หลังเลนส์ในดงลึก : ‘เสือ’ / ปริญญากร วรวรรณ

ม.ล.ปริญญากร วรวรรณ
เสือดาว - ซุ่มรอนิ่งๆ เป็นวิธีหนึ่งที่เสือดาวใช้ในการล่า

 

 

‘เสือ’

 

อุทยานแห่งชาติ Etosha ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศนามิเบีย

เป็นเวลาบ่ายที่ไอแดดสะท้อนพื้นระยิบระยับ เสือดาวตัวหนึ่งนอนหมอบอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ที่อาศัยเป็นร่มเงาอยู่ราวๆ 20 นาที ก่อนลุกขึ้นมองซ้าย-ขวา และเดินตรงเข้ามา

ผมอยู่บนรถแลนด์ครุยเซอร์ มองเสือตัวนั้นเดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

เสือดาวไม่ใช่เสือแปลกหน้าสำหรับผมหรอก ทำงานในป่าผมได้รับอนุญาตให้พบพวกมันบ่อยๆ แม้ว่าที่นี่จะอยู่ห่างไกลคนละมุมโลก แต่พวกมันคือญาติกัน ไม่มีความแตกต่าง

ที่นี่ดูเหมือนพวกมันคุ้นเคยดีกับคนที่เฝ้ามองอยู่บนรถ จึงเดินเข้ามาใกล้ จนเอื้อมมือถึง ได้สบสายตา นอกจากจะไม่รู้สึกถึงความแตกต่างกับเสือดาวที่เคยพบในที่ทำงาน

แววตาของมันทำให้ผมนึกถึงเสือดาวตัวหนึ่งที่เคยพบ

มันเป็นเสือตัวที่ต้องใช้เวลาผ่านเวลามานานพอสมควร ผมถึงรู้ความหมายในสิ่งที่มันทำให้เห็น

 

ในป่าบูโด ผมไม่เคยพบเจอเสือ ไม่พบไม่ได้หมายความว่าป่านี้ไม่มีเสือ

บ้านพักในอุทยานแห่งชาติ บูโด-สุไหงปาดี เชิงน้ำตกปาโจ ดร.ชุมเป เพื่อนร่วมบ้านชาวญี่ปุ่นศึกษาเรื่องผลไม้ที่เป็นอาหารของนกเงือกในป่ามานานกว่า 5 ปี เริ่มตั้งแต่ในป่าเขาใหญ่ จนมาปักหลักอยู่แถวป่าบูโด

วันหนึ่งเขากลับจากป่า และเอารูปจากกล้องดักถ่ายมาให้ดู

เก้ง, หมูป่า, ลิงกัง และที่ทำให้ผมตื่นเต้นเป็นรูปสมเสร็จ

“อย่าเพิ่งตื่นเต้นครับ มีรูปที่คุณจะตื่นเต้นกว่า” เขาพูดภาษาไทยชัด

“นี่ครับ” เขาเลื่อนภาพในจอคอมพ์

“เสือไฟนะครับ”

เป็นภาพอันทำให้ผมตื่นเต้นกว่าจริง เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นว่า พวกมันออกทำงานในตอนกลางคืน เหยื่อคือสัตว์ขนาดเล็ก บรรดาสัตว์ฟันแทะ รวมทั้งนก, แมลง และพวกกบ เขียด การพบในตอนกลางวัน โอกาสมีไม่มาก แม้ว่าในป่าดิบชื้นแถบนี้จะเป็นแหล่งอาศัยของพวกมัน

การดูรูปจากกล้องดักถ่าย นั่นเราไม่รู้ว่า กล้องบันทึกตัวอะไรมาบ้าง กล้องที่เขาติดตั้งไว้ตามด่าน ทำให้เราตื่นเต้นเสมอ

“ใช้กล้องดักถ่ายสะดวกดีนะครับ คุณไม่ต้องไปนั่งเฝ้าเอง” เขาบอกผมบ่อยๆ

ผมไม่ปฏิเสธ กล้องดักถ่ายช่วยได้มาก โดยเฉพาะในงานวิจัย

แต่ผมยังเลือกการเฝ้ารอ และได้สบตากับสัตว์ป่า หลังกดชัตเตอร์นั้นสำคัญ

เสือตัวแรกที่ผมมีโอกาสพบคือเสือดาว ได้สบตา ดูเหมือนว่า ระหว่างเรา เส้นทางจะโคจรมาพบกันเรื่อย เวลาผ่านมานานแต่ผมจำแววตาคู่นั้นได้

ในความเป็นจริง ลายบนขนเสือดาวนั่น ไม่มีซ้ำกันเลยสักตัว ผมคิดเสมอว่า แววตาพวกมันก็เช่นกัน

 

ในป่าดิบชื้น ซึ่งมีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยต่อปีมากกว่า 2,000 ม.ม. และในบางพื้นที่มากกว่า 3,000 ม.ม.เสียด้วยซ้ำ ในสภาพป่าที่เป็นสังคมพืชถาวร และเคยครอบคลุมเกือบทั้งพื้นที่ภาคใต้ ถึงวันนี้ ป่าที่ราบต่ำถูกปรับเปลี่ยนเป็นพื้นที่เกษตร พื้นที่ป่าที่เหลือส่วนใหญ่คือพื้นที่ภูเขาสูงชัน

“เดินป่าที่นี่ ทางเดียวที่จะลดความเมื่อยคือมีปีกบินแบบนกนะครับ” ผมบอกเหล่าเพื่อนร่วมทางบ่อยๆ

สิ่งที่ยังไม่เปลี่ยนไปนักคือ ปริมาณน้ำฝน เราต้องเผชิญกับสายฝนที่หนักบ้าง เบาบ้าง ทุกวัน

ที่นี่ผมไม่เคยพบเสือ แต่ได้ยินคนพูดถึงเสือบ่อยๆ

“เสือมีนะ เราเห็นรอยมันในหุบ เสือใหญ่ด้วย” ฮาวา ชายวัยกลางคนบอกผม

“เสือใหญ่เราก็เคยเห็น” อาแซ จารู เล่าบ้าง

“ตอนนั้นเรายังลากไม้อยู่ เดินก้มหน้าก้มตาลาก เงยหน้าขึ้นมาเห็นเสือ เราทิ้งไม้หันหลังวิ่งทันที” เขาหัวเราะ

“เสือคงตกใจเราเหมือนกัน มันกระโดดหายไปเลย”

“อยู่ในหุบนั่นแหละ” เขาย้ำ

อาแซ จารู ก็เหมือนคนทำงานในป่าส่วนใหญ่ที่มักจะมีความทรงจำกับเสือ

 

ในป่าดิบรกทึบ เลี่ยงไม่พ้นกับการเดินเป้หนักอึ้ง วางเท้าไต่ไปตามทางชัน เหงื่อชุ่มโชก

หลายครั้งเมื่อถึงด่านที่มีรอยหมูป่าพรวนดินไว้กระทั่งร่วนซุย ผมก้มมองหารอยตีนสัตว์ผู้ล่า มีรอยชะมด รอยอีเห็น แต่ไร้รอยสัตว์ผู้ล่า

ถึงจุดที่จะตั้งแคมป์ ซึ่งมักเป็นบริเวณใกล้ลำห้วยสายเล็กๆ ก้อนหินปกคลุมด้วยมอส และเฟิร์น เขียวชอุ่ม ผูกเปลริมห้วย นอนมองแสงจันทร์คืนข้างขึ้นที่ส่องลอดความหนาทึบเรือนยอดไม้ แสงจันทร์ทอแสงนวล

ถึงตอนนี้คล้ายจะลืมไปแล้วว่ากว่าจะเดินถึงที่นี่ ต้องผ่านความเมื่อยล้าและใช้พลังไปมากเพียงไร

 

เสือดาวตัวแรกที่พบ อนุญาตให้ผมนั่งดูมัน หยอกล้อกับผีเสื้ออยู่นานกว่าครึ่งชั่วโมง

เป็นเหตุการณ์ที่ผมเอามาเขียนถึงหลายครั้ง ผมเล่าถึงความอ่อนโยนที่เสือมี

และจบเรื่องที่เขียนถึงเสือดาวตัวนั้นว่า กรอบของภาพที่แคบ รวมทั้งทักษะอ่อนด้อยของผมทำให้ภาพที่บันทึกมา ไม่มีผีเสื้ออยู่ด้วย ที่เห็นเป็นเพียงเสือดาวนั่งเงยหน้า แยกเขี้ยวขาวอยู่เพียงลำพัง

 

หลังมีโอกาสสบตา มีโอกาสได้ใกล้ชิด เห็นแววตาเสือไม่ว่าจะที่ใด

ผมเริ่มเข้าใจ รูปเสือดาวนั่งแยกเขี้ยวอยู่ลำพัง ไม่มีผีเสื้อที่มันกำลังเงยหน้ามอง อาจไม่ใช่เพราะกรอบภาพแคบไป

แต่เพราะว่าในความเป็นเสือ การเล่นกับผีเสื้อด้วยความอ่อนโยนเช่นนั้น

“เสือ” ย่อมไม่อยากให้ใครเห็น