ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ

หนุ่มเมืองจันท์ / www.facebook.com/boycitychanFC

 

จะข้ามมหาสมุทร

 

ทุกสิ้นปีที่มีคนส่ง “ของขวัญปีใหม่” มาให้

สังเกตไหมครับว่าไม่ค่อยมีใครส่ง “หนังสือ” เป็นของขวัญปีใหม่เลย

ตอนแรกคิดว่าคนส่วนใหญ่ไม่ชอบ

คนซื้อก็เลยไม่เลือก “หนังสือ”

จนเมื่อ 12 ปีที่แล้ว ผมทำหนังสือเล่มหนึ่งเป็นการรวบรวมเรื่องที่ประทับใจที่เคยพิมพ์ในหนังสือชุด “ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ” ของผมมาพิมพ์เป็นหนังสือเล่มเล็กๆ ราคาถูก

ชื่อว่า “ความสุข ณ จุดที่ยืนอยู่”

ปรากฏว่าขายดีมาก

ผ่านมา 12 ปี พิมพ์ไป 25 ครั้ง

และมักจะขายดีในช่วงใกล้ๆ สิ้นปี

เพราะคนซื้อเป็น “ของขวัญปีใหม่” แจกเพื่อนๆ

“ความสุข ณ จุดที่ยืนอยู่” ทำให้ผมรู้ว่ามีคนจำนวนมากอยากได้ “หนังสือ” เป็น” ของขวัญ”

ขอให้มีราคาที่เหมาะสม

เพราะทุกคนมีงบในใจอยู่แล้วว่าของที่แจกคนเยอะๆ ราคาประมาณเท่าไร

ช่วงที่ผ่านมามีหลายคนเดินมาถาม หรือบางคนส่งข้อความมาถามว่าเมื่อไรจะมีหนังสือแบบนี้อีก

เพราะคนที่ได้รับ “ของขวัญความสุข” ที่เป็น “หนังสือ” ชอบมาก

เมื่อปีที่แล้ว ผมเลยลองทำอีกเล่มหนึ่ง

“เพราะเราก้าวเดิน จึงเกิดทาง”

เป็นหนังสือที่เลือกเรื่องที่ประทับใจในเล่มต่างๆ มารวมเล่มเหมือนเดิม

ทำเป็นเล่มเล็กๆ ราคาไม่แพง

เสียงตอบรับดีมากเลยครับ

มีทั้งซื้อไปอ่านเอง ซื้อฝากเพื่อน

และที่ซื้อไปเป็น “ของขวัญ” เยอะมาก

บางบริษัทสั่งซื้อเป็น 100 เล่ม

เพราะเมื่อเทียบกับของขวัญที่ต้องซื้อทุกปีอยู่แล้ว

ซื้อหนังสือถูกกว่า

แต่มีคุณค่าทางใจมากกว่า

 

ปีนี้ผมก็ทำขึ้นมาอีกเล่มหนึ่ง

ตอนที่ทำก็คิดถึงอารมณ์ความรู้สึกของคนส่วนใหญ่ในวันนี้

เราเผชิญกับ “โควิด” เมื่อต้นปี 2563

เป็นภาวะที่ไม่มีใครสามารถจินตนาการได้ว่าวิกฤต “โควิด” จะหนักหนาสาหัสขนาดนี้

หลายคนต้องเดินบนเส้นทางสายใหม่ที่ไม่คุ้นชิน

วันนั้น ผมนึกว่า “โควิด” จะเป็นสายลมแห่งความเปลี่ยนแปลงที่แม้จะพัดผ่านมายาวนานเป็นปี

แต่ไม่นึกว่าจะยาวนานข้ามมาจนถึงวันนี้

สิ้นปี 2564

คนที่ก้าวเดินบนเส้นทางใหม่คงอยู่ในช่วงเวลาแห่งความสับสน

และตั้งคำถามในใจว่าเราเดินมาถูกทางหรือเปล่า

ในขณะที่บางคนยืนหยัดอดทนต่อความโหดร้ายมายาวนาน แต่วันนี้เพิ่งตัดสินใจเปลี่ยนแปลงเส้นทางชีวิต

หรือแม้แต่คนที่ยังไม่เปลี่ยนแปลง แต่ยืนหยัดที่จะสู้กับวิกฤตต่อไป

ทุกคนล้วนต้องการสิ่งเดียวกัน

คือ “ความหวัง”

และ “กำลังใจ” จาก “ใครสักคน”

ตอนคิดชื่อหนังสือเล่มใหม่

ผมนึกถึง “โคลัมบัส”

แม้วันนี้ “โคลัมบัส” จะถูกตั้งคำถามแห่งยุคสมัยในแง่มุมต่างๆ

แต่ในมุมของ “นักเดินทาง” เขายังเป็นนักผจญภัยที่ยิ่งใหญ่

สำหรับผม ความยิ่งใหญ่ของ “โคลัมบัส” ไม่ใช่การค้นพบทวีปอเมริกา

แต่เกิดขึ้นเมื่อเขาตัดสินใจล่องเรือออกไปสู่มหาสมุทรที่เวิ้งว้างเป็นเวลายาวนาน

ด้วยความศรัทธาและเชื่อมั่นว่ามี “แผ่นดินใหม่” อยู่เบื้องหน้า

วันนี้หลายคนคงคล้ายๆ กับ “โคลัมบัส”

กำลังเผชิญกับคลื่นลมในชีวิต

ต้องการอะไรบางอย่างที่ผลักดันให้เราเดินต่อไป

ผมตั้งคำถามเล่นๆ ว่าอะไรทำให้ “โคลัมบัส” ไม่หันหัวเรือกลับ

แต่ยังเดินหน้าไปเรื่อยๆ

จนอ่านเจอประโยคหนึ่งของ “คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส”

ผมคิดว่านี่คือ “คำตอบ” ที่ผมค้นหามานาน

“You can never cross the ocean until you have the courage to lose sight of the shore”

ครับ “เข็มทิศ” บอกทางให้เรือ

แต่ “ความเชื่อ” จะพาเราไปถึงเป้าหมาย

แล้วคำนี้ก็ผุดขึ้นมา

“จะข้ามมหาสมุทร อย่าหันกลับไปมองชายฝั่ง”

ชื่อหนังสือเล่มใหม่ของผมครับ

 

เล่มนี้ผมได้ลองวิชาใหม่ในการทำหนังสือ

สนุกมากและคิดว่าคนอ่านคงจะชอบ

ผมเพิ่งอ่านบทสัมภาษณ์ของช่างทำแหวนเพชรคนหนึ่ง

เขาบอกว่ามีคู่แต่งงานหลายคนที่อยากทำแหวนแต่งงานใหม่จากแหวนเก่าของคุณแม่ที่ลวดลายอาจวินเทจไปหน่อย

อยากมี Story โยงถึงความรักของคุณพ่อ-คุณแม่

เจ้าบ่าวจะเอาเพชรเก่ามาใส่ในเรือนใหม่ที่ออกแบบตามใจเจ้าสาว

ช่างจะเริ่มต้นด้วยออกแบบแหวนวงใหม่ขึ้นมาก่อน

จากนั้นค่อยหาเพชรที่เหมาะสมจากแหวนเก่ามาเรียงในเรือนใหม่

“เพชร” ก็คือ “เพชร”

แม้จะเป็น “เพชรเก่า” แต่เมื่อมาวางบนแหวนวงใหม่

มันจะงดงามและได้ความรู้สึกใหม่

…ที่ไม่เหมือนเดิม

พออ่านจบ ผมเพิ่งรู้ว่าช่างทำแหวนเพชรทำงานแบบเดียวกับที่ผมทำหนังสือเลย

แฮ่ม…

เพราะตอนที่ทำหนังสือ “จะข้ามมหาสมุทร อย่าหันกลับไปมองชายฝั่ง”

ผมวางโครงเรื่องของหนังสือก่อน แล้วค่อยคัดเลือกเรื่องที่เหมาะสม

เลือกมาประมาณ 50 เรื่อง

จากนั้น ค่อยๆ อ่านทีละเรื่อง

เรื่องไหนคุณภาพไม่ถึง ยังไม่เข้ากับโครงเรื่อง

ออกไป!!

ตะโกนแบบนี้เลยครับ

คัดออกแบบไม่ไยดี 555

คัดเรื่องออกเกินครึ่ง

จากนั้นก็รีไรต์ใหม่ บางเรื่องก็เล่าใหม่เชื่อมโยงกับเรื่องอื่นด้วยไหมทองคำจนกลายเป็นเนื้อเดียวกัน

เหมือนเอาเพชรเก่ามาเจียระไนใหม่

บางเรื่องก็เขียนใหม่ขึ้นมา

แล้วค่อยๆ เรียง “เพชร” เหล่านี้ลงบนโครงเรื่องที่วางไว้

กลายเป็นหนังสือ “จะข้ามมหาสมุทร อย่าหันกลับไปมองชายฝั่ง”

เฮ้อ…การอธิบายงานศิลปะ มันเหนื่อยจริงๆ

ผมอยากให้ทุกคนเมื่ออ่านจบเกิดความรู้สึกเหมือนชื่อหนังสือ

อาจไม่ถึงขั้นผลุนผลันลุกขึ้น คว้าดาบไปออกรบ

แต่จะลุกขึ้นช้าๆ มองไปข้างหน้า

ค่อยๆ ก้าวทีละก้าวอย่างมั่นคง

อาจจะช้า

แต่ไม่หยุดเดิน

และไม่หันกลับไปมองข้างหลัง

 

หนังสือเล่มนี้จะเปิดพรีออเดอร์ทางเพจ BoycitychanFC วันที่ 14-17 พฤศจิกายน

ราคา 175 บาทเองครับ ค่าส่งฟรี

ราคาเท่ากับคุกกี้กระป๋องอาร์เซนอล หรือสตาร์บัคส์แก้วเดียว

ถ้าซื้อเยอะๆ เหลือแค่ 140 บาท

หนังสือจะเสร็จประมาณต้นเดือนธันวาคม และวางขายเป็นหนังสือเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะร้านบีทูเอสเท่านั้น

“ข้ามมหาสมุทร” ไปด้วยกันนะครับ