ครัวอยู่ที่ใจ l ทางรอดอยู่ในครัว : มื้อเช้าทรงอำนาจ / อุรุดา โควินท์

 

ทางรอดอยู่ในครัว

: มื้อเช้าทรงอำนาจ

 

ฉันบอกเขาว่า จะทำแยมเบคอน เขาเลิกคิ้ว ถาม “เอาเบคอนมาทำแยมนี่นะ รสจะออกมาเป็นยังไง”

ฉันยิ้มหวาน “ก็คืออร่อย”

เขาหัวเราะ เสียงหัวเราะที่อ่านได้ว่า ไม่น่าอร่อยนะ

นั่นทำให้ฉันกดสั่งวัตถุดิบอย่างด่วน เบคอนครึ่งกิโลกรัม หอมหัวใหญ่ครึ่งกิโลกรัม ส่วนประกอบหลักมีเท่านี้ และสิ่งที่ใช้ปรุงรส ปรุงกลิ่น ประกอบด้วย น้ำตาลทรายแดง Bourbon โรสแมรี่ ไทม์ น้ำส้มสายชูทำจากแอปเปิ้ล และเมเปิ้ลไซรัป

เบคอนแยมคือท็อปปิ้งอันเลอค่า กินกับเมนูขนมปังได้ทุกชนิด แซนด์วิช เบอร์เกอร์ เฟรนช์โทสต์ กับไอศกรีมก็อร่อยมาก

เบคอนแยมจะเปลี่ยนอาหารธรรมดา ดาษดื่น ให้พิเศษขึ้นทันที

 

มนุษย์ถ้ำอย่างฉันไม่ออกจากบ้านไปอยู่แล้ว เบคอนดีที่สุดอยู่ที่ไหน ฉันรู้ มันน้อย เค็มน้อย คือเบคอนในดวงใจ กดสั่งๆๆๆ ไป แล้วยอดบัตรเครดิตก็จะเด้งขึ้นในโทรศัพท์เขา

เพื่อไม่ให้เขาตกใจ ฉันต้องบอก “ค่าวัตถุดิบทำเบคอนแยมน่ะ เมเปิ้ลไซรัปเอามาชงค็อกเทลได้นะ”

เขาดูยอดแล้วหัวเราะ “ทำเยอะขนาดนี้เลย”

“ครึ่งกิโลกรัมเอง คิดว่าคงได้สักสองกระปุกเล็กๆ เบคอนแพง และเมเบิ้ลไซรัปแพงกว่าเหล้าอีก แต่ถ้าไม่ใช้ กลิ่นก็ไม่ใช่”

“จัดไป”

ความน่ารักของเขาก็คือ ฉันอยากทำอะไรก็ให้ทำ แม้มีแนวโน้มว่าเขาจะไม่ชอบ และแม้ว่าต้นทุนสูงสักหน่อย

“ทำขายได้ เมเปิ้ลไซรัป เอามาใช้ได้อีก” ฉันบอกเขา

ลึกๆ แล้ว ฉันรู้สึกว่าต้นทุนสูงจริง แต่อาหารคือการเรียนรู้ ถ้าถือว่าคือหนึ่งบทเรียน มันก็ไม่ใช่ราคาที่เกินเอื้อม

 

ของมาส่งบ่ายสอง โอเค ฉันจะทำเลย เพราะเราได้ขนมปังอบใหม่ เราควรกินอย่างช้าพรุ่งนี้เช้า

หอมหัวใหญ่ ฉันใช้เกิน 500 กรัมไปหน่อย สไลซ์ให้บางสุดเท่าที่สามารถ บังเอิญว่าวันนี้มีดคม ก็เลยไม่ค่อยเสียน้ำตา

น้ำตาจากการหั่นหัวหอมสัมพันธ์โดยตรงกับความคมของมีด มีดยิ่งทื่อ น้ำตาก็ยิ่งไหล

ถ้าเพิ่งลับมีดมา การหั่นจะเพลิดเพลินมาก หัวหอมกว่าครึ่งกิโลนั้น ฉันใช้เวลาหั่นแป๊บเดียว

ตั้งกระทะเทฟลอนสองใบ ใบเดียวไม่พอผัดหอมใหญ่ ใส่น้ำมันลงไปนิดหน่อย ผัดหอมใหญ่ด้วยไฟอ่อน กระทั่งหอมใหญ่ยุบ และเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลสวย

เมื่อหัวหอมเริ่มยุบ ฉันโยนโรสแมรี่ลงไปหนึ่งช่อ พร้อมด้วยไทม์ สมุนไพรควรได้เจอน้ำมัน เพื่อกลิ่นจะหอมขึ้น

ระหว่างที่รอ ฉันหั่นเบคอนเป็นชิ้นเล็กๆ เตรียมไว้ หั่นให้เล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้

ตักหอมใหญ่ที่สุกแล้วมาใส่หม้อ แน่นอนว่ามันยุบเหลือนิดเดียว ตั้งกระทะอีกครั้ง เจียวเบคอนให้สุก เมื่อเบคอนสุกจนเกือบกรอบ ฉันปิดไฟ เทน้ำมันเบคอนเก็บไว้ทำอาหาร ส่วนเบคอนฉันเอามาซับน้ำมัน

ผสมเครื่องปรุงในถ้วย ประกอบด้วย เมเปิ้ลไซรัปสามช้อนโต๊ะ น้ำตาลทรายแดง 80 กรัม Bourbon ครึ่งช็อต apple cider vinegar สองช้อนโต๊ะ น้ำเปล่าครึ่งถ้วยตวง

เทเครื่องปรุงลงหม้อที่มีหอมหัวใหญ่รออยู่ โยนกระเทียมสับไปสองสามกลีบ ตั้งไฟอ่อนเคี่ยวสักห้านาที จึงใส่เบคอน

จากนี้ก็ไม่มีอะไรมาก นอกจากยืนหน้าเตา กวนจนกว่าจะแห้ง ให้หัวหอมกลายเป็นคาราเมล ซึ่งเราไม่เห็นรูปร่าง และเบคอนกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ใช้เวลานาน แต่คุ้มค่า เพราะเบคอนแยมที่แห้งรสชาติจะเข้มข้นมาก

เป็นอย่างที่ฉันคาด ได้สองกระปุกเล็กจริงๆ รอให้แยมเย็นลง ตักใส่กระปุก แล้วเอากระปุกไปนึ่งในน้ำเดือด 20 นาที โดยคว่ำฝาไว้

ฉันอยากส่งให้เพื่อนชิม วิธีนี้จะช่วยลดการเกิดเชื้อราได้

 

รุ่งเช้า ฉันเอาแฮมทั้งหมดที่เราเหลือในตู้เย็นมาจัดลงจาน ทอดไข่ดาวให้เขาสองฟอง ตักเบคอนแยมใส่ถ้วยใบเล็ก

เราจะใช้เบคอนแยมเป็นท็อปปิ้ง ไม่ได้ทาบนขนมปังทั้งแผ่น

แค่เปิดขวด กลิ่นก็ยวนใจ ฉันแน่ใจว่าเขาต้องชอบ มันไม่ได้หวานเท่าแยมผลไม้ และมีความเค็มของเบคอน

ขนมปังของวันก่อนเหลือ น่าเสียดายถ้าจะทิ้ง ฉันจึงให้เขากินขนมปังใหม่ ส่วนฉัน เอาขนมปังเก่ามาทำเฟรนช์โทสต์

ตีไข่หนึ่งฟอง เทนมลงไปเยอะหน่อย เยาะเกลือนิด เอาขนมปังลงไปแช่ให้ดูดนมและไข่จนชุ่ม

จากนั้นก็เปิดกระทะ ใส่เนยลงไป ใช้ไฟค่อนข้างแรง ทอดขนมปังให้สีสวยทั้งสองด้าน ตักลงจาน วางแฮมสองชิ้น ไข่ดาวหนึ่งฟอง ท็อปด้วยแยมเบคอน

“น่ากิน” เขาชี้จานของฉัน

“ไม่ชอบเฟรนช์โทสต์ไม่ใช่เหรอ” ฉันยิ้ม “แต่ควรลองเบคอนแยมนะ นิดหนึ่งก็ยังดี กวนตั้งเกือบสองชั่วโมงแน่ะ”

“โห นานขนาดนั้น อย่าทำขายเลยนะ”

ถ้ามีคนกิน และพอจะได้ค่ากับข้าว ฉันก็ควรจะสู้ ฉันคิด

เขาปาดเนยบนขนมปัง เอาแฮมวาง ท็อปด้วยเบคอนแยม ใส่ปากเคี้ยว

“เฮ้ย แปลกจัง” เอียงคอ “มันหวานนิดหน่อย แต่ชอบอ่ะ”

ฉันยักไหล่ แต่จะไม่บอกหรอกนะ ว่าความหวานที่พอดี ถูกที่ถูกทาง ถูกต้องตามสัดส่วน ย่อมมีพลังอำนาจ