จดหมาย/ฉบับประจำวันที่ 11-17 สิงหาคม 2560

แม่

เรียนบรรณาธิการที่เคารพ

ขอความกรุณาลงเรื่อง “ไม่มีใครรักเราเท่าแม่”

เนื่องในโอกาสวันแม่ ได้ไหมคะ

จะขอบคุณเป็นอย่างสูง มา ณ ที่นี้ค่ะ

 

เนื่องจากว่า ดิฉันต้องหาเงินมาเลี้ยงลูกตลอด 2 ปี 6 เดือนที่ผ่านมา

ดิฉันขอเงิน “เค้า” ใช้มาตลอดเพราะดิฉันไม่สามารถออกไปทำมาหากินได้

ณ วันนี้ สำนึกได้ว่า เราต้องหาเงินด้วยตนเองแล้ว จะมัวมานั่งโทรศัพท์ขอเงิน “เค้า” มันไม่ได้อีกแล้ว

เพราะตลอด 2 ปีกว่าที่ผ่านมา

นับแต่วันแม่ เมื่อปี พ.ศ.2558 จนมาถึง ณ วันแม่ปีนี้ ดิฉันขอเงิน “เค้า” ใช้มาตลอด

และ “เค้า” คนนั้นไม่ใช่ใคร

เค้าคือ “แม่” ของดิฉันเอง

 

แม่คือผู้ให้ดิฉันมาตลอดตั้งแต่เกิด จนมาถึงวันนี้ แม่ก็ยังให้อยู่

ดิฉันเพิ่งรู้ว่า ความเหนื่อย อ่อนล้า หมดแรงทั้งกายและใจ (จนแทบอยากจะตาย)

ทำไมดิฉันถึงรู้นjะหรือ

ก็เพราะคำว่า “แม่” อย่างไรล่ะ

คำคำนี้แหละสอนให้รู้ว่า “ไม่มีใครรักเราเท่าแม่”

ดิฉันกล้าพิสูจน์ได้เลย ที่ว่าคนโน้นก็รักเรา คนนี้ก็รักเรา มันไม่มีจริงหรอก

คำว่า “แม่” หรือ MOM ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว

ต่อไปนี้ คือเรื่องราวที่ดิฉันได้พบและเจอมากับตัวเอง

 

ดิฉันใช้เวลา 2 ปีเศษ ที่ดิฉันรู้สึกและซึ้งใจต่อคำว่า “แม่”

ท่านคือผู้ให้จริงๆ แม่นั้นให้ได้ทุกอย่าง แม้ตัวจะตายก็ยังคิดให้ลูกอยู่นั่นแหละ แม้ว่าไม่มี ก็ยังอดคิดที่จะให้ไม่ได้

แม้ตัวตายก็ยังต้องฝืนอยู่เพื่อลูก

คุณเอ๋ย ไม่มีคำไหนที่ดิฉันจะสรรหามาพูดให้ลูกทุกคนเห็นความดีของแม่

ดิฉันเพิ่งรู้จักคำว่า “แม่” ก็ตอนอายุปาเข้าไปถึง 45 ปี

ก่อนหน้านั้นหรือ ไม่รู้หรอก ว่าแม่ทั้งเหนื่อย ทั้งหิว ทรมานแค่ไหนกว่าเราจะโต

เราย่ำยีแม่แทบปางตาย อะไรๆ ก็แม่ แม่คนเดียว

 

คุณคิดดูสิ หากลูกทั้งดื้อ ทั้งรั้น ทั้งซน เหมือนลิง

ลิงจริงๆ นะ เธอมีพฤติกรรมเหมือนลิงทุกอย่าง

ลิงเป็นอย่างไร ลูกของดิฉันก็เป็นเช่นนั้นแหละ (ไม่ได้ว่าลูกตัวเองนะ แต่เธอเป็นมาตั้งแต่เกิดจริงๆ)

หากคุณเห็นสภาพบ้านของดิฉัน คุณจะร้องอ๋อทันที ข้าวของกระจัดกระจาย เพราะเธอจะเดินดึง เดินรื้อ แล้วก็ทำลายข้าวของจนกว่าเธอจะเหนื่อย แล้วก็หลับ

นั่นแหละ ทุกอย่างจะสงบ

แล้วทุกคนในบ้านก็จะลุกขึ้นมาทำอะไรต่ออะไรได้ เพราะถ้าเธอไม่หลับ เธอจะเดินตามดิฉันไปรอบบ้าน ดิฉันจะทำอะไร เธอก็จะแย่งทำ

ใครถืออะไรมา เธอก็จะเข้าไปแย่ง

ใครไม่ให้เธอ ก็จะร้องเกาหัวเกาหู หงุดหงิด งุ่นง่านไปหมด คุณว่าเธอเหมือนลิงไหมล่ะ

วันๆ ไม่ได้หลับไม่ได้นอน เพราะเธอจะเข้ามาดึงหน้า ดึงผม ข่วนหน้าข่วนตา

พอเธอหลับ ดิฉันก็ลุกไปเก็บของที่เธอรื้อ แล้วก็ทำงานบ้าน รีบ รีบ รีบ เพราะกลัวเธอตื่น

คือทุกอย่างต้องรีบทำ รีบกิน รีบนอน จะตีก็สงสาร เพราะบางเวลาเธอก็น่ารัก บางเวลาก็น่าสงสาร

คือทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องให้เธอทุกอย่างที่เธอขอ

เพราะอะไร เพราะคำว่าลูกไง

ไม่ว่าเธอจะเป็นอย่างไร เธอก็คือลูก

และเพราะคำว่า “แม่” ที่เธอเรียกดิฉันก่อนเธอจะหลับ

 

ดิฉันเป็นคนมีเวรมีกรรม และเวรกรรมก็มีจริงเสียด้วยสิ เห็นกันในชาตินี้แหละ

ครั้งหนึ่ง แม่ของดิฉันบอกว่าสงสัยดิฉันจะมีน้องอีกคน

เท่านั้นแหละ ดิฉันโมโหโวยวาย ว่าแม่ต่างๆ นานา แล้วก็ให้แม่ไปทำแท้ง (แต่สุดท้ายแม่ก็ไม่ได้มีหรอก เพียงแต่แค่สงสัย)

พอต่อมา ตอนดิฉันเรียนอยู่ปี 2 ดิฉันเคยไปทำแท้ง เพราะตั้งใจไว้ว่าจะต้องเรียนให้จบเพื่อความภาคภูมิใจของแม่

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ดิฉันไม่เคยคิดจะมีครอบครัวหรือมีลูกอีกเลย

ดิฉันใช้ชีวิตคนเดียวตลอด กินเที่ยว ใช้ชีวิตสุขสบาย เงินทองมากมาย ขณะแม่ทำงานหนักมาตลอด พอแกจะสบาย ดิฉันก็ทิ้งแม่มาอีก

เพราะคำว่า “ลูก” ทำให้ดิฉันทิ้งแม่ได้

แต่เพราะคำว่า “แม่” ทำให้ดิฉันทิ้งลูกไม่ได้

ไม่ว่าลูกของเราจะเป็นเช่นไร

เขาก็คือลูก

ไม่ว่าเราจะเป็นแม่แบบไหน แม่ก็ทิ้งลูกไม่ได้

เวลาลูกดื้อรั้นจนเราเหลืออด จะตีก็ได้แค่พูดหรือเงื้อมือก็ต้องเอาลง ตีลูกไม่ได้ สงสารเวลาเห็นเขาเจ็บ

บางครั้งตัดสินใจแล้วว่าจะปล่อยให้เขาเจ็บจะได้จำและได้สำนึกบ้าง

แต่พอเวลาเห็นเขาเจ็บทีไร ก็อดไม่ได้ที่จะต้องวิ่งเข้าไปช่วย

 

แค่ 2 ปีเศษ ที่ดิฉันหนีท่านมา มันช่างนานแสนนานชั่วกัปชั่วกัลป์

ทำไมหนอ ดิฉันถึงรู้สึกเสียใจ เศร้าใจ อยากกลับบ้านไปอยู่กับแม่นัก

ดิฉันคิดถึงแม่ใจแทบขาด ในใจเฝ้าร้องหาแต่แม่ อยากกลับไปอยู่กับแม่สองคน

แต่ก็กลับไม่ได้ เพราะอะไร เพราะความรักลูกไง ทิ้งเขาไปไม่ได้ (แม่ไม่รู้ว่าดิฉันมีลูก) ท่านเคยบอกว่าไม่ต้องมีลูกหรอก มันลำบาก

ดิฉันไม่เคยเชื่อคำของแม่เลยสักนิด

แม่บอกว่า อย่าทำอย่างงี้นะ มันไม่ดี ดิฉันก็ทำ

แม่บอกว่าอย่าโกหกนะ ดิฉันก็โกหกหน้าตาเฉย

คือทุกคำที่แม่บอกว่า “อย่า” ดิฉันทำหมดทุกอย่างเลย

แล้ววันนี้ คำว่า “อย่า” ของแม่ก็กลับมาตอบสนองดิฉันอย่างสาแกใจเลยทีเดียว

เพราะทุกวันนี้ ดิฉันต้องพูดคำว่า “อย่า” กับลูกทั้งวัน จนกว่าจะหลับ

อย่าทิ้ง อย่ากัด อย่ากิน อย่าเท อย่าฉีก อย่าปีน อย่าข่วน อย่าแกล้ง อย่าเอาไป ฯลฯ

และสำคัญที่สุดเลยคือ “อย่าร้อง” เพราะก่อกวนประสาทอย่างที่สุด คุณเชื่อไหม ไม่มีแม่คนไหนทนได้หรอก ลูกของดิฉันเวลาร้อง เธอร้องได้ทั้งวันจริงๆ

นี่คือเวรกรรมอย่างแท้จริงสำหรับตัวเอง

 

แม่คือพระในบ้านจริงๆ เวลาทุกข์ เราก็เข้าหาพระ ไหว้พระ เวลาเราสุข เราก็เข้าหาพระ ไหว้พระ

แล้วแม่ล่ะ ทำไมเราไม่เข้าหาแม่ นึกถึงแม่

ทำเพื่อแม่บ้าง เพราะแม่ทำเพื่อเราตลอด

ทุกวันนี้ ดิฉันหยุดการกระทำที่ทำให้แม่เสียน้ำตาทุกอย่าง

หยุดได้อย่างไม่น่าเชื่อ หยุดการพนันที่ดิฉันติดจนโงหัวไม่ขึ้น (มีแต่คนบอกว่าดิฉันหยุดเล่นไม่ได้)

หยุดเที่ยวเตร่ที่วันๆ คิดแต่จะไปเที่ยว (โดยไม่คิดอะไรเลย)

หยุดยาเสพติดที่ติดจนไม่กลัวตาย (วันๆ งงงวย ทำอะไรไม่ได้)

วันนี้ดิฉันเลิกทุกอย่างได้อย่างไม่น่าเชื่อ

ไม่เคยคิดถึงมัน ไม่เคยคิดอยากกลับไปหามัน มีแต่จะหนี หนี หนี ไปให้พ้นพวกมัน

เพราะคำว่า “แม่” เพียงคำเดียว

ไม่มีใครรักเราเท่าแม่ (จำไว้) มนุษย์ทั้งหลาย

(ไม่ลงชื่อ)

 

แม่ คำคำเดียวนี่แหละ

แตกลูกออกหลาน เป็นเรื่องราวต่างๆ ได้มากมายหลากหลาย

ไม่น่าเชื่อ

จะให้เรื่องราวเหล่านั้นเป็นอย่างไร

เราต่างล้วนเป็น “ผู้ร่วมกำหนด”