ลุงสีเลี้ยวซ้าย : 4) ความไพบูลย์ร่วมกัน/การเมืองวัฒนธรรม เกษียร เตชะพีระ

เกษียร เตชะพีระ

การเมืองวัฒนธรรม

เกษียร เตชะพีระ

 

ลุงสีเลี้ยวซ้าย

: 4) ความไพบูลย์ร่วมกัน

 

ลุงสีจะเลี้ยวซ้ายทางเศรษฐกิจอย่างไร?

การขบคิดของบรรดาผู้ชี้นำรัฐ-พรรคจีนในเรื่องนี้อาศัยงานของศาสตราจารย์เศรษฐศาสตร์อาวุโสลี่อี่หนิง (???, ค.ศ.1930-ปัจจุบัน) คณบดีกิตติคุณวิทยาลัย บริหารธุรกิจกวงหัวแห่งมหาวิทยาลัยปักกิ่ง และรองประธานคณะอนุกรรมการด้านเศรษฐกิจสังกัดคณะกรรมการแห่งชาติของสภาที่ปรึกษาทางการเมืองแห่งประชาชนจีน ผู้ได้รางวัลฟุกุโอกะด้านวิชาการปี 2004

อาจารย์ลี่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ปูพื้นฐานทางทฤษฎีให้แก่การปฏิรูปเศรษฐกิจไปในทิศทางตลาดของจีน เขาเป็นปากเสียงสำคัญที่เรียกร้องให้แปรกรรมสิทธิ์บริษัทของรัฐทั้งหลายเป็นของเอกชนและให้ก่อตั้งตลาดหุ้นของจีนขึ้นสำเร็จในปี ค.ศ.1990 จนได้รับสมญานามว่า “มิสเตอร์ตลาดหุ้น” และ “ผู้บุกเบิกการปฏิรูปและเปิดประเทศจีน” (https://newsen.pku.edu.cn/news_events/news/people/8894.htm & https://www.bangkokbiznews.com/blogs/columnist/118406)

ข้อเขียนนานกว่าเสี้ยวศตวรรษของอาจารย์ลี่ชี้ว่าการกระจายรายได้ทำได้ 3 วิธีด้วยกัน ได้แก่ :

1) ปล่อยให้เป็นเรื่องของตลาดซึ่งจะเป็นตัวก่อเกิดรายได้เชื่อมโยงกับการทำงานและทุน

2) อาศัยรัฐเป็นตัวกระจายรายได้โดยผ่านภาษีอากรและระบบประกันสังคม

3) ผ่านการกุศล (ซึ่งเป็นวิธีการที่ถูกละเลยที่สุด) โดยความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของคนรวยต่อผู้คนที่เหลือในสังคม

ในระยะสั้น วิธีการกระจายรายได้ผ่านการกุศลถูกเน้นย้ำเป็นพิเศษ บริษัทยักษ์ใหญ่ธุรกิจอินเตอร์เน็ตของจีนซึ่งตกเป็นเป้าเพ่งเล็งของรัฐ-พรรคมาหลายเดือนต่างเข้าช่วงชิงทำเรื่องนี้ไม่มีพลาด อาทิ บริษัทเทนเซ็นต์ ได้ประกาศตั้งแต่ 18 สิงหาคมศกนี้ว่าจะทวีคูณยอดค่าใช้จ่ายด้านความรับผิดชอบต่อสังคมของบริษัทให้ถึง 1 แสนล้านหยวน (กว่า 5 แสนล้านบาท) โดยจัดอันดับความสำคัญการใช้จ่ายเรื่องต่างๆ อย่างสอดคล้องกับของทางรัฐ-พรรคพอดี กล่าวคือ เพิ่มรายได้คนยากจน ปรับปรุงระบบประกันสังคม ส่งเสริมเศรษฐกิจชนบทและอุดหนุนโครงการการศึกษา

ในระยะกลาง วิธีการกระจายรายได้ผ่านรัฐจะถูกดำเนินการเช่นกัน โดยเน้นย้ำการพัฒนาบริการสาธารณะ

นี่เป็นที่มาของการที่ทางการจีนหันมาเล่นงานบรรดาโรงเรียนกวดวิชาของเอกชนแก่เด็กๆ เมื่อเร็วๆ นี้ ค่าที่มันเป็นธุรกิจทำเงินมหาศาลและมีแต่ครอบครัวฐานะดีที่สุดเท่านั้นที่จ่ายไหว

ในการนี้มณฑลเจ้อเจียงทางตะวันออกเฉียงใต้ของจีนซึ่งมั่งคั่งและมีประชากรต่ำกว่าไทยเล็กน้อย (64.5 ล้านเมื่อปีที่แล้ว เทียบกับ 69.8 ล้านของไทย) ถูกใช้เป็นที่ตั้งโครงการนำร่องกระจายรายได้ เจ้อเจียงขึ้นชื่อว่าเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำบางแห่งของจีนอย่างอาลีบาบา อีกทั้งเคยอยู่ใต้การบริหารจัดการของสีจิ้นผิงเองระหว่างปี 2002-2007 ด้วย

การเลือกเจ้อเจียงเป็นห้องทดลองปฏิบัติการ “ความไพบูลย์ร่วมกัน” นี้ ทางรัฐ-พรรคจีนดูจะต้องการส่งสารที่มีนัย 2 ประการด้วยกัน กล่าวคือ :

1) พวกที่ตกเป็นเป้าเพ่งเล็งของรัฐ-พรรคได้แก่ เหล่าผู้บริหารจัดการภาคเอกชน หาใช่ผู้บริหารจัดการรัฐวิสาหกิจยักษ์ที่ตั้งอยู่ในปักกิ่งไม่ และ

2) ประธานสีจิ้นผิงจะเฝ้าติดตามความคืบหน้าเรื่องนี้ด้วยตัวเอง

ทางการมณฑลเจ้อเจียงแจกแจงรายละเอียดแผนนำร่องกระจายรายได้ของตนออกมาเมื่อกรกฎาคมศกนี้ โดยระบุว่าจากปัจจุบันถึงปี ค.ศ.2025 ตั้งเป้าหมายให้บรรลุ “โครงสร้างสังคมรูปผลมะกอก” (คือเรียวบน ล่าง ป่องตรงกลาง) ซึ่งมีคนชั้นกลางเป็นสัดส่วนสำคัญ รายได้ที่ใช้จ่ายได้จริงโดยเฉลี่ยของมณฑลจะอยู่ที่ 75,000 หยวน/ปี (ราว 3.9 แสนบาท/ปี) และประชากรผู้อยู่อาศัยในมณฑลซึ่งอยู่ในครัวเรือนที่มีรายได้ที่ใช้จ่ายได้จริงระหว่าง 1 แสนถึง 5 แสนหยวน/ปี (ราว 5.1 แสนถึง 2.6 ล้านบาท/ปี) จะเพิ่มเป็น 80% ของ ทั้งหมดจาก 50% ในปัจจุบัน ทั้งนี้ จากปากคำของหลี่ซี ผู้อำนวยการร่วมของสถาบันเพื่อความไพบูลย์ร่วมกัน ที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายนศกนี้ในสังกัดมหาวิทยาลัยเจ้อเจียง

หลี่ซีกับหยางหยินซินซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานได้ขยายความยุทธศาสตร์เพื่อบรรลุความไพบูลย์ร่วมกันของมณฑลเจ้อเจียงไว้ในหนังสือพิมพ์เศรษฐกิจรายวันเมื่อ 26 สิงหาคมศกนี้ว่า ต้องจำกัดเงินเดือนที่สูงลิบอย่างไม่สมเหตุสมผลไว้ (โดยไม่กำหนดเพดานตายตัวว่าเท่าไหร่)

และเหนืออื่นใดต้องทบทวนปรับแก้นโยบายการคลังทั้งระบบด้วยการลดภาษีทางอ้อมซึ่งเสียโดยครอบครัวรายได้ต่ำ และเริ่มนำภาษีทางตรงอัตราก้าวหน้ามาใช้ต่อทรัพย์สินต่างๆ โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์และมรดก

นี่เป็นเรื่องใหญ่ ยากและอ่อนไหวทางการเมืองมากสำหรับจีน เพราะอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมในเมืองใหญ่ เป็นแหล่งที่มาหลักของการสะสมความมั่งคั่ง ความเหลื่อมล้ำทางทรัพย์สิน และเศรษฐกิจฟองสบู่ของจีน ในสภาพที่ราคาอสังหาริมทรัพย์ถีบตัวสูงขึ้นไปเรื่อยๆ เจ้าหน้าที่รัฐ-พรรคที่มีการงานมั่นคงและคนชั้นกลางระดับบนสามารถกู้หนี้ธนาคารมาลงทุนซื้อห้องพักในคอนโดฯ หลังที่ 2, 3, 4 ฯลฯ ต่อไปเรื่อยๆ ได้เพื่อปล่อยเช่า/ขายต่อทำกำไรเก็บไว้ให้ลูกหลาน

บริษัทพัฒนาอสังหาฯ ก็กู้ธนาคารหรือออกหุ้นกู้ ระดมทุนมาสร้างตึกคอนโดมิเนียมราคาแพงออกจำหน่าย

ส่วนรัฐบาลท้องถิ่นก็เปิดที่ดินของหลวงให้บริษัทเหล่านั้นเช่าไปสร้างคอนโดฯ แล้วเก็บค่าเช่าสูงเป็นรายได้ก้อนโตเข้าคลังท้องถิ่น

นับเป็นสถานการณ์ที่มีแต่ได้กับได้สำหรับผู้ซื้อชาวเมืองที่มั่งคั่ง-บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์-รัฐบาลท้องถิ่นทั้งหลาย โดยที่ทางการจีนแม้จนทุกวันนี้ก็ยังไม่เก็บภาษีสินทรัพย์ถาวรและภาษีมรดกใดๆ ทั้งสิ้น (https://asia.nikkei.com/Editor-s-Picks/China-up-close/Analysis-Xi-s-new-tax-threatens-China-s-invincible-housing-market)

เหล่านี้ทำให้เฮียตี๋เจ๊ม่วยคนชั้นกลางผู้มีการศึกษารุ่นใหม่ของจีนเริ่มพบว่าการงานลำบากเหนื่อยหนักทุกวี่วัน แต่ชีวิตกลับตีบตันหมดทางไปในอนาคต ทำงานหาเงินแค่ไหนก็เก็บออมไม่ทันราคาที่พักอาศัยซึ่งแพงสูงลิ่วขึ้นเรื่อยๆ ตั้งเนื้อตั้งตัวมีครอบครัวไม่ได้เสียที

เกิดอาการ 2 อย่างที่ประธานสีจิ้นผิงถึงแก่เอาไปเอ่ยถึงในคำปราศรัยเรื่องความไพบูลย์ร่วมกันต่อคณะกรรมการกลางด้านกิจการการเงินและเศรษฐกิจของพรรคเมื่อ 17 สิงหาคมศกนี้ว่า :

?? (เน่ยจวน involution หมายถึงฝ่อหดตัวหรืออาวัตนาการ) เป็นอาการของคนจีนรุ่นใหม่ที่ต้องเรียนหนักหามรุ่งหามค่ำและแข่งขันกันไม่หยุดหย่อนในสังคม เหมือนหนูติดจั่นอยู่ในวงจรอุบาทว์ที่วิ่งแข่งกันจนอ่อนล้าสิ้นเรี่ยวแรงไม่รู้จบ (https://www.newyorker.com/culture/cultural-comment/chinas-involuted-generation)

?? (ถังผิง lying flat หมายถึงนอนแบหรานิ่งเฉยให้กระทืบทุบตี) เป็นอาการประท้วงแข็งขืนต่อต้านสังคมแข่งขันดิ้นรนของคนจีนรุ่นใหม่ โดยบอกศาลาไม่เอาด้วยกับการแข่งขันทางสังคม ไม่ผลักดันเรียกร้อง ฝืนใจตัวเองไม่รู้จบ ไม่ละโมบโลภมากอยากได้ใคร่มีด้วยแล้ว

(https://www.bbc.com/news/world-asia-china-57348406)

ความอ่อนไหวทางการเมืองของการปรับเปลี่ยนนโยบายการคลังตามแนวทางความไพบูลย์ร่วมกันดังกล่าว มาประจวบกับคลื่นวิกฤตเศรษฐกิจที่ทยอยซัดเข้ามากระแทกกระทั้นในระยะหลังนี้ ไม่ว่าปัญหาขาดแคลนพลังงานไฟฟ้าทั่วประเทศซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของนายกรัฐมนตรีหลี่เค่อเฉียง (https://www.nytimes.com/2021/10/13/business/china-electricity-shortage.html) ปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์เอกชนหนี้สินท่วมทับฐานะร่อแร่ในการดูแลของรองนายกรัฐมนตรีคนที่หนึ่ง หานเจิ้ง (https://www.reuters.com/world/china/chinas-indebted-property-market-evergrande-crisis-2021-10-22/)

จนจีดีพีไตรมาสสามของจีนปีนี้โตต่ำกว่าคาดแค่ 4.9% อีกทั้งดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (Purchasing Manager Index เป็นตัวบ่งชี้แนวโน้มทิศทางเศรษฐกิจ ค่าต่ำกว่า 50 หมายถึงเศรษฐกิจมีแนวโน้มหดตัวลง) ในเดือนตุลาคมอยู่ที่ 49.2 นับว่าต่ำสุดนับแต่เดือนกุมภาพันธ์ศกก่อนที่โควิด-19 เริ่มระบาดเป็นต้นมา (https://asia.nikkei.com/Editor-s-Picks/China-up-close/Analysis-Xi-s-common-prosperity-puts-cake-debate-back-in-oven)

นำไปสู่วิวาทะวงในอย่างดุเดือดร้อนแรงของแกนนำกำหนดนโยบายรัฐ-พรรคจีน จนทางการจีนต้องปรับแต่งผ่อนเพลาการเลี้ยวซ้ายลง กล่าวสรุปในเชิงปฏิบัติคือ (https://www.bloomberg.com/news/articles/2021-10-26/xi-s-toughest-common-prosperity-test-is-raising-china-s-taxes) :

– การเก็บภาษีทรัพย์สิน : ตอนนี้ทำแค่โครงการนำร่องบางท้องที่ก่อน

– การเก็บภาษีเงินได้ : เน้นเล่นงานเศรษฐีเลี่ยงภาษีแบบกัดไม่ปล่อยไม่ไว้หน้าใคร เช่น พวกดาราเซเลบจีนทั้งหลาย แต่ยังไม่มีกรอบเวลาชัดเจนว่าจะเดินหน้าปฏิรูปภาษีเงินได้ต่อไปเมื่อใด

– การเก็บภาษีมรดก : ตอนนี้ยังไม่มีระบบสืบค้นหรือตรวจสอบสินทรัพย์บุคคลในทางปฏิบัติ

และหากการเก็บภาษีมรดกหมายถึงจะต้องให้พวกเศรษฐี (โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐ-พรรคระดับอาวุโส) เปิดเผยสินทรัพย์หมดเปลือกด้วยแล้วละก็ ตอนนี้ก็ยังไม่เห็นเค้าว่าจะเป็นไปได้

 

จังหวะนั้นสำนักข่าวซินหัวก็ได้ออกบทความ “10 คำถามเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีน” (?????? http://www.news.cn/politics/2021-10/24/c_1127990821.htm ) เมื่อ 24 ตุลาคมศกนี้ และระบุไว้ในข้อที่ 7 ด้วยถ้อยคำที่ค่อนข้างเบากว่าบทความใน น.ส.พ.เหรินหมินรึเป้าเมื่อเดือนสิงหาคมก่อนนี้ว่า :

7) จะมองปัญหา “การอบขนมเค้กก้อนใหญ่เข้าไว้” กับ “การแบ่งขนมเค้กให้ดี” อย่างไร และเราจะพึ่งพาอะไรไปบรรลุความไพบูลย์ร่วมกัน?

นับแต่ต้นปีนี้มา จีนได้ดำเนินมาตรการมากหลายเพื่อส่งเสริมความไพบูลย์ร่วมกัน ขณะที่ศัพท์คำนี้ดึงดูดความใส่ใจอย่างสูง แต่มันก็ได้ถูกบางคนตีความไขว้เขวไปว่าเป็นการ “ปล้นคนรวยเพื่อช่วยคนจน”

แทนที่จะมีคนมั่งคั่งร่ำรวยแค่ไม่กี่คน ความไพบูลย์ร่วมกันซึ่งเป็นข้อเรียกร้องต้องการที่เป็นแก่นสารของสังคมนิยมนั้น หมายถึงความอุดมสมบูรณ์ที่ทุกคนร่วมแบ่งปันกันทั้งในทางกายภาพและภูมิปัญญา

จีนได้ค่อยๆ จัดวางหลักความไพบูลย์ร่วมกันไว้ในตำแหน่งที่สูงเด่นขึ้นตามลำดับตั้งแต่สมัชชาแห่งชาติครั้งที่ 18 ของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนเมื่อปี ค.ศ.2012 เป็นต้นมา บัดนี้เมื่อได้บรรลุชัยชนะในการต่อสู้ต้านความยากจนและการสร้างสังคมที่ค่อนข้างเจริญรุ่งเรืองในทุกๆ ด้านแล้ว ประเทศของเราก็มีเงื่อนไขอันเป็นคุณที่จะส่งเสริมความไพบูลย์ร่วมกันได้ต่อไป

“ในการมุ่งสู่เป้าหมายนี้ เราจะดำเนินความพยายามเพื่อจัดการความสัมพันธ์ระหว่างประสิทธิภาพกับความเป็นธรรมอย่างถูกต้องเหมาะสม จัดเตรียมการเชิงสถาบันในขั้นพื้นฐานเพื่อกระจายรายได้ ขยายขนาดของกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลาง เพิ่มรายได้ของบรรดากลุ่มผู้มีรายได้ต่ำ ปรับแก้รายได้ที่ล้นเกิน และห้ามรายได้เถื่อนทั้งหลาย ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมความเป็นธรรมและความยุติธรรมทางสังคม”