บทแตกหัก/ลึกแต่ไม่ลับ จรัญ พงษ์จีน

จรัญ พงษ์จีน

ลึกแต่ไม่ลับ

จรัญ พงษ์จีน

 

บทแตกหัก

 

วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 โรงเรียนเปิดเทอม “รัฐสภา” เรียกประชุมสามัญประจำปีครั้งที่ 2 ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 121 บัญญัติ มีกฎหมาย-พระราชบัญญัติ-พระราชกำหนดสำคัญ ค้างท่อ รอโหวตอยู่หลายฉบับ

“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี จมูกริดสีดวงไม่ได้รับประทาน คงได้กลิ่นตุๆ ว่า จะมีรายการ “วางงาน” คนกันเองเตรียมเสิร์ฟขี้เป็ดขี้ไก่ให้รับประทาน เปิดปฏิบัติการถองแค้นล้มกระดาน รัฐบาล “บิ๊กตู่” มีโอกาสม้วนเสื่อกลับบ้านเก่า

“เจ้าไม่เคลื่อนข้าไม่เคลื่อน ถ้าเจ้าเคลื่อนข้าต้องเร็วกว่า” และแล้ว “บิ๊กตู่” ไม่โอ้เอ้วิหารา ตัดสินใจ “ชิงลงมือ” เชิญ 7 รัฐมนตรีเครือข่าย “พลังประชารัฐ” เข้าพบที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ปุจฉา-วิสัชนา “ลับ” กันอยู่นานสองนาน

แปลกแต่จริง ปกติ “พล.อ.ประยุทธ์” จะสนทนาวิสาสะกับผู้ใต้บังคับบัญชา เฉพาะภารกิจหน้าที่การงาน สัพเพเหระ เรื่องโควิด-19 วัคซีน สถานการณ์น้ำท่วม แต่คาบนี้ข้ามสายพลิกความคาดหมาย

เปิดคอร์สเปิบพิสดาร ประเด็นการเมืองใน พปชร.หยิบยกกรณีการทำโพลในพื้นที่ภาคใต้และ กทม.เป็นไฮโล ว่าก่อมรรคผลให้ ส.ส.ภาคสนามอึดอัดและไม่พอใจ ทำให้ภาพลักษณ์พรรคเสียหาย ส่อเค้าเล่าอาการจะจุดชนวนให้เกิดความแตกแตก

“บิ๊กตู่” ระบุว่า ตนกับ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” หัวหน้าพรรค ไม่ได้รู้เห็นเป็นใจให้ใครทำ ปล่อยให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นต่อไปไม่ได้ ต้องตัดไฟเสียแต่ต้นลม “พล.อ.ประยุทธ์” มิได้เกี่ยวดองข้องแวะ มีตำแหน่งแห่งหนใน “พปชร.” ก็จริง แต่ “หมัดใหญ่ได้เปรียบ” คนคุมกฎต้องเสียงดังกว่าเสมอ

7 เสนาบดีที่ได้รับนิมนต์ ซึ่งประกอบด้วย “กลุ่มสามมิตร” ยกก๊วน “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รมว.อุตสาหกรรรม “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.ยุติธรรม “อนุชา นาคาศัย” รมต.ประจำสำนักนายกฯ กับหนึ่งที่ผูกเป็นพันธมิตรใหม่กัน ได้แก่ “สุชาติ ชมกลิ่น” รมว.แรงงาน

อีก 2 ว่าการ ที่ถือว่าเป็นคนใกล้ชิด “สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์” รองนายกฯ รมว.พลังงาน “ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์” รมว.ดิจิทัลฯ และ “สันติ พร้อมพัฒน์” หนึ่งเดียวที่ระนาบ รมช.ซึ่งได้รับเกียรติ

ทั้งหมดต่างพากันเห็นดีเห็นงาม ขานรับกันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ว่าปล่อยให้ปัญหาเกิดขึ้นแบบนี้มีต่อไปไม่ได้ จะยิ่งนำพา พปชร.เข้ารกเข้าพง เพื่อยุติปัญหาไม่ให้สุกงอม พรรคจะต้องยกเครื่องปรับโครงสร้างใหม่ “อีกครั้ง”

บทสรุปของที่ประชุม เห็นพ้องต้องกันว่า ใช้สูตรเดิม กงเกวียนกำเกวียน เวียนระไว ที่เคยกำจัด “กลุ่มสี่กุมาร” คายของเก่าทิ้งกลางกระดานกันมาแล้ว นั่นก็คือ ใช้วิธีการให้คณะกรรมการบริหารพรรค พปชร.ที่ปัจจุบันมีอยู่ 26 คนลาออกเกินกึ่งหนึ่ง แล้วลูกไปแคนนอนกระทบชิ่ง กรรมการทั้งชุดหมดสภาพนักศึกษาไปโดยปริยาย และสามารถเลือก ก.ก.ชุดใหม่ได้โดยอัตโนมัติ

จากนั้นมีข่าวว่า เกิดรายการฮิตาชิ เปิดปุ๊บติดปุ๊บ กรรมการบริหาร พปชร.ส่วนหนึ่ง เร่งคีย์ตีจังหวะ ทยอยยื่นใบลาออกล็อตแรกอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 6 รายนำร่อง

 

ขณะที่ “พล.อ.ประยุทธ์” พลันที่ลดเพดานบินมาเซ็กกันแฮนด์กับ 7 ลูกข่ายระนาบรัฐมนตรีแล้ว เกิดชีพจรลงเท้าแทบไม่ได้พักเบรก โทรศัพท์ไปเชิญชวน “พี่รอง-พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” รมว.มหาดไทย บุกบ้านป่ารอยต่อฯ นำข้อเสนอแนะ “ปรับโครงสร้างพรรค” ไปถอดเสื้อคุยกับ “พี่ใหญ่-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” หัวหน้า พปชร.ในบัดดลเย็นวันนั้นเลย เรียกว่าพี่เขาจัดการให้ในทันท่วงที

“พี่ป้อม” ปกติแก่ก็เชื่องช้า เหมือนนาฬิกาเสีย เพราะเจ้าของทำตกพื้นบ่อย เครื่องรวน เข็มกระตุกเดินช้าลง บอกเวลาไม่ตรง ลำพังดวลเดือดตัวต่อตัวกับ “น้องตู่” แค่พอกล้ำกลืนฝืนทน รับมือจะไม่ไหว พูดจาไล่ไม่ทันอยู่แล้ว

เจอ “สองรุมหนึ่ง” ดึง “น้องรอง-พล.อ.อนุพงษ์” มาช่วยเหยียบคันเร่ง สองแรงบวก “บิ๊กป้อม” ราวกับโดนยักษ์ลักมา ลิงพาไป ได้แต่นั่งหาวเรอ ทำตาปริบๆ “เออๆ” ลูกเดียว

การสู้รบที่ปราศจากข้อมูลข่าวสาร ไม่ล่วงรู้คู่ต่อสู้ย่อมแพ้สงคราม ด้วยประการดังกล่าวมีข่าวว่า ก่อนขยับหมากรุกฆาต “พล.อ.ประยุทธ์” สำรวจตรวจแถวตัวเองมาอย่างละเอียด

1. ดังรายงานข่าว “ลึกแต่ไม่ลับ” เมื่อสัปดาห์ ว่า ขุมกำลังที่ “บิ๊กตู่” ต่อสายดึงมาเป็นแนวร่วม ไม่ว่าแตกตัวไปตั้งพรรคใหม่ หรือยึด พปชร.สำเร็จ 80 ที่นั่งบวก ตัวเลขหรูป๊ะ มาจาก “กลุ่มสามมิตร” 30 คน + กลุ่มสุชาติ ภาคตะวันออก 10 ที่นั่ง + กลุ่มพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค จากพรรคเล็ก 15 เสียง + กลุ่มชัยวุฒิ กกปส.เดิม 10 ที่นั่ง กับเครือข่ายพี่รอง ที่มี “บิ๊กฉิ่ง-ฉัตรชัย พรหมเลิศ” ไหลมาสบทบอีก 20 เสียง และล่าสุดกลุ่ม “สันติ พร้อมพัฒน์” กระโดดค้ำถ่อออกจากกลุ่ม 4 ช.มาสมทบอีก 10 เสียง ยังไม่รวมบัญชีรายชื่ออีกจำนวนหนึ่งนะเนี่ย พอจะเป็นแกนนำพรรคร่วมได้แล้ว

2. “พล.อ.ประยุทธ์” รู้ว่าศัตรูกระปรี้กระเปร่า สามารถเตะตัดขาจนหมดเรี่ยวแรง อย่างที่เห็นๆ พูดกันแบบชัดๆ เป้าหมายในการมุ่งกระแทกกลางของ “บิ๊กตู่” หลังศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจคือ “กลุ่ม 4 ช.” ปัจจุบันสามารถตีฐานแตกละเอียด กำจัด “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” พ้นทางปืนหลุดจากตำแหน่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

แผนสองรุกคืบ ยึดตำแหน่งเลขาธิการพรรค ซึ่งคิดว่าจะสำเร็จโทษให้จบข่าวก่อนวันที่ 1 พฤศจิกายน ก่อนสภาเปิดเทอม

มีข่าวคลุกวงในว่า ก่อนเปิดฉากอย่างไม่ลังเลในยกที่สอง “บิ๊กตู่” ได้รับข้อมูลข่าวสารว่า ความสัมพันธ์ของ “ลุงป้อม” กับลูกน้องคนโปรดใน พปชร. “หลายคน” ไม่เหมือนเก่า ไอ้ที่เคยเกาะรถไปกลับคันเดียวกัน ก็ไม่ “ฟิน” ดังเดิม

แจกันดอกไม้ที่บ้านป่ารอยต่อฯ กลับมาประดับด้วยดอกกุหลาบช่อเก่า รองเท้าหน้าห้องเปลี่ยนเป็นคู่เดิม

เมื่อมีข่าวเยี่ยงนี้ “บิ๊กตู่” ถือโอกาสลุย

แต่มีข่าวว่า ล่าสุด เกมทำท่าจะไม่จบ ศึก พปชร.ไม่สงบ “บิ๊กป้อม” ถูกคนใกล้ชิดปลุกให้ตื่น ฮึดขึ้นสู้

อาจจะถึงบทแตกหัก “พี่น้อง 3 ป.” อาจจะเหลือแค่ตำนาน