กระหึ่ม! เปิดประเทศ รัฐบาลปลื้ม 63 ชาติแห่เข้าไทย ‘โรงแรม-แอร์ไลน์-รถเช่า-ห้าง’ ตีปีก/บทความพิเศษ ศัลยา ประชาชาติ

บทความพิเศษ

ศัลยา ประชาชาติ

 

กระหึ่ม! เปิดประเทศ

รัฐบาลปลื้ม 63 ชาติแห่เข้าไทย

‘โรงแรม-แอร์ไลน์-รถเช่า-ห้าง’ ตีปีก

 

ประเทศไทยเปิดน่านฟ้าต้อนรับนักท่องเที่ยวจาก 63 ประเทศแบบไม่กักตัวอย่างเป็นทางการไปแล้วตั้งแต่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา หลังปิดประเทศเพราะพิษโควิด-19 มาเกือบ 2 ปีเต็มๆ

พร้อมประกาศยกเลิกเคอร์ฟิว เปิดธุรกิจแทบทุกกิจการ รวมถึงผับ-บาร์ในจังหวัดนำร่องเพื่อการท่องเที่ยว 17 จังหวัด เพื่อรองรับนักทอ่งเที่ยวทั้งจากต่างประเทศและในประเทศ

วันแรกของการเปิดประเทศพบว่า มีสายการบินแจ้งทำการบิน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิประมาณ 260 เที่ยวบิน แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ 91 เที่ยวบิน เที่ยวบินภายในประเทศ 169 เที่ยวบิน มีผู้โดยสารเดินทางเดินทางเข้า-ออกจำนวน 20,083 คน เป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 6,613 คน แบ่งเป็นผู้โดยสารขาเข้า 2,424 คน

ในจำนวนนี้เป็นชาวต่างชาติ 1,534 คน และชาวไทย 890 คน ผู้โดยสารขาออก 4,189 คน เป็นผู้โดยสารภายในประเทศ 13,470 คน

 

“ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม คาดการณ์ว่า ตลอดเดือนพฤศจิกายนนี้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจะมีเที่ยวบินให้บริการประมาณ 12,133 เที่ยวบิน แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ 6,501 เที่ยวบิน เป็นเที่ยวบินขาเข้า 3,260 เที่ยวบิน ขาออก 3,241 เที่ยวบิน และเป็นเที่ยวบินในประเทศ 5,632 เที่ยวบิน เป็นเที่ยวบินขาเข้า 2,800 เที่ยวบิน และขาออก 2,832 เที่ยวบิน

สำหรับในส่วนของปริมาณผู้โดยสารนั้น คาดว่าตลอดทั้งเดือนพฤศจิกายนนี้จะมีผู้โดยสารเดินทางผ่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 725,978 คน หรือเฉลี่ย 24,199 คนต่อวัน ในจำนวนนี้เป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 270,529 คน แบ่งเป็นผู้โดยสารขาเข้า 135,407 คน ขาออก 135,122 คน และผู้โดยสารภายในประเทศ 455,449 คน แบ่งเป็นผู้โดยสารขาเข้า 226,152 คน ขาออก 229,297 คน

ส่วนท่าอากาศยานดอนเมืองและในส่วนภูมิภาคอีก 4 แห่งของ ทอท. ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ภูเก็ต และหาดใหญ่ เบื้องต้นนี้มีเที่ยวบินระหว่างประเทศเฉพาะที่ภูเก็ตเท่านั้น แต่ปริมาณก็ยังไม่มากนัก

 

ในส่วนธุรกิจโรงแรม นั้น “วัลลภา ไตรโสรัส” ซีอีโอ และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC บอกว่า โรงแรมในเครือมีความพร้อมสำหรับการต้อนรับการกลับมาของนักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ โรงแรมทั้ง 18 แห่งในเครือที่กระจายอยู่ทั่วประเทศได้รับการรับรองตราสัญลักษณ์ SHA+ และได้รับสัญญาณตอบรับที่ดี ยอดบุ๊กกิ้งโรงแรมบางแห่งในเครือพุ่งสูงขึ้นกว่า 2 เท่าในเดือนธันวาคม 2564 เทียบกับช่วงก่อนสถานการณ์โควิด-19 โดยเฉพาะโรงแรมในกรุงเทพฯ ภูเก็ต และแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ อาทิ โรงแรมวันนาเบล สมุย โรงแรมบันยันทรี กระบี่

แหล่งข่าวจากโรงแรมโฟร์พอยท์ส บาย เชอราตัน ป่าตอง จังหวัดภูเก็ต ให้ข้อมูลว่า เดือนกรกฎาคม 2564 ซึ่งเป็นเดือนแรกของการเปิด “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” โรงแรมมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยประมาณ 20% ของจำนวนห้องพักทั้งหมด 600 ห้องพัก ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และขยับมาอยู่ที่ประมาณ 40% เดือนตุลาคมที่ผ่านมา

ทั้งนี้ อัตราการเข้าพักที่เพิ่มขึ้นในเดือนตุลาคมนั้น หลักๆ เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคนไทยจากโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ขณะที่ยอดบุ๊กกิ้งจากนักท่องเที่ยวต่างชาติก็มีเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน เพียงแต่ยังไม่หวือหวานัก

อย่างไรก็ตาม พบว่าอัตราการจองห้องพักล่วงหน้าในเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ในขณะนี้มีจำนวนมากกว่าอัตราการจองของเดือนตุลาคมที่ผ่านมาแล้ว ทำให้เชื่อว่าทิศทางของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติน่าจะเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้นตามลำดับ

เช่นเดียวกับโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ภูเก็ต รีสอร์ท ที่ระบุว่า ปัจจุบันจำนวนยอดการจองที่พักล่วงหน้าในเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคมนี้มีความชัดเจนขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับในช่วงกรกฎาคม-สิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นของ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์”

 

สําหรับธุรกิจสายการบิน ต่างก็มีแผนพร้อมเปิดรับการเปิดประเทศเช่นกัน โดย “ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์” ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้การบินไทยได้ปรับเพิ่มเส้นทางบินในตารางบินฤดูหนาว (31 ตุลาคม 2564-26 มีนาคม 2565) โดยจะมีเส้นทางบินระหว่างประเทศรวม 29 จุดบินภายในไตรมาส 1 ของปี 2565

ประกอบด้วย เส้นทางบินในทวีปเอเชีย 19 จุดบิน เช่น โตเกียว โซล เซี่ยงไฮ้ นิวเดลี การาจี เชนไน เป็นต้น เส้นทางทวีปยุโรป 9 จุดบิน อาทิ ปารีส ซูริก มิลาน แฟรงก์เฟิร์ต โคเปนเฮเกน ลอนดอน บรัสเซลส์ เป็นต้น และทวีปออสเตรเลีย 1 จุดบิน คือ ซิดนีย์ ส่วนเส้นทางบินภายในประเทศ ที่ทำการบินโดยสายการบินไทยสมายล์มี 14 จุดบิน

อย่างไรก็ตาม หากมีดีมานด์การเดินทางเพิ่มขึ้นจากนโยบายการเปิดประเทศทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ การบินไทยก็พร้อมจะเพิ่มความถี่เที่ยวบินในอนาคตเช่นกัน โดยเฉพาะเส้นทางบินในภูมิภาคยุโรป

ทั้งนี้ จะทำให้การบินไทยมีเที่ยวบินให้บริการเพิ่มขึ้นจาก 10 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ในช่วงไตรมาส 3/2564 เป็น 32 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ในไตรมาส 1 ของปี 2565 และหากรวมเที่ยวบินของ “ไทยสมายล์” สายการบินลูกจะมีเที่ยวบินให้บริการเพิ่มขึ้นจาก 106 เที่ยวต่อสัปดาห์ในไตรมาส 3/2564 เป็น 280 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ในไตรมาส 1 ของปี 2565

 

นอกจากนี้ ยังพบว่ากลุ่มผู้ให้บริการด้านรถเช่าสำหรับนักท่องเที่ยวก็ประกาศความพร้อมสำหรับรองรับการเปิดประเทศเช่นกัน โดย “ภูมน สมดี” ผู้จัดการทั่วไป ซิกท์ รถเช่า ประเทศไทย ให้ข้อมูลว่า ได้สั่งรถเข้าสู่ฟลีตอีกราว 200 คัน ทั้งรถประเภทอีโคคาร์ และรถยนต์นั่งระดับใหญ่อย่างคัมรี่ โดยได้เริ่มเตรียมการตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 2 เพื่อให้ทันต่อนโยบายเปิดประเทศของรัฐบาล รวมทั้งเดินหน้าแคมเปญอย่างต่อเนื่อง อาทิ มอบส่วนลดสูงสุด 55% สำหรับรถเช่าขับเองทั่วไทย และส่วนลดสูงสุด 40% สำหรับลิมูซีน เซอร์วิส รับ-ส่ง สนามบิน เพียงแสดงบัตรโดยสารของการบินไทย หรือไทยสมายล์

ขณะที่ค่าย “เอแซ็ป” ก็จัดโปรโมชั่นต้อนรับหน้าหนาวเที่ยวอย่างมีความสุข “เที่ยวด้วยกันไปกับเอแซ็ป” เช่ารถราคาพิเศษ เริ่มต้น 899 บาท ในเดือนพฤศจิกายนนี้

ส่วน “ไทยเร้นท์ อะคาร์” ที่จัดแคมเปญ “ขับรถ ออกเดินทางไปเที่ยวเมืองไทยด้วยกัน” ต้อนรับเปิดประเทศ 1 พฤศจิกายนนี้ ราคาเช่ารายเดือนเริ่มต้นที่ 7,650 บาทต่อเดือน ส่วนเช่ารายวันเริ่มต้นที่ 710 บาทต่อวันจนถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้

 

ความเคลื่อนไหวของศูนย์การค้าก็ขานรับนโยบายการเปิดประเทศด้วยเช่นกัน โดย “วรลักษณ์ ตุลาภรณ์” ซีอีโอกลุ่มการตลาดบริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด บอกว่านโยบายการเปิดประเทศจะเป็นปัจจัยที่ทำให้การท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซั่นมีความคึกคักขึ้น ซึ่งกลุ่มเดอะมอลล์ กรุ๊ปเองก็มีการเตรียมความพร้อมด้านต่างๆ เพื่อรองรับลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศที่จะเข้ามาท่องเที่ยว โดยเฉพาะแคมเปญทางการตลาดแคมเปญเพื่อกระตุ้นการจับจ่าย

โดยมีการจับมือกับพันธมิตรโรงแรมในย่านที่ศูนย์การค้าตั้งอยู่ สายการบินต่างๆ ในการโปรโมตแหล่งท่องเที่ยวและการมอบสิทธิประโยชน์แก่นักท่องเที่ยว รวมถึงแผนจัดบิ๊กแคมเปญส่งท้ายปี “เคาต์ดาวน์ 2022” ที่เดอะมอลล์ นครราชสีมา เพื่อเป็นแลนด์มาร์กการเฉลิมฉลองส่งท้ายปี

เช่นเดียวกับ “ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอ็น ที่กล่าวในเรื่องนี้ว่า บริษัทได้เตรียมงบฯ กว่า 100 ล้านบาท ในการเตรียมจัดบิ๊กอีเวนต์ใหญ่ส่งท้ายปี มหกรรมเคาต์ดาวน์ 2022 ที่หน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อเป็นการปลุกมู้ดของประชาชนในประเทศ กระตุ้นกำลังซื้อ รวมถึงรองรับต่างชาติในการเปิดประเทศ

นอกจากนี้ ยังเตรียมทุ่มงบฯ การตลาดกว่า 400 ล้านบาท กระตุ้น Tourism Ecosystem ทั้งระบบ พร้อมเปิดแคมเปญส่งท้ายปี “Forwarding Happiness 2022” ตั้งแต่ 12 พฤศจิกายน 2564 ถึง 6 มกราคม 2565 เนรมิต The Best Thailand’s Happiness Landmark กับเทศกาลแสงไฟและสีสันแห่งความสุขผ่านศูนย์การค้าทั้ง 35 สาขาทั่วประเทศ

 

ล่าสุด Airbnb แพลตฟอร์มจองที่พักออนไลน์รายใหญ่ระบุว่า จากการเก็บข้อมูลเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมาพบว่า ยอดการค้นหาที่พักในประเทศไทยและมีแผนจะเดินทางเข้ามาในช่วง 6 เดือนนับจากนี้เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ไม่ว่าเป็นการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวบรรยากาศเมืองหลวง หาดทราย และภูเขา

“อมันพรีท บาจาจ” ผู้จัดการทั่วไปประจำอินเดีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฮ่องกง และไต้หวัน Airbnb ยังบอกด้วยว่า ภูเก็ตยังเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และเป็นคำค้นหาหลัก ตามด้วยกรุงเทพฯ สมุย พัทยา และเชียงใหม่

ทั้งหมดนั้นนับเป็นปรากฏการณ์ที่น่าจับตาอย่างมาก เพราะการเปิดประเทศครั้งนี้ไม่ใช่เฉพาะเรื่องของการท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเดินทางระหว่างประเทศเพื่อติดต่อธุรกิจ ภาคธุรกิจอื่นๆ รวมถึงชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยทั่วประเทศ

ดังนั้น คงต้องช่วยกันภาวนาขออย่าให้เกิดโควิดระลอก 5 มาซ้ำเติมอีกเลย