เสถียร จันทิมาธร/วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย/เงื่อนไข ซือแป๋ สหาย

เสถียร จันทิมาธร

วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย/เสถียร จันทิมาธร

เงื่อนไข ซือแป๋ สหาย (99)

มีความย้อนแย้งอย่างยิ่งของความสัมพันธ์ระหว่างอึ้งเอี๊ยะซือกับเอี้ยก่วย ดำเนินไปเหมือนความสัมพันธ์ระหว่างอั้งชิดกงกับเอี้ยก่วย

เริ่มจากเอี้ยก่วยคุกเข่าลงกับพื้นกราบกราน 8 ครั้งครา พร้อมกับเปล่งคำ

“ซือแป๋”

ทาง 1 เอี้ยก่วยตระหนักว่าอึ้งเอี๊ยะซือถ่ายทอดวิชาฝีมือเพื่อต้องการให้ทวงถามความอัปยศจากลี้มกโช้วที่เขียนข้อความแดกดัน 4 ประโยค ดังนั้น ต้องมีพันธะฉันอาจารย์กับศิษย์จึงถูกต้อง

ขณะเดียวกัน ทาง 1 อึ้งเอี๊ยะซือทราบดีว่าเอี้ยก่วยมีความผูกพันกับสำนักสุสานโบราณอย่างลึกล้ำ ไม่ยอมกราบกรานอาจารย์อื่นอีก จึงประคองเอี้ยก่วยขึ้น “ขณะที่เจ้าประมือกับนางมารนั้นนับเป็นศิษย์ของเรา นอกจากนี้ ถือเป็นสหายเรา เอี่ยเฮียตี๋เจ้าเข้าใจหรือไม่”

“สามารถคบหาสหายเช่นท่านนับเป็นเรื่องราวอันสมใจนัก” เอี้ยก่วยสำนองรับอย่างยิ้มแย้ม

“เราพบพานเจ้าก็เป็นวาสนาที่สะสมมา 3 ชาติ” อึ้งเอี๊ยะซือโอภาตอบด้วยความปราโมทย์ไม่ต่างกัน

ทั้ง 2 ปรบมือ หัวร่อดังๆ คลื่นเสียงสะท้านไปทั่วห้องหับ

เท่านั้นยังไม่พอ อึ้งเอี๊ยะซือยังอธิบายเคล็ดความสำคัญของ “ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์” และเพลงกระบี่ “ขลุ่ยหยก” อีกเที่ยวหนึ่ง

เป็นการบอกกล่าวอย่างละเอียดถี่ถ้วน

เอี้ยก่วยเห็นเช่นนี้ทราบดีว่าอีกฝ่ายคิดจากไปจึงกล่าวขึ้นอย่างสะทกสะท้านในหัวใจ “รู้จักกันไม่นานก็ต้องแยกทางกัน โอกาสพบกันใหม่ไม่ทราบเป็นวันเดือนใด”

“เราสองตีแผ่หัวใจคบหากัน ต่อให้อยู่สุดขอบฟ้าก็ปานประหนึ่งบ้านใกล้เรือนเคียง ภายภาคหน้าหากเราทราบว่ามีคนขัดขวางการแต่งงานของเจ้า แม้อยู่ห่างไกลหมื่นลี้ก็จะรีบรุดมาช่วยเหลือ” เป็นเหมือนกับคำรับรอง

“เกรงว่าบุคคลแรกที่เสนอหน้าออกก้าวก่ายจะเป็นธิดาท่านเอง”

“นางเองแต่งงานกับชายในดวงใจก็ไม่นึกถึงความคะนึงหาของผู้อื่นหรือ ธิดาสุดวิเศษของเราผู้นี้ที่แล้วมาเอนเอียงไปทางสามี เฮอะ เฮอะ ธิดาพอแต่งงานคล้อยตามสามี ประกอบด้วย 3 คล้อยตาม 4 จริยะ ช่างประเสริฐเลิศล้ำนัก”

กล่าวพลางหัวร่อฮา ฮา จัดแจงเสื้อผ้าอาภรณ์เดินออกนอกประตู

เพียงชั่วพริบตาพลัน เสียงหัวร่อฮา ฮา ก็ล่วงหน้าไปไกลหลาย 10 วา เฉกเช่นมังกร เทพยดา ไปมาโดยไร้ร่องรอย

เอี้ยก่วยตะลึงลานอยู่ชั่วขณะ จากนั้นนั่งนึกทบทวนเคล็ดวิชาฝีมือที่ถ่ายทอดมาโดยภูตบูรพาอึ้งเอี๊ยะซืออย่างเอาจริงเอาจัง

ไม่นานให้หลังท้องฟ้าก็รุ่งสาง สว่างแจ้ง

พลันเห็นประตูไม้ถูกผลักออก เที้ยเอ็งเดินเข้ามา ในมือถือเสื้อยาวสีเขียวตัวหนึ่ง ยิ้มพลางกล่าวขึ้น

“ท่านลองสวมใส่ ดูว่ารับรูปหรือไม่”

เอี้ยก่วยตื้นตันใจยิ่ง ขณะยื่นมือรับ 2 มือสั่นสะท้านเล็กน้อย พอสบกับสายตาก็ประจักษ์ว่าดวงตานางช่างอ่อนโยน นุ่มนวล เปี่ยมด้วยความห่วงหา อาทร ดังนั้น เดินถึงข้างเตียงเปลี่ยนเป็นสวมเสื้อยาวตัวใหม่

รู้สึกว่าตัวเสื้อ ช่วงลำตัวล้วนรับรูป

“ข้าพเจ้า ข้าพเจ้า ต้องขอขอบคุณท่านจริงๆ” ทุกประโยค ทุกถ้อยคำ ล้วนกลั่นออกมาจากความจริงใจ

เที้ยเอ็งแย้มยิ้มอย่างอ่อนหวานอีกครา จากนั้นสีหน้าทอแววละห้อย หดหู่

“ซือแป๋จากไปแล้ว ไม่ทราบเวลาใดจึงจะได้พบกันใหม่”

คํ่าคืนนั้นเอี้ยก่วยพลิกตัวไปมายากที่จะข่มตาหลับใหล ยามเคลิบเคลิ้มเลอะเลือนกลับได้ยินเสียงเคาะที่ประตู เป็นเสียงของเล็กบ้อซัง

“ส่าตั่ง ส่าตั่ง รีบออกมาชมดู”

เมื่อออกจากห้องและมองตามมืออันชี้ไปยังห้องเก็บฟืนก็ต้องใจหายวูบ ที่แท้บนประตูไม้ประทับรอยฝ่ามือโลหิตสีแดงฉาน 4 รอย แสดงว่าเมื่อคืนลี้มกโช้วรุดมาสืบเสาะทราบว่าอึ้งเอี๊ยะซือจากไปจึงประกาศเจตจำนง

เป็นเจตจำนงที่จะฆ่า ที่จะทำลาย