เครื่องเสียง / พิพัฒน์ คคะนาท/Bose Smart Soundbar 900

เครื่องเสียง/พิพัฒน์ คคะนาท [email protected]

Bose Smart Soundbar 900

 

ในยุทธจักรเครื่องเสียงหรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวกับระบบเสียงทุกวันนี้ นอกจากตลาดชุดหูฟังจะเติบโตแบบก้าวกระโดดแล้ว

ดูเหมือนว่าตลาดของชุดลำโพงชิ้นเดียวแบบที่เรียกกันว่า Soundbar ก็กำลังเติบใหญ่ขึ้นอย่างน่าสนใจ

เพราะมีผู้ผลิตอุปกรณ์เกี่ยวกับระบบเสียงแทบทุกราย ได้หันมาขอเอี่ยวเค้กก้อนนี้กันอย่างหนาตา แม้ว่าจะไม่ลงมาสกรัมกันอย่างเนืองแน่นเหมือนเค้กก้อนชุดหูฟัง แต่ก็สร้างสีสันให้กับวงการไม่น้อย

ทั้งนี้ก็เนื่องเพราะเทคโนโลยีการออกแบบลำโพงที่ผนวกแอมป์ในตัวมีความก้าวหน้าไปมาก ทำให้ผู้ผลิตหลายรายที่แม้ไม่มีพื้นฐานธุรกิจอุตสาหกรรมด้านลำโพงมาก่อน ก็ยังสามารถเพิ่มสายงานการสร้างสินค้าใหม่เชิงนี้ให้กับแบรนด์ของตัวเองได้ไม่ยาก

และง่ายยิ่งกว่านั้นก็คือไปว่าจ้างให้ผลิตแบบ OEM : Original Equipment Manufacturer หรือพัฒนาขึ้นไปอีกเป็นแบบ ODM : Original Design Manufacturer ก็ได้

สาเหตุที่ลำโพงซาวด์บาร์เป็นที่ต้องการของตลาด ก็เนื่องเพราะทุกวันนี้ในสังคมเมืองนั้น ที่อยู่อาศัยของผู้คนถูกจำกัดขนาดลงเรื่อยๆ

อย่าว่าแต่บ้านจัดสรรที่เมื่อกว่าสี่ซ้าห้าสิบปีก่อนส่วนใหญ่จะมีพื้นที่เริ่มต้นที่ 60 ตารางวาเลยครับ แม้แต่ช่วงคอนโดมิเนียมรุ่นแรกๆ กำเนิดขึ้นในบ้านเราเมื่อสักกว่าสามสิบปีที่แล้ว จะเริ่มต้นกันที่ใกล้ๆ 40 ตารางเมตร กันเป็นส่วนใหญ่ วันนี้ห้องแบบสตูดิโดในเมืองขนาดพื้นที่ 24-26 ตารางเมตร ดูจะเป็นมาตรฐานเริ่มต้นไปเสียแล้ว

เพราะฉะนั้น เมื่อมีพื้นที่ใช้สอยน้อยลง ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ที่จำเป็นก็ต้องคิดกันแล้วคิดกันอีก ว่าควรใช้อะไรแบบไหนจึงจะสิ้นเปลืองพื้นที่น้อยที่สุด แต่ให้ประสิทธิภาพได้มากที่สุด และระบบเสียงอย่างชุดลำโพงสำหรับดูหนัง ฟังเพลง แบบโฮม เธียเตอร์ ก็เช่นเดียวกัน จากระบบเริ่มต้น 3.1 หรือ 5.1 หากสามารถยุบรวมมาเหลือเป็น ‘ชิ้นเดียวจบ’ ได้ และให้สุ้มเสียงรวมทั้งบรรยากาศเสียงออกมาได้ไม่น้อยหน้าพวกลำโพงแยกชิ้น ไยจึงจะไม่ได้รับความนิยมเล่า

ยิ่งรุ่นใหม่ๆ สามารถออกแบบและนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มารับใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถทำงานร่วมกับระบบเสียงที่เป็นฟอร์แม็ตใหม่ๆ ได้ ก็ยิ่งได้รับความนิยมหรือประสบความสำเร็จในแง่การตลาดเพิ่มมากขึ้นด้วย

 

เที่ยวนี้หยิบเรื่องนี้มาคุยด้วยก็เนื่องเพราะปลายเดือนที่ผ่านมา Bose Corp. ได้นำลำโพงซาวด์บาร์ที่เป็นพัฒนาการล่าสุด และเป็นรุ่นเรือธงในกลุ่มลำโพงประเภทนี้ของค่าย ซึ่งอยู่ในอนุกรม Smart Soundbar เข้าสู่ตลาด คือ Model 900 ซึ่งนอกจากจะผนวกเทคโนโลยีทางด้านระบบเสียงที่เป็นสิทธิบัตรเฉพาะแบบ ‘จัดเต็ม’ แล้ว ยังเป็นรุ่นแรกในกลุ่มซาวด์บาร์ของเขาที่รองรับการทำงานการเข้ารหัสสัญญาณเสียงแบบ Dolby Atmos ได้ด้วย

โดยช่วงประกาศข่าวก่อนลงตลาดประมาณสัปดาห์หนึ่งนั้น ได้เปิดให้สั่งซื้อล่วงหน้าได้ในราคา US$ 899.95 ซึ่งอีกไม่กี่วันก็คงทราบล่ะครับ ว่าบ้านเราจะเคาะราคาออกมาเท่าไร แต่ถ้าตอนนี้ใครสนใจด้วยมั่นใจในชื่อ ชั้น ของค่ายนี้เขา ก็น่าจะเตรียมเอาไว้ก่อนเหนาะๆ สักสามหมื่นครับ

โดยในช่วงแถลงข่าวนั้นเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องได้เอ่ยปากถึง Smart Soundbar 900 อย่างมั่นใจ ว่าจะเหนือชั้นกว่าทุกๆ ลำโพงประเภทเดียวกันที่รองรับฟอร์แม็ตเสียงแบบล่าสุดได้ จากหลากหลายเทคโนโลยีที่ได้ผนวกเข้าไว้ภายใน โดยเฉพาะกับเทคโนโลยีที่เป็นหัวใจสำคัญ คือ Bose PhaseGuide ที่ทำให้ลำโพงชิ้นเดียวสามารถรังสรรค์มิติเสียงออกมาได้อย่างสมจริงยิ่ง ทั้งยังแยกแยะรายละเอียดเสียงต่างๆ ออกมาได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเสียงของชิ้นเครื่องดนตรีประเภทต่างๆ เสียงสนทนา

ตลอดจนนานาเสียงเอฟเฟ็กต์ที่แตกต่างกันไป ก็ล้วนแสดงออกมาให้รับรู้ได้เหมือนอยู่ท่ามกลางเสียงนั้นๆ อย่างเสมือนจริง

 

ทั้งยังบอกด้วยว่าหากเนื้อหาหรือคอนเทนต์ที่นำมาเล่นกลับนั้นไม่ได้เข้ารหัสมาแบบ Dolby Atmos ลำโพงก็จะทำงานในการให้ความกว้างของมิติเสียงในแนวระนาบโดยการใช้เทคโนโลยี Bose TruSpace แล้วการผสมผสานมิติเสียงให้เกิดความสมจริงของเสียงขึ้นในแนวดิ่ง อันเป็นสนามเสียงในชั้นที่สูงขึ้นไปกว่าระดับปกติที่ Bose เรียกว่า A Layer of Realism ผ่านไดรเวอร์หรือชุดตัวขับเสียงแบบพิเศษ โดยมิพักต้องมีลำโพงชุด Height ที่เป็นลำโพงฝังเข้าฝ้าเพดาน หรือติดตั้งเข้าผนังห้องจริงๆ เหนือจอภาพแต่อย่างใด

โดยชุดตัวขับเสียงที่พิเศษที่ว่านั้น ได้ติดตั้งเอาไว้ในลักษณะให้ยิงเสียงขึ้นด้านบน ซึ่งทำหน้าที่รองรับฟอร์แม็ตเสียงแบบ Dolby Atmos เพื่อรังสรรค์บรรยากาศเสียงออกมาให้สมจริงมากที่สุด ทั้งยังสามารถทำงานร่วมกับชุดลำโพงด้านหลังห้องที่เป็น Back Surround Speaker และตู้ Sub-Woofer ที่ล้วนเป็น Smart Speaker ของ Bose เองได้อย่างกลมกลืน (ในกรณีที่ต้องการเพิ่มลำโพงชุดหลัง และสับ-วูฟเฟอร์ สำหรับทำงานร่วมกับซาวด์บาร์ตัวนี้ โดย Bass Module 700 ราคาตู้ละ US$ 699 และ Miniature Surround Speakers 700 ราคาชุดละ US$ 499 รวมทั้งทำงานร่วมกับลำโพงอื่นๆ ในระบบ Multi-Room แบบไร้สายได้อย่างสะดวก)

นอกจากจะสามารถรังสรรค์ภาพรวมของเสียงและบรรยากาศเสียงทั้งมวล ออกมาได้อย่างสมจริงแล้ว ด้วยเทคโนโลยี Bose QuietPort ทำให้ Smart Soundbar 900 ให้การถ่ายทอดเสียงในย่านความถี่ต่ำ หรือเสียงเบสออกมาได้ด้วยพลังอันหนักแน่น กระชับ และลงไปได้ต่ำลึกโดยปราศจากความพร่าเพี้ยนไม่ว่าจะเปิดที่ระดับความดังมากแค่ไหน และที่สำคัญคือเป็นเบสที่สะอาดอย่างน่าทึ่งมาก

ทั้งยังผนวกเทคโนโลยี Bose ADAPTiQ ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถตั้งวางลำโพงได้อย่างอิสระ โดยมิพักต้องเป็นกังวลว่าจะทำให้สูญเสียคุณลักษณะที่ดีเหมือนลำโพงทั่วๆ ไป ที่เสียงจะเปลี่ยนไปตามลักษณะและสภาพแวดล้อมของที่ตั้งวาง เพราะเทคโนโลยีนี้มีคุณสมบัติเด่นในด้านการปรับแต่งเสียงให้เข้ากับพื้นที่ใช้งานนั่นเอง

 

Bose Smart Soundbar 900 ยังมาพร้อมการเชื่อมต่อได้อย่างหลากหลายในการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อการดูหนังและฟังเพลง อาทิ พอร์ต HDMI eARC : Audio Return Channel สำหรับต่อกับทีวี (หรือจะต่อผ่านช่อง Optical ก็ได้ โดยมีสายนำสัญญาณทั้งสองประเภทให้มาในกล่องพร้อมสรรพ) ให้ทำงานแบบไร้สายได้ทั้งผ่านเครือข่าย Wi-Fi และ Bluetooth รองรับการทำงานร่วมกับ AirPlay 2 และ Spotify Connect สำหรับการสั่งงานด้วยเสียงเพื่อควบคุมลำโพงนั้น รองรับทั้ง Google Assistant และ Amazon Alexa โดยเป็นการทำงานร่วมกับเทคโนโลยีที่ Bose พัฒนาขึ้นมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ คือ Bose Voice4Video Technology

ทั้งหมดนั้นสามารถควบคุมการทำงาน และสั่งการฟังก์ชั่นต่างๆ ทั้งหมดได้อย่างง่ายดายผ่านทาง Bose Music App หรือจะควบคุมผ่านรีโมตคอนโทรล ที่มีมาให้พร้อมในกล่องก็ใช้งานได้สะดวกเช่นเดียวกัน

Bose Smart Soundbar 900 มีมิติโครงสร้าง (กว้าง x สูง x ลึก) 44.14 x 2.29 x 4.21 นิ้ว หนัก 12.68 ปอนด์ ด้านบนปิดทับด้วยแผ่นกระจกแบบพิเศษ แผงหน้าเป็นตะแกรงโลหะ

ระบุว่าเหมาะสำหรับใช้งานร่วมกับทีวีขนาดจอภาพ 50 นิ้วขึ้นไปครับ