ศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม./ลึกแต่ไม่ลับ จรัญ พงษ์จีน

จรัญ พงษ์จีน

ลึกแต่ไม่ลับ

จรัญ พงษ์จีน

 

ศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.

 

“นิด้าโพล” หรือ “สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์” เผยผลสำรวจกระแสนิยมของประชาชนเรื่อง “อยากได้ใครเป็นผู้ว่าฯ กทม. ครั้งที่ 7” ทำการระหว่างวันที่ 1-3 พฤศจิกายน จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีสิทธิเลือกตั้งใน กทม.กระจายทุกระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ จำนวน 1,320 หน่วย

กับคำถามที่ว่า “บุคคลที่ประชาชนจะเลือกให้เป็นผู้ว่าฯ กทม.” พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 33.18 ระบุว่า “ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” อันดับ 2 “พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง” ร้อยละ 16.59 อันดับ 3 ร้อยละ 14.09 ยังไม่ตัดสินใจ อันดับ 4 “พรรคก้าวไกล” ร้อยละ 6.74 อันดับ 5 ร้อยละ 5.99 “พรรคเพื่อไทย” อันดับ 6 ร้อยละ 5.91 “น.ส.รสนา โตสิตระกูล” อันดับ 7 “ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์” ร้อยละ 4.09 และอันดับ 8 “พรรคประชาธิปัตย์” ร้อยละ 3.03

“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ครองเมืองจากปฏิวัติยึดออำนาจมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2557 เริ่มอนุบาล พอจะอ่านหนังสือออก สะกดคำว่า “ประ-ชา-ธิป-ไตย” ถูก เบิกเนตรให้มีการเลือกตั้งท้องถิ่น หะแรก “นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด” เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2563 ตามด้วย “เทศบาลนคร-เทศบาลเมือง-ตำบล” ในลำดับต่อมา

แต่กลับร้อยเหงือก “ศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร-นายกเมืองพัทยา” ไว้ 2 แห่ง คงสารรูปไว้ในร่างทรง “ประชาธิปไตยครึ่งใบ” แปลไทยเป็นไทย คือระบบการปกครองเผด็จการที่ยังใช้ชื่อเรียกตัวเองว่า “ประชาธิปไตย” แต่ยังรวมศูนย์ครอบครองอำนาจทั้งหมดไว้ที่กลุ่มตน

แล้วแต่งตั้งพวกพ้องให้มาดำรงตำแหน่งเพื่อยึดครองอำนาจการบริหารไว้ให้นานเท่านานตามใจตัวเอง

หาก “พล.อ.ประยุทธ์” ไม่ตีนตุ๊กแก ปล่อยผี “กทม.-เมืองพัทยา” พร้อมนายก อบจ. ป่านนี้ “ผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร” ก็ต้องจารึกชื่อ “ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” บัญญัติไว้บอกลูกบอกหลาน ว่าดำรงตำแหน่ง “ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร” ที่มาจากการเลือกตั้งแหงแก๋

เพราะตั้งแต่ “นิด้าโพล” สำรวจประชากร กทม.ว่าอยากได้ใครมานั่งเก้าอี้เสาชิงช้า ครั้งที่ 1-ครั้งที่ 2 เมื่อช่วงต้นปี 2564 “ชัชชาติ” นำโด่งมาตลอด

ครั้งที่ 6 สำรวจเมื่อเดือนตุลาคม 2564 ก็ป๊อปปูลาร์สุดๆ นอนมาอันดับ 1 เพียงแต่ระยะห่างของร้อยละอาจจะมีช่องว่างแตกต่างกันอยู่บ้าง แต่ไม่มากนัก

“ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม สมัยรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” เล่นแร่แปรธาตุกับกระแสสังคมได้ดีเลิศ ชั้นประเสริฐ ได้ชื่อว่า “บุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี”

โปรไฟล์เยี่ยม ปริญญาตรีวิศวกรรมโยธา เกียรตินิยมอันดับ 1 เหรียญทอง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาโทวิศวกรรมโยธา แมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา ปริญญาเอกวิศวกรรมโยธา มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ เพื่อนๆ เรียกชื่อเล่น “ทริป” มีความปรารถนาจะลงชิงชัยในตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.มานาน ปลีกวิเวกจาก “เพื่อไทย” ประกาศลงสมัครในนามอิสระ

 

หัสเดิม คู่ต่อสู้ของ “ดร.ทริป” ประเมินกันว่า น่าจะชื่อ “พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา” หรือ “บิ๊กแป๊ะ” อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จับต้องได้จากผลของ “นิด้าโพล” โค้งแรกๆ เกาะติดชนิดหายใจรดต้นคอ “ชัชชาติ” เสมอมา นับตั้งแต่ครั้งแรกเมื่อเดือนมีนาคม 2564

กอปรกับหลังสลัดเครื่องแบบสีกากี “พล.ต.อ.จักรทิพย์” แสดงเจตนารมณ์ลงชิงผู้ว่าฯ กทม.ชัดเจน ทั้งการจัดทีม เปิดที่ทำการศูนย์หาเสียง โดยยึด “อาคารปานศรี” อันเป็นที่ทำการเก่าพรรคพลังประชารัฐ ถนนรัชดาภิเษก เป็นศูนย์บัญชาการใหญ่

ชูสโลแกนเรียบร้อย “ซื่อสัตย์ สุจริต มีความโปร่งใสในการใช้จ่ายงบประมาณ”

ทว่าล่าสุดเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน “บิ๊กแป๊ะ” เรียกประชุมทีมสมาชิกที่เตรียมไว้ลงสมัคร ส.ก.-ส.ข. 50 กว่าคน ประกาศแจ้งว่า “ตัดสินใจไม่ลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.แล้ว” โดยระบุว่า

“ผมไม่อยากให้ผู้ใหญ่ที่เคารพต้องลำบากใจ จึงขอยุติการลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.ไว้เพียงเท่านี้”

ส่วนสาเหตุที่ “พล.อ.จักรทิพย์” ด่วนตัดสินใจ ข่าวคลุกวงในระบุว่า มาจากปมขัดแย้งกับขาใหญ่พลังประชารัฐ ที่ต้องการส่ง ส.ก.ในนามพรรค ขณะที่ตัวบุคคลกลับไปสนับสนุน “พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง” ผู้ว่าฯ กทม.รักษาการ ลงชิงชัยสืบแทน เท่ากับแข่งกันเอง “บิ๊กแป๊ะ” เลยถอนสมอ

อยากไรก็ตาม พลันที่ “พล.ต.อ.จักรทิพย์” ประกาศปิดเกม จะเห็นได้ว่า กระแส “พล.ต.อ.อัศวิน” ที่เคยปริ่มๆ อยู่ลำดับ 3-4 แต่จาก “นิด้าโพล” ครั้งที่ 7 กระโดดขึ้นมายึดอันดับ 2 ร้อยละ 16.59 ห่าง “ดร.ชัชชาติ” ไม่กี่ช่วงตัวแล้ว

ขณะเดียวกัน “เสือหลับ” ยี่ห้อ “ประชาธิปัตย์” แชมป์เก่า ที่ผูกปียึดหัวหาดเก้าอี้ผู้ว่าฯ เสาชิงช้ามายาวนาน เป็นตำนานกว่า 10 ปีติดต่อกัน จากยุค “อภิรักษ์ โกษะโยธิน” แตะมือต่อยอดมาถึง “คุณชายหมู-ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร” อีก 2 สมัย

แต่ศึกเลือกตั้งใหญ่ปี 2562 แม่น้ำสายใหญ่ “ประชาธิปัตย์” โดนคน กทม. “ล้างท่อ” ม่อยกระรอก แพ้เลือกตั้งไม่เหลือเก้าอี้ ส.ส.ไว้ดูต่างหน้าแม้ที่นั่งเดียว ทั้งๆ ทื่เป็นจ่าฝูง

จากนั้นประชาธิปัตย์ส่อเค้าเล่าอาการว่า จะเป็นแม่น้ำเต็มฝั่งที่ไหลไป ไม่น่าจะย้อนกลับมาอีกแล้ว ดูจากผลโพลไม่ว่ากี่สำนักต่อกี่สำนัก “ประชาธิปัตย์” บ๊วยติดคอ หลับไม่ตื่นฟื้นไม่เป็นตลอดมา

ขณะที่บุญมากาไก่กำลังจะกลายเป็นหงส์ บุญลงหงส์กำลังกลายเป็นกาไก่อยู่นั้น “ประชาธิปัตย์” ก็เห็นแสงเทียนที่ส่องสว่างในค่ำคืนแห่งความมืดมิดกับเขาขึ้นมาบ้าง

เมื่อ “มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช” สำรวจความนิยม ผู้นำขวัญใจชาวกรุงเทพฯ ปรากฏว่า “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ คะแนนนำโด่งเป็นหะแรกในรอบ 2-3 ปี

จึงมีข่าวหลุดรอดออกมาว่า ประชาธิปัตย์วางตัวผู้สมัครลงชิงดำผู้ว่าฯ กทม.ได้เรียบร้อยแล้ว คือ “ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์” อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

และที่ไม่ควรมองข้ามเด็ดขาดคือ “พรรคก้าวไกล” หรือ “อนาคตใหม่” แม้ผลโพลที่ทยอยออกมากี่ชุดต่อกี่ชุด จะอยู่ระดับปานกลาง หรือจมปรักอยู่ในโซนท้ายๆ ไม่จ๊าบ แต่อย่าประมาท “คนรุ่นใหม่” ที่จะรุกคืบมารุกฆาตคนรุ่นเก่า วัตถุโบราณ วันๆ มีแต่หมกมุ่นวุ่นวาย ย้ำคิดย้ำแค้นอยู่กับที่ จนบ้านเมืองเหลือแต่ซากปรักหักพัง

“ก้าวไกล” ซุ่มทำโพล สำรวจตัวเองและฝ่ายตรงข้ามตลอดระยะ มั่นใจว่าจะชนะเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.แลนด์สไลด์เลยทีเดียว

เตรียมเปิดตัวผู้สมัครในไม่ช้านี้ โดยวางตัว “รองผู้ว่าฯ” จบวิศวะ ข่มจุดเด่นทั้ง “ชัชชาติ-สุชัชวีร์” คู่แข่ง

นามสกุลดัง เปิดแล้วโดน