เชิงบันไดทำเนียบ : “นิโรธ” รัฐกันชน “2ป.” กลาง “สงครามเย็น” พปชร.

เรียกได้ว่า “เต็งหนึ่ง-ลอยลำ” มาแต่ต้น สำหรับชื่อ “นิโรธ สุนทรเลขา” ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ขึ้นเป็น “ปธ.วิปรัฐบาล” แทน “เฮียยักษ์-วิรัช รัตนเศรษฐ” ที่ถูกพิษคดีทุจริตโครงการสนามฟุตซอล ต้องยุติหน้าที่ ส.ส. ไปด้วย ในสถานการณ์เช่นนี้เท่ากับเป็นการ “ตัดกำลัง-สลาย” ฝั่งขั้วอำนาจ “อดีต 4ช.” ไปโดยปริยาย หรือขั้วที่อยู่กับ “ผู้กองมนัส”ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า นั่นเอง

สำหรับ “นิโรธ” เป็นคน “สายตรงนายกฯ” ผ่าน “เสธ.” ข้างกาย “บิ๊กตู่” ที่อยู่กันมาตั้งแต่ ทบ. จนมาถึง “ตึกไทยคู่ฟ้า” ไม่ห่างหาย รับประกันได้ว่าไม่ต้อง “ระแวง” หรือ “ห่วงหน้าพะวงหลัง” ด้วยบทเรียนในอดีต เกือบเอาตัวไม่รอดจาก “ขบวนการล้มนายกฯ” แม้ นายกฯ จะไหวตัวทัน แต่ก็ “น่วม” ไปทั้งตัว ได้เสียง “ไม่ไว้วางใจ” มากที่สุด ซึ่งสะท้อนว่าที่ “เคลียร์” กันมานั้น ไม่มีวันจบง่ายๆ ตามมาด้วย “ศึกวัดพลัง” อีกหลายยก และล่าสุด “แผนบีบผู้กอง” ให้พ้น เลขาธิการ พปชร. ก็ต้องพ่ายไป เพราะ “บิ๊กป้อม” ยังคงอุ้ม “ผู้กอง” ไว้

ดังนั้น “นิโรธ” จึงอยู่ท่ามกลาง “สงครามเย็น” ระหว่าง “2ป.ประยุทธ์-ประวิตร” ที่ยังคงเผชิญหน้าต่อไป โดยเฉพาะ “เกมในสภา” ที่จะถูกใช้เป็นอีกพื้นที่ “วัดพลัง” งานนี้ “บิ๊กตู่” เกรงจะเกิดภาวะ “หลงหูหลงตา” เช่นในอดีต จึงนัดประชุมวิปรัฐบาล 8พ.ย.นี้ ที่ ทำเนียบรัฐบาล ก่อนเปิดประชุมร่วม 2 สภา 9พ.ย.นี้

แน่นอนว่าชื่อ “นิโรธ” จึงได้รับคำยกยอจาก “มุ้งสามมิตร” อย่าง “สมศักดิ์ เทพสุทิน” เพราะ “นิโรธ” เองก็เคยอยู่ใน “มุ้งสามมมิตร” มาก่อน ในพื้นที่รอยต่อ ภาคเหนือตอนล่าง-ภาคกลางตอนบน เป็น ส.ส. มา 4 สมัย ในช่วง 20 ปี ทั้งพรรคชาติไทย-ไทยรักไทย-พลังประชารัฐ โดย “นิโรธ” เป็นที่รู้จักในสภาช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เพราะเป็น “มือประท้วง” และ “ศึกซักฟอก” ครั้งล่าสุด ก็ทำหน้าที่ “องครักษ์พิทักษ์นายกฯ” เพียงไม่กี่คนที่ช่วยประท้วง เพราะมีแผนล้มนายกฯเกิดขึ้น

ในการให้สัมภาษณ์ครั้งแรก “นิโรธ” จึงมีมุกตลกกลบคำตอบ หรือตีมึนเพื่อเลี่ยงตอบคำถาม เช่น เมื่อสื่อถามว่าทำไม พล.อ.ประวิตร จึงเลือกให้มาเป็นประธานวิปรัฐบาล นายนิโรธ กล่าวติดตลกว่า “เพราะผมหล่อ” ก่อนกล่าวเพิ่มเติมว่า ตนไม่ได้คุยกับ พล.อ.ประวิตร เรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องของ กก.บห.พรรค พิจารณา และส่วนตัวก็ไม่ได้คุยกับ นายกฯ ด้วย

ในสภาวะที่ “2ป.” ร้าวลึก แต่สิ่งที่พอ “ประสานร้าว” ได้คือการแบ่งหน้าที่ “ไม่ล้ำเส้น” แม้จะมีขบเหลี่ยมกันบ้าง นั่นคือ “พี่ป้อม” ดูพรรค “น้องตู่” ดูรัฐบาล ดังนั้นแต่ละฝ่ายต้องผลัดกัน “กลืนเลือด” ท่ามกลาง “สงครามเย็น” ของพี่น้อง “2ป.” และภายใน พปชร. ที่มี “ผู้เล่น” เพิ่มเข้ามาคือ “นิโรธ” นั่นเอง