เปิดปมร้อน ‘พส.ไพรวัลย์’ หมดเวลาหงอย! ทิ้งบอมบ์ ‘สมเด็จธงชัย’ ‘เจ้าคุณพิพิธ’ ชี้ไม่คุ้ม นำภัยสู่วัด/บทความในประเทศ

บทความในประเทศ

 

เปิดปมร้อน ‘พส.ไพรวัลย์’

หมดเวลาหงอย!

ทิ้งบอมบ์ ‘สมเด็จธงชัย’

‘เจ้าคุณพิพิธ’ ชี้ไม่คุ้ม นำภัยสู่วัด

ครองพื้นที่สื่อเป็นประเด็นร้อนให้หลายคนติดตามข่าวอย่างใกล้ชิดและถูกพูดถึงอย่างมากในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา สำหรับกรณี ‘พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ’ ที่ประกาศจะขอลาสิกขา หาก ‘พระราชปัญญาสุธี หรือท่านเจ้าคุณอุทัย’ ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดสร้อยทองรูปปัจจุบัน ไม่ได้ขึ้นเป็นเจ้าอาวาสเต็มตัว

ย้อนกลับไป 20 สิงหาคมที่ผ่านมา มหาเถรสมาคมเคยมีมติให้พระราชปัญญาสุธี ซึ่งมีตำแหน่งเป็นรักษาการแทนเจ้าอาวาส ขึ้นเป็นเจ้าอาวาสวัดสร้อยทอง แต่ยังไม่ได้มีการประกาศแจ้งออกสื่ออย่างเป็นทางการ ระหว่างนี้เองคงมีข้อมูลบางอย่างที่ทางพระมหาไพรวัลย์ได้ไปรับรู้มา ว่าจะมีการเปลี่ยนตัวว่าที่เจ้าอาวาสวัดสร้อยทองใหม่ จึงเกิดเป็นที่มาของคลิปไลฟ์สด ‘ความในใจจาก พส. พว.’ ประกาศจะขอลาสิกขา

โดยใจความช่วงหนึ่งกล่าวว่า “หากสาเหตุเป็นเพราะสาเหตุที่อาตมาที่นำปัญหามาให้ อาตมาก็ขอสละสมณเพศ”

ก่อนที่ประเด็นนี้จะร้อนแรงขึ้นอีกครั้ง เมื่อรองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า ทาง พศ.ยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว แต่การแต่งตั้งเจ้าอาวาสวัดอารามหลวงเป็นเรื่องของคณะสงฆ์ ส่วนกรณีวัดสร้อยทองเป็นอำนาจของ ‘สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี หรือเจ้าคุณธงชัย’ ในฐานะเจ้าคณะใหญ่หนกลาง ที่จะเห็นสมควรว่ามีการแต่งตั้งพระสงฆ์รูปใด และมีการเสนอเปลี่ยนตัวว่าที่เจ้าอาวาสจากพระราชปัญญาสุธี เป็น ‘พระศรีปริยัติสุธี’ โดยเหตุผลหลักมาจากการที่พระราชปัญญาสุธีควบคุมพระลูกวัดไม่ได้

เรื่องนี้รับรู้ถึงพระมหาไพรวัลย์ จึงได้มีการโพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก ระบุว่า “อาตมาอาจทำอะไรหลายอย่างไม่เหมาะสม แต่อาตมาไม่เคยนั่งเครื่องบินไปดูบอลต่างประเทศ ไม่เคยทำเดรัจฉานวิชาอย่างเดียรถีย์ ไม่เคยดูโหรทำนายดวงหรือแม้แต่ปลุกเสกต์ผ้ายันต์แม้แต่ครั้งเดียวตั้งแต่บวชมา”

ทันทีที่โพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ทำให้เรื่องนี้ยิ่งร้อนเป็นทวีคูณ มีการเชื่อมโยงกันไปว่าข้อความที่ทางพระมหาไพรวัลย์พาดพิงถึงนั้น หมายถึงเจ้าคุณธงชัยหรือไม่?

ก่อนจะลบโพสต์ดังกล่าวทิ้งไป และโพสต์ข้อความขึ้นมาใหม่ เพื่อส่งสารถึงเจ้าคุณธงชัยอย่างชัดเจน ระบุว่า

กราบเรียนถึงท่านเจ้าประคุณ

หากท่านเจ้าประคุณไม่เห็นแก่เกล้ากระผม ซึ่งเป็นเพียงพระรุ่นลูกรุ่นหลานรูปหนึ่ง ไม่เห็นแก่การที่เกล้ากระผมจะยังครองผ้ากาสาวพัตร์ หรือจะลาสิกขาออกไปเป็นฆราวาสครองเรือน แต่ขอความมีปัญญาญาณของท่านเจ้าประคุณ ได้โปรดตริตรองอย่างลึกซึ้งและอย่างแยบคายด้วยเถิด ขอให้ท่านเจ้าประคุณเห็นแก่การของพระศาสนา โดยเฉพาะก็ในส่วนของหนกลาง ซึ่งพระเดชพระคุณเป็นผู้บัญชาดูแลอยู่ เกล้ากระผมขออนุญาตบังอาจนำเรียน ด้วยเกล้ากระผมเห็นว่า การพระศาสนา โดยเฉพาะก็ในส่วนของหนกลาง จำเป็นต้องอาศัยพระผู้ใต้ปกครอง ซึ่งมีทั้งสติปัญญาและความสามารถช่วยสนองพระเดชพระคุณและรับใช้เพื่อความรุ่งเรืองก้าวหน้ายิ่งขึ้นไปอีก ทั้งนี้ ไม่ว่าจะในส่วนของการเผยแผ่ การวิปัสสนา หรือการพระปริยัติ

เกล้ากระผมอาจประพฤติตนเป็นที่ไม่เรียบร้อยหรือเหมาะสม นี่เป็นโทษโดยส่วนตัวของเกล้ากระผมเอง และหากการประพฤติตัวนี้ สร้างความไม่พึงใจต่อพระเดชพระคุณ เกล้ากระผมกราบขอน้อมรับโทษในส่วนของความผิดนี้แต่โดยดี ไม่ว่าพระเดชพระคุณจะมีดำริอย่างไรในการลงโทษโดยชอบแก่พระธรรมวินัย เกล้ากระผมจะน้อมรับ และไม่ขัดขืนต่อคำสั่งนั้นเลย

เกล้ากระผมใคร่ขอความมีกรุณาคุณต่อพระเดชพระคุณเพียงอย่างเดียวว่า พระราชปัญญาสุธี ซึ่งเป็นอาจารย์ของเกล้ากระผม และรั้งตำแหน่งรักษาการเจ้าอาวาสอยู่ตอนนี้ มิได้เป็นผู้มีความเกี่ยวข้องหรือมีมลทินหม่นหมองในส่วนใดเลย มิได้เป็นผู้หย่อนยานในการปกครองดูแลพระลูกวัด อย่างที่มีคนกล่าวอ้าง

ขอพระเดชพระคุณได้ทรงไว้ซึ่งความมีพรหมวิหารธรรม ความเป็นธรรม ตลอดจนถึงความยุติธรรม ต่ออาจารย์ของเกล้ากระผมด้วย

เกล้ากระผมมิบังอาจคิดว่า สารนี้จะไปถึงพระเดชพระคุณหรือไม่ มิบังอาจที่จะต่อรองหรือเรียกร้องอะไร แต่ในฐานะของพระลูกพระหลาน หรือแม้แต่พระที่อยู่ภายใต้การปกครองของพระเดชพระคุณท่าน เกล้ากระผมถือว่า สารนี้เป็นส่วนของการกราบเรียนเพื่อขอความเป็นธรรมอย่างที่สามารถทำได้

ขอพระคุณโปรดอยู่เหนือพระเดช และขอให้ท่านเจ้าประคุณโปรดเมตตาตริตรองโดยแยบคายด้วยเถิดขอรับ คณะสงฆ์จะแซ่ซ้อง สังฆมณฑลจะสรรเสริญ การพระศาสนาจะก้าวหน้า หากท่านเจ้าประคุณทรงอยู่ด้วยพรหมวิหารธรรมในการปกครองอย่างแท้จริง

 

ท่ามกลางการเปิดเกมที่ร้อนฉ่า พระชั้นผู้ใหญ่อย่าง ‘พระเทพปฏิภาณวาที หรือเจ้าคุณพิพิธ’ วัดสุทัศนเทพวราราม ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับ ‘มติชน’ ว่า กรณีที่เกิดขึ้น ส่วนตัวเคยคาดการณ์ไว้แล้วว่าการไลฟ์สดของพระมหาไพรวัลย์และพระมหาสมปองจะเป็นภัยต่อการแต่งตั้งเจ้าอาวาส ซึ่งก็เคยให้สติไปแล้ว แต่ภิกษุทั้ง 2 ไม่เชื่อ เมื่อมาถึงเวลานี้ ถือว่าเลือดเข้าตา มีการฟาดงวงฟาดงา ทั้งที่เจ้าคณะหนกลางไม่ได้มีอำนาจตั้งเจ้าอาวาส และยังไม่ได้ขยับอะไรเลย เท่าที่สังเกต ยังไม่เห็นวงการคณะสงฆ์ขยับ ระดับพระผู้ใหญ่ก็ยังไม่เคยปรารภ แต่พระมหาไพรวัลย์กลับประกาศ ‘สึก’ ซึ่งถือเป็นการประกาศ ‘ศึก’ ซึ่งไม่คุ้มค่า และไม่น่าทำเช่นนั้น

เจ้าคุณพิพิธกล่าวต่อว่า การกระทำของพระมหาไพรวัลย์ในครั้งนี้ นำภัยมาสู่วัดและตัวเอง ทำให้เดือดร้อนทั่วไปหมด นอกจากกล่าวถึงสมเด็จธงชัยแล้ว ยังระบุถึงการปลุกเสก ทำผ้ายันต์ ซึ่งแท้จริงแล้วไม่ใช่เดรัจจฉานวิชาแต่อย่างใด การโพสต์เช่นนั้นกระทบกระเทือนพระสงฆ์ทั้งประเทศ การจัดรายการวิทยุ รายการโทรทัศน์ มีพระรูปไหนถาวรบ้าง ใครทำได้ถึง 20 ปี ถือว่า ‘โคตรพระ’ อย่าเอาจำนวนคนดูเป็นเกณฑ์ มีใครบ้างที่ยั่งยืนถาวรบนโลกสื่อสาร มวยหลักเท่านั้นที่ถาวร

“เกมนี้ คาดว่าจะจบตามที่พระมหาไพรวัลย์พูด จำไว้นะ คนที่เคยเป็นพระ มีชื่อเสียง ไม่มีใครสึกกันหรอก เพราะเมื่อสึกแล้ว ชื่อเสียงโด่งดังจะหายวับไปกับตา กลายเป็นคนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น พระที่ว่ารูปหล่อๆ สึกออกมานุ่งกางเกง หมดสภาพ” เจ้าคุณพิพิธกล่าว

 

อย่างไรก็ตาม ปัญหานี้ ในมุมมองของนิยม เวชากามา ส.ส.เพื่อไทย ออกมาเตือนว่า เรื่องราวที่วุ่นวายในขณะนี้จากการแต่งตั้งเจ้าคณะที่กาฬสินธุ์ ถึงวัดสร้อยทอง เป็นเรื่องเดียวกัน พร้อมชี้ว่า อย่าเอา “การเมืองฆราวาส” เข้ามา “ผ้าเหลือง” และเตือนว่า “ตั้งพระ” ไม่เหมือน “ตั้งผู้ว่าฯ”

ขณะที่เสียงสะท้อนจากคณะปฏิสังขรณ์การพระศาสนาใหม่ เห็นว่า การดับเครื่องชนของ พส.ไพรวัลย์ สะเทือนถึงโครงสร้าง ถ้าไม่ดับเครื่องชนก็เงียบงันกันไปหมด วันนี้หมดเวลาหงอยแล้ว

ประเด็นร้อนในวงการสงฆ์ครั้งนี้ ถือเป็นเรื่องที่สังคมจะต้องจับตามอง และท้ายสุดหากพระมหาไพรวัลย์ตัดสินใจลาสิกขาจริง วงการสงฆ์คงถูกสังคมตั้งคำถามในแง่อำนาจนิยมที่ครอบงำวงการสงฆ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้