หนุ่มเมืองจันท์ : จิ๊กซอว์ ‘ความหวัง’

ภาพจาก www.empireofthekop.com

ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ

หนุ่มเมืองจันท์ / www.facebook.com/boycitychanFC

 

จิ๊กซอว์ ‘ความหวัง’

 

ผมเป็นคอลัมนิสต์ในรายการ “เจาะใจ” มานานมาก

จำไม่ได้ว่ากี่ปีแล้ว

แต่เป็นคอลัมนิสต์ในหนังสือพิมพ์มติชนรายวัน และมติชนสุดสัปดาห์นานกว่า

คนที่เคยเขียนรายวันและรายสัปดาห์จะชินกับการเขียนเรื่องที่ต้องอิงกับสถานการณ์และอารมณ์ของสังคม

ดังนั้น เวลาคัดเรื่องไปเล่าใน “เจาะใจ” ผมก็ใช้วิธีคิดเดียวกัน

อย่างเช่น ช่วงโควิด ผมจะหลบเรื่องแนวมองโลกในแง่ดี หรืออารมณ์ขัน

เพราะอารมณ์สังคมค่อนข้างเกรี้ยวกราด

บางคนมีญาติพี่น้องในครอบครัวติดเชื้อโควิด หาโรงพยาบาลไม่ได้ หรือเห็นภาพข่าวที่คนไปนอนรอทั้งคืนเพื่อตรวจหาเชื้อในตอนเช้า ฯลฯ

ช่วงนั้นเครียดและเศร้ามาก

เรื่องที่จะเล่าใน “เจาะใจ” ผมจึงพยายามหาเรื่องที่ให้ “กำลังใจ”

หวังว่าอาจช่วยทำให้คนที่มีความทุกข์มี “ความหวัง” ในชีวิตบ้าง

อย่างครั้งก่อน เป็นเรื่องเกี่ยวกับ “กีฬา” 3 เรื่อง

เรื่องแรก เป็นเรื่องนักวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทยที่รวมตัวเฉพาะกิจ ก่อนที่จะอำลาสนาม

เป็นฉากจบที่งดงาม

หลายคนไม่รู้ว่านักวอลเลย์บอลชุดนี้เคยจะเลิกเล่นมาแล้วครั้งหนึ่งตอนแข่งขันคัดเลือกทีมไปโอลิมปิก

ญี่ปุ่นเจอเซอร์เบีย

ตามฝีมือแล้วญี่ปุ่นเหนือกว่า

ถ้าญี่ปุ่นชนะ ทีมไทยได้ไปโอลิมปิก

ไทยจะไม่ได้ไปมีเพียงหนทางเดียว คือ เซอร์เบียต้องชนะญี่ปุ่น 3:2

สุดท้ายญี่ปุ่นก็ชนะไปด้วยแต้ม 3:2

ทีมไทยตกรอบ

นักวอลเลย์บอลหญิงไทยร้องไห้กันหนักมาก เพราะรู้สึกว่าโดนโกง

ทุกคนบอก “โค้ชอ๊อด” เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร ว่าจะเลิกเล่นวอลเลย์บอล

ทั้งที่อีก 10 วันทีมนี้ต้องไปแข่งเวิลด์กรังด์ปรีซ์

วันนั้น “โค้ชอ๊อด” ดึงความรู้สึกของทุกคนกลับคืนมาด้วยการทวนความทรงจำในอดีต

ย้อนไปตอนที่ทุกคนเป็นเด็กใหม่ เข้าแคมป์เก็บตัวกันที่ยะลา

มีคำถามหนึ่งที่ “โค้ชอ๊อด” ถามทุกคนว่าความฝันของแต่ละคนคืออะไร

ทุกคนตอบเหมือนกันว่ารักวอลเลย์บอล อยากติดทีมชาติ

“จำได้ไหมว่าทุกคนเขียนว่าอย่างไร” โค้ชอ๊อดบอก

“อย่าให้คนอื่นมาทำลายความฝันของพวกเรา”

เขาให้ทุกคนรวมพลังไปแข่งเวิลด์กรังด์ปรีซ์ ตีชนะให้หมดทุกทีมเลย

และการแข่งขันครั้งนั้น ทีมไทยเอาชนะทุกทีมในเอเชียที่ได้ไปโอลิมปิก

แต่ทีมที่ชนะไม่ได้ไป

ครับ ช่วงที่เราทุกข์หาทางออกในชีวิตไม่ได้ บางครั้งเราอาจต้องพยายามมองหา “ดาวเหนือ” นำทาง

นึกถึง “ความฝัน” ในอดีต

เราเคยฝันเรื่องอะไร

บางทีอาจเป็น “กำลังใจ” ให้เราหาหนทางกลับมาได้อีกครั้ง

 

เรื่องที่สอง เป็นเรื่องทีมเลสเตอร์

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในปี 2012 ปีเดียวกับที่นักวอลเลย์หญิงไทยจะเลิกเล่น

ตอนนั้น “เลสเตอร์” ยังอยู่ลีกแชมเปี้ยนชิพ กำลังจะตะกายขึ้นพรีเมียร์ลีก

จิ้งจอกสยาม จบด้วยอันดับที่ 6

อันดับ 1-2 ขึ้นไปพรีเมียร์ลีก

แต่ 3-4-5-6 ต้องมาแข่งไขว้กันหาทีมขึ้นชั้น

“เลสเตอร์” เจอ “วัตฟอร์ด”

นัดแรก ชนะ 1:0

นัดที่สอง ตามอยู่ 1:2

ถ้าแต้มเท่านี้จะเสมอกัน

ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เหลืออีกนาทีเดียวจะหมดเวลา

“เลสเตอร์” ได้ลูกจุดโทษ

ถ้ายิงเข้า ได้ขึ้นชั้น

แต่ “เลสเตอร์” ยิงไม่เข้า และโดนสวนกลับ

“วัตฟอร์ด” ยิงเข้า

“เลสเตอร์” ตกรอบ

ในห้องแต่งตัวนักเตะทุกคนร้องไห้

“ต๊อบ” อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ก็ร้องไห้ เขาเสียใจมาก

แต่สิ่งหนึ่งที่เขารู้สึกก็คือ วันนี้เป็นวันที่นักเตะ “เลสเตอร์” มีความเป็นทีม เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

เพราะการที่ทุกคนร้องไห้เสียใจกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งเหมือนกัน

แสดงว่าคุณรักสิ่งนั้นมาก

ปีต่อมา “เลสเตอร์” เป็นแชมป์ได้ขึ้นไปเล่นพรีเมียร์ลีก

ครับ ผมต้องการสื่อว่าทุกครั้งที่คุณล้มเหลว ย่ำแย่ แล้วคุณสรุปบทเรียนได้

บางทีคุณกำลังได้ “กุญแจ” ดอกหนึ่งที่นำไปสู่ความสำเร็จ

 

เรื่องสุดท้าย เป็นเรื่องของ “อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน” อดีตยอดกุนซือของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ครั้งหนึ่ง เขาไปออกรายการของ “แกรี่ เนวิลล์” อดีตนักเตะแมนฯ ยู

“เนวิลล์” บอกว่า “เฟอร์กูสัน” เป็นผู้จัดการทีมที่มีจิตวิทยาเก่งมาก

“เฟอร์กี้” รีบแย้งว่าเขาไม่ได้ใช้จิตวิทยากับนักเตะ แต่เขามีความเชื่อ การสื่อสารซื่อตรง และไว้วางใจได้

เพราะส่วนหนึ่งสิ่งที่เขาพูด เขาทำได้

“จำตอนแข่งกับสเปอร์ ที่ครึ่งแรกเราโดนนำ 3:0 ได้ไหม”

นัดนั้น แฟนผีแดงต้องจำได้ เพราะถือเป็นแมตช์ประวัติศาสตร์แมตช์หนึ่ง

ในห้องพัก “เฟอร์กี้” บอกกับนักเตะทุกคนว่าครึ่งหลัง ถ้าใครยิงประตูก่อน ทีมนั้นชนะ

สำหรับผม คำพูดปลุกเร้าครั้งนั้นไม่มีความเป็นเหตุเป็นผลเลย

แต่ “เฟอร์กี้” ตั้งใจให้ทุกคนลืมอดีต ลืมว่าเรากำลังตามอยู่ 0:3

เขาใส่ “ความเชื่อ” ลงไป

“ครึ่งหลัง ใครยิงประตูได้ก่อน ทีมนั้นชนะ”

เป็นคำพูดที่ไร้เหตุผลและค้ากำไรเกินควรมากๆ

เพราะถ้า “ผีแดง” ยิงได้ 1 ลูก ก็แค่ 1:3

ยังตามอยู่ 2 ลูก

แต่นักเตะทุกคนเชื่อ ลงสนามด้วยความมั่นใจ

ไม่สนใจว่าตามอยู่เท่าไร

แต่ขอให้ยิงประตูแรกให้ได้ แล้วเราจะชนะ

ตอนเดินลงสนาม “เท็ดดี้ เชอริ่งแฮม” กัปตันทีมสเปอร์ซึ่งเป็นนักเตะเก่าของแมนฯ ยูเห็นสายตาความมุ่งมั่นของนักเตะผีแดง และ “เฟอร์กูสัน”

เขารู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องพัก

“เท็ดดี้” หันไปบอกเพื่อนร่วมทีมว่าอย่าให้แมนฯ ยูยิงประตูแรกได้เร็ว

แต่สุดท้ายเมื่อจบเกม แมนฯ ยูถล่มสเปอร์ไป 5:3

ทั้งที่โดนนำไปก่อน 3:0 ในครึ่งแรก

นี่คือความมหัศจรรย์ของ “ความเชื่อ”

ทำสิ่งที่ “เป็นไปไม่ได้” ให้ “เป็นไปได้”

ผมนำ 3 เรื่องมาเล่า เพราะต้องการบอกทุกคนว่าในวันที่เราย่ำแย่ เหมือนไร้ทางออกในชีวิต

มองไปทางไหนก็เหมือนกับมีแต่ท้องฟ้าที่มืดดำ

บางทีเราต้องต้องมองหา “ดาวเหนือ” จาก “ความฝัน”

คุ้ยหา “กุญแจ” สู่ความสำเร็จ จากการสรุป “ความล้มเหลว”

และใช้ “ความเชื่อ” เป็น “เข็มทิศ” นำทาง

บางทีเราอาจเกิด “ความหวัง” ในชีวิตขึ้นมา

“ความหวัง” ไม่มี “เหตุผล” หรอกครับ

แต่ “ความหวัง” มี “พลัง” ให้เราสู้ต่อไปได้