E-DUANG : บทเรียน ทักษิณ ไปยัง ธนาธร มาถึง อานนท์ และรุ้ง ปนัสยา

สภาพการณ์ทางการเมืองภายหลังการอ่านคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญกรณี “ปฎิรูป” เท่ากับ “การล้มล้าง”เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน มิได้เหนือความคาดหมาย

มีความคึกคักเป็นอย่างสูงจากพรรคพลังประชารัฐ จากพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความพร้อมจะขยายผลจาก”คำวินิจฉัย”

อาจมีความเศร้าซึมปรากฏขึ้นจากฝ่ายของ”เยาวรุ่น ราษฎร”กระทั่ง ปิงปอง ศิรศักดิ์  ต้องปล่อยคลิปเพลง “สวัสดีมนุษย์ผู้แตก สลาย ขอให้เธอเป็นดอกไม้ที่เบ่งบาน

แม้อยู่ท่ามกลางมรสุมที่ถาโถม อ่อนแอบ้างก็ได้ ถ้าในใจมัน เหนื่อยล้า ลองนึกถึงปีที่ผ่านมา เรายังผ่านมาได้ดี กำลังใจจากฉันทุกวันในวันนี้ กำลังจะผ่านไป”

มองจากบางด้านบางมุมเหมือนกับจะจบ แต่มองจากบางด้าน บางมุมกลับกลายเป็นว่า สภาพการณ์อันเกิดขึ้นในวันที่ 10 พฤศจิกายน กลับเป็นเหมือนกับจุดเริ่มต้น

เหมือนกับสถานการณ์การยุบพรรคพลังประชาชนเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2551 ยุบพรรคอนาคตใหม่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2563

 

ถามว่าคำวินิจฉัยยุบพรรคไทยรักไทยเมื่อเดือนพฤษภาคม 2550 จุด หมายคือต้องการให้จบ การยุบพรรคพลังประชาชนเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2551 ก็ต้องการให้จบ

คำวินิจฉัยให้ยุบพรรคอนาคตใหม่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ก็เพื่อต้องการให้จบ ให้หมดบทบาท

กระนั้น เมื่อหมดพรรคไทยรักไทยก็มีพรรคพลังประชาชน เมื่อหมดพรรคพลังประชาชนก็มีพรรคเพื่อไทย กระนั้น เมื่อหมดพรรคอนาคตใหม่ก็มีพรรคก้าวไกลและมีคณะก้าวหน้า

สถานการณ์อันเกี่ยวกับคำวินิจฉัย”ปฏิรูปเท่ากับล้มล้าง”ซึ่งเกิด ขึ้นในวันที่ 10 พฤศจิกายน จึงไม่ควรมองแต่ด้านเดียว

ต้องมองไปยังแถลงการณ์ของ 30 กว่าองค์การนักศึกษาด้วย

 

ความจริงกรณีของพรรคไทยรักไทย กรณีของ นายทักษิณ ชินวัตร น่าจะเป็นบทเรียนให้เป็นอย่างดีว่าเกิดอะไรตามมา กรณีพรรคไทย รักไทยยังไม่จบก็เกิดกรณีพรรคอนาคตใหม่

ก่อให้เกิดคนอย่าง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ โดดเด่นขึ้น

สถานการณ์”ปฏิรูปเท่ากับล้มล้าง”เหมือนกับพุ่งเป้าไปยังเยาวรุ่น ราษฎรรุ่นใหม่ แต่บรรดาตัวละครทางการเมืองก็ยังอยู่ครบ

ที่มาดหมายและคิดว่า”จบ”จึงอาจเป็นการเริ่มต้นไปสู่บทใหม่