เผยแพร่ |
---|
กรณีแฮ็กเกอร์เจาะทะลวงเข้าไปยึดและเปลี่ยนเว็บเพจของศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมกับนำเสนอเพลงในจังหวะฮิพฮอพอันร้อนแรงสุดขีดแห่งอารมณ์
ไม่เพียงเป็นการหยามหยันต่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญโดยตรง หากแต่ยังเป็นการไยไพต่อรัฐบาลอย่างชนิดไม่ไว้หน้า
แม้ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม จะออกมากล่าวเป็นนัยๆว่าพอจะรู้ตัวคนที่อยู่เบื้องหลังในการแฮ็กครั้งนี้
กระนั้น เมื่อยอมรับว่ายังไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ในเมื่อทั้งพาสเวอร์และยูสเซอร์เนม ล้วนถูกแฮ็กเกอร์ฉกเอาไปไว้ในการครอบครองก็เท่ากับตกอยู่ในสภาพงอก่องอขิง
นี่ไม่เพียงแต่ยืนยันถึงสภาพในการตั้งรับของศาลรัฐธรรมนูญเท่านั้น หากแต่ยังเท่ากับเป็นการยอมจำนนของกระทรวงดีอีเอสด้วย
การพร่ำประกาศในเรื่อง ไทยแลนด์ 4.0 ก็ไร้ความหมาย
เพราะในทางเป็นจริง หน่วยงานสำคัญอย่างศาลรัฐธรรมนูญก็ยังอยู่ในโลกแห่งอะนาล็อกมิได้ก้าวสู่โลกแห่งดิจิทัลอย่างแท้จริง
หากฟังคำประกาศ ไม่ว่าจะมาจากปาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าจะมาจากปาก นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ เหมือนกับว่าประ เทศได้ก้าวเข้าสู่ ไทยแลนด์ 4.0 แล้วอย่างสมบูรณ์
เห็นได้จากบรรยากาศของ เวิร์ก ฟร็อม โฮม เห็นได้จากบรรยา กาศแห่งการเรียนทางออนไลน์
ไม่ว่าระดับ”มหาวิทยาลัย” ไม่ว่าระดับ”โรงเรียน”
แต่เมื่อเข้าไปสัมผัสกับสภาพของความขัดแย้งก็จะเห็นได้จากรูปธรรมการถกเถียงในประเด็น”อัญเชิญพระเกี้ยว” ก็จะเห็นได้จาก การเน้นไปยัง”ทรงผม”และ”เครื่องแบบ”นักเรียน
การย้อนทวนประวัติศาสตร์จากยุคสุโขทัย กรุงศรีอยุธยา เพื่อ
กำราบการเคลื่อนไหวของ”คณะราษฎร 2564”
ปฏิบัติการของแฮ็กเกอร์ในการแฮ็กเข้าไปยึดครองหน้าเพจของศาลรัฐธรรมนูญจึงเท่ากับเป็นปฏิกิริยาโดยตรงต่อคำวินิจฉัยที่ตุลาการอ่านเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายนก็ยังไม่มีคำตอบว่าเป็นใคร
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนองค์การด้าน ความมั่นคงก็ยังอยู่ในความไม่มั่นใจว่าเป็นปฏิบัติการอย่างไรและมาจากฝีมือของกลุ่มใด
เท่ากับการเคลื่อนไหวต่อสู้ได้เข้าสู่ยุคแห่งดิจิทัลแล้ว