อนุสรณ์ ติปยานนท์ : In Books We Trust (36) หนังสือชื่อเดียว (8)

ภาพประกอบจาก goodereader.com

ท่าอากาศยานต่างความคิด

อนุสรณ์ ติปยานนท์ / [email protected]

 

In Books We Trust (36)

หนังสือชื่อเดียว (8)

 

เขาตื่นขึ้นกลางดึกของคืนวันนั้นภายหลังจากการหลับใหลไปเพียงสองชั่วโมงกว่า เสียงร้องเรียกไม่ขาดสายจากเจ้าแมวทารกตัวนั้นทำให้การนอนหลับต่อไปของเขาไม่อาจกระทำได้

เขาลุกขึ้นจากเตียง ตรงไปที่ห้องน้ำ ใช้น้ำจากก๊อกน้ำล้างใบหน้าของตนเอง เป็นไปได้ว่ามีความผิดปกติบางอย่าง มิเช่นนั้นเจ้าแมวคงไม่ร้องเรียกหาเขาอย่างต่อเนื่องเป็นแน่

แต่น่าแปลกที่เขากลับหาตัวเจ้าแมวไม่พบ เสียงร้องของมันดังมาจากตรงนั้นบ้าง ตรงนี้บ้าง ข้างเตียงนอน หลังประตูห้องน้ำ ใต้ชั้นหนังสือไปจนถึงมาจากฝ้าเพดาน มีเสียงร้องของมันจากทุกที่ที่เขามองหา

หากเขาก้มลงมองที่ใต้เตียง เขาก็จะได้ยินเสียงร้องของมัน

หากเขาเปิดดูด้านหลังของประตูห้องน้ำเขาก็จะได้ยินเสียงร้องของมัน

หากจะพูดไปเปรียบเสมือนดังเขาสร้างเสียงร้องของเจ้าแมวตัวนั้นขึ้นด้วยตนเอง

ขอเพียงเขามองหา เขาจะได้ยินเสียงร้องของมัน

 

เหตุการณ์แปลกประหลาดที่ว่านั้นทำให้เขานึกถึงปริศนาในโลกวิทยาศาสตร์เรื่องหนึ่ง

เขาจำได้ว่าเขาอ่านเจอสิ่งที่ใกล้เคียงกับเรื่องราวทำนองนี้จากหนังสือใดสักเล่มที่เขาทำหน้าที่พิสูจน์อักษร

ใช่แมวของโชรดิงเกอร์ไหม หรือเป็นแมวของชูเมกเกอร์ หรือแมวของอาร์เธอร์ เขาจำชื่อที่ขนานนามให้ปริศนาดังกล่าวนี้ได้ไม่แน่นอน

แต่เรื่องราวเป็นไปทำนองนี้ มีแมวตัวหนึ่งถูกขังอยู่ในกล่อง เราไม่รู้ว่าแมวตัวนั้นเป็นหรือตาย ยังมีชีวิตอยู่หรือปราศจากชีวิตแล้ว ทางเดียวที่เราจะรู้ได้คือการเปิดกล่องนั้นขึ้น ถ้าสภาวะขณะที่เราเปิดกล่องมีเงื่อนไขแบบหนึ่ง แมวก็อาจยังอยู่ แต่ถ้ามีสภาวะอื่น แมวก็อาจตาย

สภาวะเหล่านั้นขึ้นอยู่กับตัวเราด้วยซึ่งก็ดูมีความไม่แน่นอน ดังนั้น ความไม่แน่นอนของเราที่เกิดจากแมวก็จะกำหนดความไม่แน่นอนของแมวที่เกิดจากเรา

เขาคิดว่าคำอธิบายน่าจะเป็นทำนองนี้ แม้จะไม่ตรงตัวร้อยเปอร์เซ็นต์นัก แต่เขาก็คิดว่าเรื่องที่เขากำลังเผชิญอยู่นี้เป็นเรื่องเดียวกัน

ถ้าเขาคิดว่าแมวอยู่ตรงนั้น มันก็จะอยู่ตรงนั้น

และสาเหตุเดียวที่เขายังไม่พบตัวมันทั้งที่มันอยู่ตรงนั้นนั่นเป็นเพราะความสามารถและการรับรู้ของเขานั้นไม่ละเอียดอ่อนพอที่จะแลเห็นตัวมันได้ด้วยตนเอง

เขาค้นหาเจ้าแมวอยู่ราวสามสิบนาทีก่อนจะตัดสินใจยอมแพ้ ไม่ว่าอย่างไร เขาเชื่อว่าเจ้าแมวตัวนั้นยังคงอยู่ในบ้านของเขา ดังนั้นไม่ช้าก็เร็วมันย่อมปรากฏตัวออกมา

เขากลับขึ้นเตียงอีกครั้ง ปิดไฟตรงหัวนอนและพยายามหลับตานอนให้สนิท แต่ไม่เป็นผล จิตใจและร่างกายของเขามีความตื่นตัวต่อปริศนาเรื่องนี้มากล้น เจ้าแมวยังมีชีวิตอยู่ไหม

และหากมันยังมีชีวิตอยู่ มันอยู่ที่ใดกันเล่า

 

เขาเปิดโคมไฟที่หัวนอนอีกครั้งหนึ่ง ในครานี้ เขาจดทุกอย่างที่เป็นความเป็นไปได้ลงบนสมุดบันทึกส่วนตัว

อาทิ แมวยังอยู่ในบ้านแต่เขามันไม่พบ มันอาจเคลื่อนที่เร็วไวเกินกว่าเขาจะเห็นมันได้ถ้วนถี่หรือชัดเจน

หรือแมวไม่ได้อยู่ในบ้านแล้ว มันอาจหลีกออกจากบ้าน แต่ยังไม่ไปไหนไกล เสียงร้องที่เขาได้ยินเป็นเสียงร้องของมันจริงๆ เพียงแต่ว่าเขากำลังหลงทิศหลงทาง เขาคิดว่ามันอยู่ตรงที่ที่เขาได้ยินเสียง แต่ที่จริงแล้วมันอยู่ห่างออกไปจากจุดที่เขาได้ยินเสียงเป็นอันมาก หูของเขาอาจฝาดไปหรือไม่ก็เขาเองอยากเชื่อเช่นนั้นว่าแมวยังอยู่ในพื้นที่ที่เขาออกค้นหามัน

การพยายามสร้างทางเลือกที่ออกจากตนเองหรือการเชื่อแบบเข้าข้างตัวเองโดยไม่มีข้อมูลใดเช่นนี้ทำให้เขานึกถึงนิทานอาหรับที่ว่าด้วยชายคนหนึ่งผู้มีนามว่านัสรูดิน

คืนนั้นนัสรูดินไปกินข้าวในงานเลี้ยงของคนรู้จัก เขากลับบ้านด้วยความเหนื่อยอ่อน ในขณะที่เขาเดินทางกลับมาถึงบ้านและพยายามเปิดประตูบ้าน เขาทำลูกกุญแจหล่นหายในมุมมืด แต่เขากลับออกมาค้นหาลูกกุญแจในที่ที่แสงสว่างจากดวงจันทร์ส่องลงมาถึง เขาค้นหาอยู่นานสองนานแต่ไม่พบพานมัน

เพื่อนบ้านคนหนึ่งผ่านมาพบนัสรูดินเข้า เขาถามว่านัสรูดินกำลังทำอะไรอยู่ นัสรูดินตอบเขาว่า “เขากำลังค้นหาลูกกุญแจที่หล่นหายอยู่”

เพื่อนบ้านจึงช่วยนัสรูดินค้นหากุญแจ ทั้งคู่ใช้เวลานานนับชั่วโมงในการค้นหาแต่ก็ไม่พบ เพื่อนบ้านจึงถามนัสรูดินว่าเขาทำกุญแจหล่นหายที่ใด

นัสรูดินบอกเขาว่าเขาทำกุญแจหล่นหายที่หน้าประตูบ้าน “แล้วทำไมท่านจึงมาหากุญแจที่ท้องถนนเล่า?”

“ก็เพราะตรงนี้มันมีแสงจันทร์ที่ทำให้เกิดความสว่างกว่าที่อื่นๆ อย่างใดเล่า”

เขาเป็นเช่นนั้นไหม เขาเป็นเช่นดังนัสรูดินที่หาสิ่งที่หายจากที่ที่สว่าง ไม่ใช่ที่ที่ควรจะเป็นไหม

อาจไม่มีแมว ไม่มีหญิงสาวคนนั้น ไม่มีหนังสือชื่อเดียว ทุกอย่างเป็นเพียงจินตนาการของเขาไหม อาจไม่มีใครเลยที่กระทำเรื่องนี้นอกจากความคิดของเขาเอง

ช่วงเวลานั้นเขารู้สึกดังคนเสียสติที่ไม่อาจแยกภาพฝันกับภาพจริง ที่ไม่อาจแยกจินตนาการออกจากแก่นสาร

เขารู้สึกมีตัวตนอยู่ในสองที่ ในที่หนึ่งเขาทำงานเป็นนักพิสูจน์อักษร มีชีวิตที่ปกติ

ในอีกที่หนึ่งเขากลายเป็นนักเขียนและได้พบกับเรื่องราวแปลกประหลาด

ในโลกหนึ่งเขาอยู่ตัวคนเดียวเพียงลำพัง ในอีกโลกหนึ่งเขามีแมวหนึ่งตัว แมวที่ไม่มีตัวตน

 

แทนการกลับไปนอนหลับเพื่อลืมทุกอย่างไป เขาตัดสินใจว่าหนทางหนึ่งที่จะค่อยๆ คืบคลานสู่ความจริงข้อนี้ได้คือการตั้งสติของเขาให้แจ่มชัด และหยิบฉวยไต่สวนในสิ่งที่จับต้องได้

สิ่งหนึ่งที่จับต้องได้ในยามนี้คือมีใครบางคนจ้างวานเขาให้เขียนอะไรบางอย่าง เขามีรายได้จากสิ่งนั้น และหากเขากระทำการดังกล่าวจนสำเร็จ หนังสือของเขาจะกลายเป็นหนังสือชื่อเดียวกับหนังสือเล่มอื่นๆ เขาจะได้รับเงินจากสิ่งนั้น หนังสือเขาจะได้รับการตีพิมพ์และเขามีโอกาสที่จะได้พบบุคคลที่ว่าจ้างเขา บุคคลที่ต้องการให้หนังสือมีเพียงชื่อเดียว

เขากลับไปที่โต๊ะทำงาน และเขาเริ่มต้นเขียนแทบจะทันที เขาเขียนโดยหยุดพักน้อยถึงน้อยที่สุด เขาลุกจากโต๊ะเท่าที่จำเป็น ขยับร่างกายเท่าที่จำเป็น สูบหมึก เปลี่ยนกระดาษ ชำระร่างกาย อาหารที่เขากินมีเพียงขนมปังและกาแฟ การพักผ่อนที่เขามีคือการงีบหลับบนโซฟาทีละครึ่งชั่วโมงเมื่อรู้สึกว่าหนังตาล้าจนไม่อาจทำการอีกได้

ไม่มีเสียงร้องของแมวอีกต่อไป กระนั้นเขากลับพบว่าเจ้าแมวยังคงอยู่ในบ้านหลังนี้ อาหารที่เขาเทไว้พร่องไปตามเวลา มันคงอยู่ในที่เดียวกับเขาเพียงแต่มันไม่ปรากฏตัว เหมือนหญิงสาวคนนั้น

เหมือนปริศนาอีกหลายเรื่องที่มันยังคงอยู่แต่ยังไม่ถึงเวลาปรากฏตัวของคำตอบ

 

หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป ในที่สุดเขาก็เขียนหนังสือจนเสร็จสิ้น เขาเขียนคำว่าจบลงบนหน้ากระดาษ ถอนหายใจด้วยความปีติที่ระคนไปด้วยความเหนื่อยอ่อน

เขาเก็บต้นฉบับลงใส่แฟ้มก่อนจะยกหูโทรศัพท์หาบรรณาธิการของเขา

เขาแจ้งข่าวดังกล่าว

เสียงปลายสายจากบรรณาธิการเต็มไปด้วยความตื่นเต้น คุณมาพบผมที่ร้านอาหารได้ไหมในเวลาเที่ยงครึ่งวันพรุ่งนี้?

บรรณาธิการเอ่ยชื่อร้านอาหารประจำของพวกเขา เขารับคำ ในที่สุด กุญแจดอกหนึ่งในการไขปริศนาข้อนี้ก็อยู่ในมือของเขาแล้ว

เขาตรงเข้าไปที่ห้องน้ำส่วนตน เมื่อมองภาพในกระจกเขาก็ตกใจในสภาพของตนเอง แก้มของเขาซูบตอบ มีเคราและหนวดขึ้นที่ใบหน้า เขาเปลี่ยนไปเป็นอีกคนหนึ่งอย่างไม่รู้ตัว

เพียงชั่วหนึ่งสัปดาห์ เขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

เขาใช้เวลาตลอดบ่ายนั้นทำความสะอาดร่างกายตนเอง เขาแช่ตนเองในอ่างน้ำ เปิดน้ำร้อนจัด เขาอยู่ในอ่างน้ำนั้นนานจนผิวซีดขาวก่อนจะลุกขึ้นโกนหนวดเครา เขาออกไปที่ร้านตัดผมประจำ ตัดผมที่ยาวรุงรังออกจนเรียบร้อย

หลังจากนั้นเขาไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ต ซื้ออาหารแมวและอาหารของตนเองพร้อมด้วยเครื่องดื่มสำหรับการเฉลิมฉลอง

หลังจากนั้นเขาเข้าไปในร้านขายเสื้อผ้า ซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ ก่อนจะกลับมาที่บ้าน

คืนนั้นเขาทำอาหารที่ตนเองชอบ จุดเทียน รินไวน์ใส่แก้วแก้วแล้วแก้วเล่า เมื่อไวน์หมดขวด เขาก็รู้สึกมึนเมาจนได้ที่

เขากลับสู่เตียงของตนเองและหลับลง