เจ้าหญิงมาโกะ ฝ่ากระแสสังคม แต่งสามัญชน/บทความต่างประเทศ

บทความต่างประเทศ

 

เจ้าหญิงมาโกะ

ฝ่ากระแสสังคม แต่งสามัญชน

 

แม้จะเผชิญกระแสวิพากษ์คัดค้านจากสังคมอยู่มากพอสมควร

แต่ที่สุดเจ้าหญิงมาโกะ พระธิดาพระองค์โตในเจ้าชายฟูมิฮิโตะ อากิชิโนะโนะมิยะ มกุฎราชกุมารแห่งราชวงศ์ญี่ปุ่น และเจ้าหญิงคิโกะ พระชายา ก็ได้เสกสมรสกับนายเค โคมูโระ หนุ่มสามัญชนที่พบรักกันในรั้วมหาวิทยาลัยไปเป็นที่เรียบร้อยอย่างเรียบง่าย

มีเพียงการจดทะเบียนสมรสเป็นสามี-ภรรยากันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ไร้ซึ่งพิธีการตามราชประเพณีเต็มรูปแบบดังที่มีการปฏิบัติสืบมา ไม่มีแม้กระทั่งพิธีเลี้ยงฉลองสมรสเหมือนดังราชนิกุลพระองค์อื่นที่แต่งงานกับคนรักสามัญชนเช่นกัน

สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นไปตามความประสงค์ของเจ้าหญิงมาโกะ ที่ไม่เพียงทรงต้องสละฐานันดรเมื่อแต่งงานกับสามัญชนอันเป็นไปตามกฎมณเฑียรบาลที่กำหนดไว้เท่านั้น

หากแต่พระองค์ยังทรงปฏิเสธที่จะรับเงินขวัญถุงตามธรรมเนียมที่มีการมอบให้กับเชื้อพระวงศ์หญิงที่สละฐานันดรศักดิ์และก้าวออกจากการเป็นสมาชิกราชวงศ์ญี่ปุ่นไป

ซึ่งตามกระแสข่าวที่ปรากฏเผยว่าเงินก้อนดังกล่าวมีจำนวนมากถึง 150 ล้านเยน (ประมาณ 45 ล้านบาท)

 

โพลสำรวจความคิดเห็นของชาวญี่ปุ่นที่จัดทำโดยสื่อชั้นนำอย่างโยมิอูริ ชิมบุน ชี้ให้เห็นว่า คนในสังคมญี่ปุ่นมีความคิดเห็นแตกต่างกันอยู่มากกรณีการเสกสมรสกับคนรักสามัญชนของเจ้าหญิงมาโกะ

โดยมีมากถึง 33 เปอร์เซ็นต์ที่ไม่เห็นด้วย แม้กว่าครึ่งจะเห็นว่าการเสกสมรสครั้งนี้เป็นเรื่องที่ดีก็ตาม

แม้ที่ผ่านมาจะมีสมาชิกราชวงศ์หญิงพระองค์อื่นที่เสกสมรสกับคนรักสามัญชน เช่น ซายาโกะ คุโรดะ พระนามเดิม เจ้าหญิงซายาโกะ โนริโนะมิยะ (พระราชธิดาพระองค์เดียวในสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ ประมุขแห่งราชวงศ์ญี่ปุ่นพระองค์ก่อน) ผู้มีศักดิ์เป็นอาของเจ้าหญิงมาโกะ ซึ่งได้แต่งงานไปกับนายโยชิกิ คุโรดะ นักวางผังเมือง และได้สละฐานันดรไป แต่อดีตเจ้าหญิงซายาโกะก็ไม่ได้เผชิญกระแสคัดค้านจากสังคมเช่นครั้งนี้

ปมหลักใหญ่ที่จุดกระแสต่อต้านนายโคมูโระขึ้นในสังคม มีผลจากประเด็นอื้อฉาวทางการเงินของฝ่ายนายโคมูโระเอง ที่สื่อแท็บลอยด์ตีข่าวอ้างว่ามารดาของนายโคมูระที่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ได้ติดหนี้อดีตคนรักเป็นเงินจำนวน 35,000 ดอลลาร์สหรัฐ และยังไม่ได้ชดใช้

ข่าวฉาวนี้ทำให้คนในสังคมส่วนหนึ่งมองนายโคมูโระเปลี่ยนไป โดยเห็นว่าเขาไม่คู่ควรกับหญิงสูงศักดิ์ผู้เพียบพร้อมอย่างเจ้าหญิงมาโกะ

และทำให้เกิดกระแสคัดค้านการเสกสมรสของเจ้าหญิงมาโกะและนายโคมูโระตามมา ที่เป็นผลให้การเสกสมรสของทั้งสองต้องถูกเลื่อนไปหลายครั้งในเวลา 4 ปีนับจากการประกาศหมั้นหมายในปี 2017

 

ฮิโตมิ โทโนมูระ อาจารย์ภาควิชาสตรีและเพศศึกษาประจำมหาวิทยาลัยมิชิแกน ให้ความเห็นต่อประเด็นนี้ว่า ในสหรัฐ เราจะมองว่าปัญหาทางการเงินของแม่นายโคมูโระไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตัวนายโคมูโระ แต่คนในญี่ปุ่นมองเรื่องนี้ว่าเป็นปัญหาและเปลี่ยนมุมมองต่อเขาจากที่เคยมองว่าเป็นชายหนุ่มใจดี มีความจริงใจ กลายเป็นนักฉวยโอกาสที่แสวงหาชื่อเสียงเงินทอง

โทโนมูระชี้อีกว่า ปัญหาทางการเงินของแม่นายโคมูโระยังถูกมองว่าเป็นสิ่งที่สร้างความด่างพร้อยให้กับภาพลักษณ์ของราชวงศ์ญี่ปุ่น ที่ถูกยกเป็นสถาบันในอุดมคติที่ควรดำรงอยู่อย่างสง่างามและเพื่อความผาสุกทางจิตวิญญาณของประชาชน

นอกจากนี้ กรอบความคิดที่มองว่าแม่เลี้ยงเดี่ยวจะไม่สามารถเลี้ยงดูลูกได้อย่างถูกต้องเหมาะสม ยังคงมีอยู่จริงในสังคมญี่ปุ่น และยังมีความเกลียดชังรุนแรงที่เป็นการลดคุณค่าผู้หญิงที่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวทั้งในเชิงศีลธรรมและเชิงเศรษฐกิจด้วย

ความเห็นข้างต้นสะท้อนได้จากความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ประท้วงจำนวนหนึ่งที่ออกมารวมตัวกันคัดค้านการเสกสมรสของเจ้าหญิงมาโกะในกรุงโตเกียวเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

นายเค โคบูตะ ยูทูบเบอร์ที่เข้าร่วมเคลื่อนไหวบอกว่า กลุ่มสังเกตการณ์ราชวงศ์อย่างเขามองว่าเจ้าหญิงมาโกะเป็นเหมือนน้องสาวหรือลูกสาวที่กำลังตัดสินใจผิด โดยยังมีความแคลงใจในตัวนายโคมูโระอีกมาก ที่หลายคนกลัวว่าจะทำให้ภาพลักษณ์ของราชวงศ์ต้องมัวหมองได้

คาโอริ ฮายาชิ ผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อศึกษา และรองประธานบริหารมหาวิทยาลัยโตเกียว ยังมองเหตุที่ทำให้นายโคมูโระอาจไม่ได้เป็นที่ยอมรับ ไปที่หลักการยึดมั่นในระเบียบแบบแผนดั้งเดิมของญี่ปุ่น โดยชี้ว่าผู้ที่จะเป็นคู่ชีวิตของสมาชิกในราชวงศ์ญี่ปุ่นจะถูกเลือกอย่างระมัดระวังจากบุคคลในวงสังคมใกล้ชิดกับราชวงศ์

ซึ่งการพบรักกันในรั้วมหาวิทยาลัยของเจ้าหญิงมาโกะและนายโคมูโระนั้น ไม่ได้เป็นเส้นทางรักที่เป็นไปตามระเบียบแบบแผนดังกล่าว

 

ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของเจ้าหญิงมาโกะ โดยมีรายงานว่าเจ้าหญิงมาโกะทรงเป็นโรค PTSD ซึ่งก็คืออาการผิดปกติหลังได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างรุนแรง

เจ้าหญิงมาโกะไม่ได้เป็นเชื้อพระวงศ์หญิงพระองค์แรก ที่ต้องเผชิญความกดดันในชีวิตของความเป็นคนในราชวงศ์ ก่อนหน้านี้สมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะ ยังเผชิญแรงกดดันจากสังคมอย่างหนักเมื่อครั้งยังทรงเป็นเจ้าหญิงมาซาโกะ พระชายาในเจ้าชายนารุฮิโตะในห้วงเวลานั้น จากความกดดันเรื่องการมีรัชทายาทเป็นผู้ชายเพื่อการสืบราชบัลลังก์ต่อไป

หลังการเสกสมรสและการสละฐานันดร เจ้าหญิงมาโกะจะเป็นเพียงนางมาโกะ ที่มีแผนจะย้ายไปใช้ชีวิตอยู่ในสหรัฐอเมริกา พร้อมกับนายโคมูโระผู้เป็นสามี

เคน รอฟฟ์ ผู้อำนวยการศูนย์ญี่ปุ่นศึกษา แห่งมหาวิทยาลัยพอร์ตแลนด์ สเตต บอกว่า “นี่เป็นทางออกที่น่าทึ่ง” พร้อมกับชี้ว่า มันเป็นคำเตือนต่อราชสำนักว่าเธอไม่ไหวแล้ว

รอฟฟ์ยังให้ความเห็นที่มีการเปรียบเทียบคู่ของเจ้าหญิงมาโกะและนายโคมูโระที่หันหลังให้กับราชวงศ์ว่าเหมือนกับคู่ของเจ้าชายแฮร์รี่และเมแกน ที่ยังคงใช้ชีวิตอย่างเฉิดฉาย ทำเงินได้จากเรื่องราวของตนเองหลังย้ายไปใช้ชีวิตอยู่ในสหรัฐว่า เขาคิดว่าไม่มีทางที่คู่ของเจ้าหญิงมาโกะจะประพฤติเช่นนั้น

โดยคิดว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นคือเจ้าหญิงมาโกะและสามีจะหายไปและใช้ชีวิตอย่างสงบ