหวัดสงขลามีคำสั่งไม่ฟ้อง เสนอให้อธิบดีอัยการภาค 9 พิจารณา ซึ่งก็เห็นด้วยกับคำสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหา

ทั้งนี้ ก่อนจะปล่อยตัวเสี่ยโจ้ เพราะไม่มีอำนาจควบคุมตัว ได้ถามตำรวจที่คุมตัวเสี่ยโจ้มาส่งแล้วว่า ผู้ต้องหามีคดีอื่นๆ อีกหรือไม่ เพื่ออายัดตัว หรือส่งตัวไปดำเนินคดี แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันกับอัยการจังหวัดสงขลาว่าผู้ต้องหาไม่มีคดีอื่นๆ จึงต้องปล่อยตัวไป

ซึ่งไม่ใช่ว่าคดีนี้จะสิ้นสุด เพราะต้องส่งความเห็นเสนอให้ ผบ.ตร.พิจารณา ว่าเห็นด้วยกับคำสั่งไม่ฟ้องของอัยการหรือไม่ ถ้าเห็นด้วยคดีก็ยุติ แต่ถ้าไม่เห็นด้วยก็ส่งอัยการสูงสุดชี้ขาด

นอกจากนี้ ยังระบุว่า คดีเสี่ยโจ้ที่อยู่ในความรับผิดชอบของอัยการจังหวัดปัตตานีอีก 5 สำนวน ทุกคดียุติหมดแล้ว!??

และคล้อยหลังจากการปล่อยตัว “เสี่ยโจ้” ไปไม่กี่ชั่วโมง ช่วงเย็นวันที่ 6 พฤศจิกายน ศาลจังหวัดปัตตานีก็ส่งหมายจับในคดีที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว 1 ปี 9 เดือน ให้กับกองปราบฯ จนได้

ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่รอช้า บุกเข้าค้นบ้านเสี่ยโจ้ในช่วงเช้าของวันอาทิตย์ที่ 7 พฤศจิกายน แต่ไม่เจอตัว และเชื่อว่ามีโอกาสสูงที่จะหลบหนีไปต่างประเทศแล้ว

ไม่รู้จะได้เจอตัวกันอีกหรือไม่!??

โรงไม้ที่ปัตตานี

 

ผบ.ตร.สั่งสอบปมหมายจับหาย

ขณะที่ศาลจังหวัดปัตตานีออกแถลงชี้แจงว่า ตามที่ปรากฏข่าวเผยแพร่ตามสื่อมวลชนต่างๆ กรณีนายสหชัย หรือโจ้ เจียรเสริมสิน ได้รับการปล่อยตัวไปหลังจากพนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง

สำนักงานศาลยุติธรรม ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ปรากฏว่า ศาลจังหวัดปัตตานีมีคำพิพากษา ในคดีหมายเลขแดงที่ 2777/2557 เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2557 ให้ลงโทษจำคุกนายสหชัย หรือโจ้ มีกำหนด 1 ปี 9 เดือน ในความผิดเกี่ยวกับเอกสาร ความผิดเกี่ยวกับดวงตราฯ แต่นายสหชัยหรือโจ้ หลบหนีจากการควบคุมของเจ้าพนักงานไปในวันดังกล่าว

ศาลจังหวัดปัตตานีจึงได้ออกหมายจับ ที่ 223/2557 ลงวันที่ 9 ตุลาคม 2557 และส่งหมายจับฉบับดังกล่าวให้แก่ผู้ ผบภ.ภ.จว.ปัตตานี และ ผกก.สภ.บ้านแหลม แล้ว ตามหนังสือศาลจังหวัดปัตตานี ที่ ศย.309.007/8711 และ ศย.309.007/8712 ลงวันที่ 9 ตุลาคม 2557 ตามลำดับ

ทั้งเมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษายืน ศาลจังหวัดปัตตานีก็ออกหมายจับ ที่ 68/2558 ลงวันที่ 26 พฤษภาคม 2558 เพื่อจับนายสหชัยหรือโจ้ มารับโทษตามคำพิพากษาด้วยแล้ว

และได้ส่งหมายจับฉบับใหม่นี้ให้ ผบก.ภ.จว.ปัตตานี และ ผกก.สภ.บ้านแหลม แล้วเช่นกัน ตามหนังสือศาลจังหวัดปัตตานี ที่ ศย.309.007/4128 และ ศย.309.007/4129 ลงวันที่ 26 พฤษภาคม 2558 ตามลำดับ

ด้าน พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. สั่งให้สอบสวนข้อเท็จจริง พร้อมระบุว่า บช.ภาค 9 รายงานว่าศาลส่งหมายจับมาแล้วจริงตั้งแต่ 9 ตุลาคม 2557 เบื้องต้นจากการพูดคุยกันอาจมีเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในข่ายที่จะต้องถูกสอบสวนข้อเท็จจริงทางวินัย ซึ่งทางจเรตำรวจแห่งชาติจะพิจารณาประมวลเรื่องเสนอมาว่ามีใครบ้าง

ส่วนคดีของเสี่ยโจ้ เบื้องต้นมี 14 คดี สอบเสร็จแล้ว 11 คดี เหลือ 3 คดี คือ 1.เรื่องการสอบเพิ่มเติมกรณีค้าน้ำมันเถื่อนหมื่นกว่ารายการ 2.การฟอกเงิน ที่อัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง ซึ่ง ตร.จะมีความเห็นแย้งไป และ 3.คดีที่อยู่ในการสอบสวนของ ปปท.

ส่วนหมายจับที่ยังใช้ได้คือของศาลจังหวัดปัตตานีที่บังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ที่สั่งจำคุก 1 ปี 9 เดือน ก็ต้องไปติดตามจับกุมตัวมาให้ได้ จะไปไหนก็ต้องติดตามจับ

คนที่บกพร่อง ก็เป็นการบกพร่องโดยตัวบุคคล ไม่ใช่หน่วยงาน ไม่ใช่ภาพรวมของตำรวจ ใครผิดก็ลงโทษไป ไม่ได้มีปัญหาอะไร

แม้จะย้ำว่าเป็นความผิดส่วนบุคคล แต่ที่แน่ๆ เสี่ยโจ้ได้หายตัวไปเรียบร้อย แม้จะถูกตำรวจจับได้คาหนังคาเขา แถมยังเปิดแถลงข่าวเสียใหญ่โต

หากไม่สามารถจับกุมตัวมาได้ ก็ไม่แปลกจริงๆ ที่สังคมจะคาใจ!??