เผยแพร่ |
---|
การผลักดันชื่อของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ทะยานไปอยู่ในตำแหน่ง”ว่า ที่”หัวหน้าพรรค การผลักดันชื่อของ นพ.สุรพงษ์ สืบวงษ์ลี ทะยานไปอยู่ในตำแหน่ง”ว่าที่”ผู้อำนวยการพรรค
สะท้อนทั้งความ”เขี้ยว”ของพรรคเพื่อไทยในแง่การเมืองจากมุมทางด้าน”การตลาด”
ประสานเข้ากับสภาพ”ความจริง”ในปัจจุบัน”ขณะ”การเมือง
แม้ในการประชุมที่ขอนแก่นในวันที่ 28 ตุลาคมซึ่งวางแผนเอาไว้อย่างเป็นระบบมายาวนานอาจสะดุดเพราะเผชิญกับอุบัติเหตุ การเมืองของพรรคพลังประชารัฐ
ทำให้ความสนใจในทางการเมืองพุ่งไปยังจังหวะก้าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในการบดขยี้และขจัด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ออกไปจากเส้นทางการสืบทอดอำนาจ
แต่เมื่อปรากฏนามของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว นพ.สุรพงษ์ สืบ
วงษ์ลี คอทางการเมืองก็ตกอยู่ในอาการตะลึงตึง
ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากรณีการฟัดกันอย่างชนิดจมเขี้ยวระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า
มีความจำเป็นต้องมองจังหวะก้าวของ”ว่าที่”หัวหน้าพรรคอย่างสัมพันธ์กับจังหวะก้าวของ”ว่าที่”ผู้อำนวยการพรรค เพราะนี่คือร่อง รอยบ่งชี้ไปถึงการจะปรากฏขึ้นของแคนดิเดต”นายกรัฐมนตรี”
แม้จะมิได้อยู่ในระนาบเดียวกันกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็สร้างจุดต่างกับ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ เป็นอย่างสูง
มีความพยายามเร่งเร้าในเชิงยั่วยุและท้าทายให้มีการประกาศ ชื่อ”แคนดิเดต”นายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยจากฝ่ายตรงกันข้าม อย่างดุเดือดและเข้มข้น
รุนแรงถึงขั้นจะกดดันเพื่อนำไปสู่ข้อเสนอยุบพรรคเหมือนที่เคยทำกับพรรคไทยรักไทยเมื่อเดือนพฤษภาคม 2550 พรรคพลังประชา
ชนเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2551 แต่ไม่ประสบความสำเร็จ
ไม่ว่าจะเป็น นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรค ไม่ว่าจะเป็น นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค ก็ดำรงอยู่ยิ่งกว่าหลักศิลากลางน้ำเชี่ยวด้วยความสุขุม เยือกเย็น
ยืนยันว่า”แคนดิเดต”นายกรัฐมนตรีมีอยู่แล้ว 3 คน
แต่ยังไม่จำเป็นต้องประกาศ”นาม” ณ สถานการณ์ปัจจุบันรอให้มีความแจ่มชัดของการยุบสภา การเลือกตั้งก่อน
เพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประกาศ 40 กว่าวันก็ได้ชัยชนะ