จดหมาย(ฉบับประจำวันที่ 12-18 พฤศจิกายน 2564 ฉบับที่ 2152)

จดหมาย

 

ควันหลง (1)

การให้ลิซ่ามาเคาต์ดาวน์ที่ภูเก็ต ด้วยเงิน 100-200 ล้านบาทนั้น

ผมไม่ได้รังเกียจลิซ่าแม้แต่น้อย

แต่รังเกียจความคิดของคนที่จะใช้เงินภาษีรัฐ 100-200 ล้านบาท

ในขณะที่รัฐบาลกำลังบักโกรกจากโรคโควิดกับน้ำท่วม

ต้องเป็นคนช่างกู้ 3.3 ล้านบาท

กู้มาทำปู้ยี้ปู้ยำหรือเปล่าผมไม่รู้ ขอเก็บไว้ในใจ

สมมุติเงิน 100-200 ล้านบาท กระจายไปทุกจังหวัด จังหวัดละ 1-2 ล้าน ไปจ้างศิลปินและทีมงานในแต่ละจังหวัด คงพอลืมตาอ้าปากได้

มิใช่ใช้เงินภาษี 100-200 ล้านบาทไปกระจุกไว้ที่เดียว

อย่าลืมนะ มันเป็นเงินของคนไทยทั่วประเทศนะครับ

 

แวดวงคนโหนน้ำดินอากาศ

เพื่อแก่งแย่งอำนาจอย่างขลาดเขลา

สมองมีเพียงนิดคิดดูเบา

จงรีบเอาปี๊บคลุมหัวถั่วจริงจริง

เงินร้อยล้านผลาญไปลาญให้หมด

ไม่เหลือแม้แต่ตดอดสูยิ่ง

ขณะพวกคนไทยไร้ที่พิง

ก็อ้างอิงนานาว่าเคาต์ดาวน์

ภาษีไยไหลสู่เกาะภูเก็ต

เมืองหัวเห็ดเจ็ดย่านน้ำความอื้อฉาว

ลือเงินทอนสามสิบเปอร์เซ็นต์เจนเรื่องราว

ตกเป็นข่าวก๊อสซิปอิ๊บอ๋ายแล้ว

กระจายเงินหนึ่งล้านหนึ่งจังหวัด

ช่วยบำบัดศิลปินสิ้นใจแป้ว

ได้ลืมตาอ้าปากมากฉายแวว

หลุดบ่วงแร้วเศรษฐกิจพ้นพิษร้าย

เห็นแก่ตัวมัวหมองต้องคำสาป

พฤติกรรมหยาบนักปักหมุดหมาย

หมาขี้เรื้อนเกลื่อนกลาดมาดเรียงราย

กบาลส่ายหางกระดิกริกริกกัน

รัฐบาลง่านกู้รู้เต็มอก

ขุมนรกไม่ต้อนรับปรับกีดกั้น

เพราะร่วมเหง้าเหล่าเดียวเกี่ยวสายพันธุ์

อวดเฉิดฉันคร่ำครึมฤตยู

สังคมไทยไหงเป็นอยู่เช่นนี้

ด้วยไม่มีสำนึกลึกสุดกู่

ล้วนวางเฉยเลยป้ายเก่งในรู

ควรแฉผู้วางแผนลับจับมาตอน

ถูกวิพากษ์วิจารณ์ขั้นวิกฤต

แถลองผิด โน่น นี่ นั่น อย่าขวัญอ่อน

แค่โยนหินถามทางราวพังพอน

ระบบจ่ายตามน้ำสอนหลอนโครงการ

ไร้ยางอายไร้ศีลธรรมไร้ความสัตย์

เหนียงยานเกินพิกัดวัฏสงสาร

เหนือปากเหวลึกสุดขุดสันดาน

อันธพาลชั้นชนสนตะพาย

สมบัติ ตั้งก่อเกียรติ

มบัติ ตั้งก่อเกียรติ คงอารมณ์ดีขึ้น

ที่ต้นสังกัดปฏิเสธคำเชิญลิซ่าไม่มาภูเก็ตแล้ว

ว่าที่จริง กรณีนี้มองได้หลายมุม

หากมองไปที่การสร้างความเชื่อมั่นในสายตานักท่องเที่ยวทั่วโลก

ก็มีเหตุผลพออธิบายได้

ทำใจร่มๆ

เพราะอย่างไรเสียกรณีนี้ก็ล่มไปแล้ว

 

ควันหลง (2)

คงไม่สายเกินไปนะครับ

ที่ผมจะหวังเหวิด หรือเป็นห่วงคุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค

ภายหลังที่ได้รับทราบข่าวท่านได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เพื่อจะได้เข้าไปเป็นที่ปรึกษา “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ โดยไม่ต้องตะขิดตะขวงใจกับปฏิกิริยาต่อต้านจากบรรดาเสือ-สิงห์-กระทิง-แรด ซึ่งมีอยู่หลายก๊วน หลายก๊ก ในพรรคการเมืองพรรคนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ที่เป็นห่วงก็เพราะผมเห็นว่า ท่านเป็นนักการเมืองน้ำดีคนหนึ่ง เป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป

เมื่อเข้าไปอยู่ในพรรคพลังประชารัฐแล้ว ผมเกรงว่าท่านจะต้องถูกเตะตัดขา แทงข้างหลัง

เหมือนคนอื่นๆ ที่ถูกบรรดาขาใหญ่ภายในพรรคได้กระทำมาแล้ว หลายต่อหลายคน

ครับ…ขนาดท่านนายกรัฐมนตรี

ถูกขาใหญ่ลองดีเกือบมีแย่

บังเอิญแผนไม่เนียนไร้ผันแปร

บิ๊กตู่ไม่แยแสปลดเสียเอง (ฮา)

จึงนักการเมืองน้ำดี “พีระพันธุ์-

สาลีรัฐวิภาค” นั่นคนตรงเผง

คิดอย่างไรจึงไปอยู่ในหมู่นักเลง-

พปชร.ไม่เกรงถูกไล่ฤๅ

สมโชค พลรักษ์

 

สมโชค พลรักษ์ ห่วง

แต่ไม่รู้ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค จะเป็นห่วงตนเองหรือไม่

เพราะดูคึกคักใน พปชร.ดี

ว่าที่จริง พีระพันธุ์ก็มิใช่ไก่กา

แต่เป็นผู้ “บินสูง” ทางการเมืองคนหนึ่ง

จึงไม่ต้องเป็นห่วงมั้ง…

 

ควันหลง (3)

ผมดูข่าวโทรทัศน์ช่อง 3 ที่ “บาส” ถูกรุม 1 ต่อ 7 เขาเป็นคนกล้าและรักแฟนตัวจริง

ถ้าเขาไม่ออกมาและ 7 คนเข้าบ้านได้ อะไรจะเกิดขึ้นกับแฟนสาวของบาส

มีใครคิดถึงข้อนี้ไหม

ถ้ามาดีก็ไม่ควรพกอาวุธมาด้วย

คนโคราชสมัยผมไม่มีการรุม ถ้าไม่พอใจอะไรก็ต่อยกันตัวต่อตัว

จนเกิดนักมวยเก่งๆ เช่น สุข ปราสาทหินพิมาย ประยุทธ์ อุดมศักดิ์ นักมวยเอกของโคราช

มวยสร้างมิตร ได้เงิน เป็นอาชีพที่สุจริต

เห็นมวยไทยไฟท์ ช่อง 3 ต่อยเสร็จก็เคารพซึ่งกันและกันน่ารักมาก

ผมเห็นข่าวข่มขืนแล้วฆ่า บอกตรงๆ ผมเป็นตำรวจไม่ได้หรอก ผมคงจะต้องวิสามัญลูกเดียว

การรังแกผู้หญิงไม่ควรมี

ถ้าผมมีอำนาจจะเอาคนอย่างนี้มาเป็นทหารหรือตำรวจ

ตะวันรอน

อ.ลอง จ.แพร่

 

เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี

เพราะสิ่งนี้เกิดขึ้น สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น

คิดถึงกฎของอิทัปปัจจยตานี้เอาไว้มากๆ

จะยับยั้งอะไรที่จะติดตามมาได้มาก

เมื่อหลุด หรือพลั้ง โดยเฉพาะมีอารมณ์นำ

มันจะมีผลติดตามมาเสมอ

จึงควรยั้งคิดในทุกเรื่องที่มาปะทะให้ดี