หนุ่มเมืองจันท์ : โลกที่เปลี่ยนไป

หนุ่มเมืองจันท์facebook.com/boycitychanFC
ภาพประกอบจาก www.pobpad.com

ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ

หนุ่มเมืองจันท์ / www.facebook.com/boycitychanFC

 

โลกที่เปลี่ยนไป

 

ใครจะไปนึกว่าเจ้าโควิดจะอยู่กับเรามานานเกือบ 2 ปีแล้ว

โลกยุคโควิดเป็นโลกที่เราไม่เคยเจอมาก่อน

เจอวิกฤตเศรษฐกิจจากการลอยตัวค่าเงินบาทเมื่อปี 2540 ว่าหนักแล้ว ยังไม่เท่าวิกฤตโควิด

เพราะปี 2540 กระทบหนักเรื่องเศรษฐกิจ แต่ไม่มีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน

แต่เจ้าโควิดเป็นโรคระบาด ดังนั้น นอกจากเรื่องเศรษฐกิจที่หนักหนาสาหัสยิ่งกว่าปี 2540 แล้ว

การใช้ชีวิตของเรายังเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างมาก

ต้องล็อกดาวน์อยู่กับบ้าน

ไปห้างก็ไม่ได้

จะกินข้าวก็ต้องโทร.สั่งอาหารจากร้าน

เดินทางไปไหนก็ต้องระวังตัว กลัวติดเชื้อโควิดกลับบ้าน

เป็นวิถีชีวิตที่เราไม่เคยเจอมาก่อนตั้งแต่เกิดมา

และไม่ใช้ระยะเวลาสั้นๆ เหมือนตอนที่เราเจอน้ำท่วมใหญ่ปี 2554

แต่ลากยาวเป็นปี จนตอนนี้เกือบ 2 ปีแล้ว

ใครจะไปนึกว่าวันหนึ่ง “ความสุข” ง่ายๆ ในชีวิต คือการออกไปนอกบ้านโดยไม่ต้องใส่หน้ากากอนามัย

เราฝันถึงวันนั้น

อย่าแปลกใจที่เวลาคนไทยไปอังกฤษหรือสหรัฐอเมริกาช่วงนี้

คลิปแรกที่ทุกคนถ่ายลงโซเชียลมีเดีย คือ การเดินตามท้องถนนแบบไม่ต้องใส่หน้ากาก

เรื่องที่สุดแสนจะปกติธรรมดาในอดีต กลายเป็น “ความสุข” ในวันนี้

ทุกคนเบื่อการใส่หน้ากากเข้าหากัน

ยิ่งเวลาผ่านไปจำนวนคนที่ฉีดวัคซีนก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และมีการค้นพบยารักษา “โควิด”

ทั้งแบบกิน แบบฉีด และแบบดม

นี่คือ “แสงสว่าง” ที่ปลายอุโมงค์อย่างแท้จริง

เพราะถ้า “โควิด” เป็นโรคที่มียารักษาหาย โรคนี้ก็จะคล้ายกับ “ไข้หวัดใหญ่”

ฉีดวัคซีนป้องกันก็ได้

หรือถ้าป่วยก็มียารักษาหาย

โรคนี้จะลดความน่ากลัวลง

ผมเชื่อว่าภายในกลางปีหน้า การใช้ชีวิตน่าจะเริ่มกลับมาปกติ

แต่ไม่เหมือนเดิม

 

มีคนถามกันมากว่า “โลกหลังโควิด” จะเป็นอย่างไร

เพราะแม้ว่าสถานการณ์จะกลับมาสู่ภาวะปกติ แต่ช่วง 2 ปีที่เราใช้ชีวิตกับโควิด ยาวนานพอทำให้พฤติกรรมหลายอย่างเปลี่ยนไป

การสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ การสั่งซื้ออาหารแบบเดลิเวอรี่ ที่บูมมากในช่วงโควิดจะกลายเป็น “วิถีใหม่” ของคนไทย

ไม่ใช่พอโควิดหาย พฤติกรรมนี้จะหายไปด้วย

เวลาที่ยาวนานกลับทำให้เราคุ้นชินกับ “วิถีใหม่”

รู้สึกว่าสะดวกสบายกว่า “วิถีเดิม”

เช่นเดียวกับการทำงาน

เกือบ 2 ปีที่คนทำงานเปลี่ยนมาทำงานที่บ้านมากขึ้น

จากเดิมที่เข้าสำนักงานทุกวัน

แม้แต่ตอนนี้บางคนยังทำงานที่บ้านอยู่เลย

คนทำงานทุกคนเริ่มหัดใช้การประชุมออนไลน์ แม้แต่ระดับผู้บริหารที่อายุมากไม่คุ้นชินกับเทคโนโลยีใหม่ก็ยังต้องใช้

ไม่เช่นนั้นทำงานไม่ได้ในยุคโควิด

“โควิด” บังคับให้เราต้องเรียนรู้ใหม่

เราได้เรียนรู้ว่าไม่จำเป็นต้องเจอหน้ากัน เราก็ทำงานได้

การติดต่อลูกค้าหรือเจรจาธุรกิจก็คุยผ่าน ZOOM ได้

ไม่ว่าจะเป็นภายในเมืองไทย หรือระหว่างประเทศ

“โควิด” ทำให้เกิด “ปัญหา”

แต่ในมุมหนึ่งก็ได้สร้าง “โอกาสใหม่” ในทางธุรกิจ

เชื่อกันว่าหลังโควิด การเดินทางไปต่างประเทศเพื่อเจรจาธุรกิจจะลดน้อยลง

เพราะเกือบ 2 ปีนี้ทุกคนเรียนรู้แล้วว่าเรามีวิธีการอื่นที่ได้ผลแบบเดียวกัน

แต่ประหยัดกว่า

ถ้าไม่เคยรู้จักกันมาก่อน อาจจำเป็นต้องเดินทางไปเจอหน้าเจอตากันหน่อย

แต่หากเป็นคู่ค้าเดิมที่รู้จักกันอยู่แล้ว

นั่งเปิดจอคุยกันเหมือนตอนโควิดก็ได้

ไม่ต้องเสียค่าเดินทางแพงๆ

นี่คือ “วิถีใหม่” ที่จะเกิดขึ้นหลังโควิด

 

อีกเรื่องหนึ่งที่ผมสนใจก็คือหลังโควิดแล้ว บริษัทต่างๆ จะให้พนักงานกลับมาทำงานที่สำนักงาน 5 วันเหมือนก่อนโควิดไหม

ผมลองทำวิจัยผ่านเพจ “หนุ่มเมืองจันท์”

คนที่ติดตามส่วนใหญ่เป็นคนทำงาน

ก่อนหน้านี้ผมเคยลองตั้งคำถามว่าพ้นจากโควิดแล้วถ้าเลือกได้อยากเข้าทำงานที่ออฟฟิศกี่วัน

แม้จะมีคนบ่นเรื่องการทำงานที่บ้านเยอะมาก แต่แทบทุกคนอยากกลับไปเจอเพื่อนที่ทำงาน

อย่างไรก็ตาม มีคนน้อยมากที่ตอบว่าอยากทำงานที่บ้าน 5 วัน

เช่นเดียวกับกลุ่มที่อยากไปทำงานที่ออฟฟิศทุกวัน

ส่วนใหญ่อยากทำงานแบบ “ไฮบริด”

คือ ทำงานที่บ้าน 2-3 วัน และทำงานที่ออฟฟิศ 2-3 วัน

พอหลังจากสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย รัฐบาลคลายล็อกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คนกลับไปทำงานออฟฟิศเยอะขึ้น

ดูจากการจราจรใน กทม.ที่รถเริ่มติด

ผมลองโพสต์ถามเรื่องนี้ในเพจของผมอีกครั้ง

เปลี่ยนมุมใหม่ไม่ใช่ “อยากได้” เหมือนครั้งแรก แต่เป็น “ความจริง” ว่า นโยบายของแต่ละบริษัทเป็นอย่างไร

ให้เข้ามาทำงานในออฟฟิศ 5 วันเหมือนเดิม หรือให้ทำงานที่บ้านบางวัน

มีคนเข้ามาตอบ 125 คน

บางคนบริษัทยังให้ทำงานที่บ้านเหมือนเดิม

“ทำงาน 5 วันครับ แต่ไม่เคยเข้าออฟฟิศมาครึ่งปีละครับ จำทางไปบริษัทไม่ได้แล้วครับ”

กลับไปทำงานใหม่ บริษัทนี้คงต้องแชร์โลเกชั่นให้พนักงาน

มีประมาณ 20% บอกว่าบริษัทให้ทำงานที่ออฟฟิศ 5 วัน

แต่ส่วนใหญ่บริษัทจะให้ทำงานแบบ “ไฮบริด”

มีทั้งแบ่งเป็น 2 ทีม ผลัดกันเข้าทีมละสัปดาห์

หรือให้ทุกคนจะทำงานที่บ้านสลับกับเข้าออฟฟิศ

“มีโควต้าให้ 2 วันต่อสัปดาห์ เลือกจะเข้าหรือไม่เข้าก็ได้ค่ะ”

“เข้าอาทิตย์ละ 1-2 หรือ 3 วัน แต่ทำงานให้เสร็จค่ะ”

“ที่แผนกเริ่มให้เข้าอาทิตย์ละ 2 วันค่ะ ย้ำว่าที่แผนกเพราะแต่ละทีมไม่เหมือนกันค่ะ”

“ทำที่ออฟฟิศ 4 วัน anywhere ทุกวันศุกร์”

“เคน” ของ The Standard บอกว่าที่นี่ “Work from anywhere forever ครับ เข้าออฟฟิศเฉพาะที่ต้องใช้อุปกรณ์หรือประชุมแบบเจอหน้า หรือพวกเรื่อง relationship ที่ออนไลน์ทำไม่ได้”

แนวโน้มนี้เองที่ให้การจัดออฟฟิศหลังโควิดจะเปลี่ยนไป

“บริษัทเริ่มปรับเป็นไม่มีที่นั่งส่วนตัวแล้วครับ แผนงานที่ทราบต่อไปอยากเข้าวันไหนก็เข้า”

“บริษัทให้เข้าออฟฟิศปีหน้าเลยครับ โดยถือเป็นโอกาสลดพื้นที่ออฟฟิศเหลือ 70% เพราะปีหน้าน่าจะสลับกันเข้าออฟฟิศ แบบ 3 วันเข้า 2 วัน WFH โดยออฟฟิศจะไม่มีที่นั่งประจำอีกต่อไปครับ”

ผมเชื่อว่าแนวโน้มนี้จะชัดเจนขึ้นในปีหน้า

“โควิด” ได้ทำลายระบบการทำงานในออฟฟิศ 5 วัน เปลี่ยนเป็นแบบ “ไฮบริด”

มาทำงานเจอหน้ากันบ้าง เพื่อแก้คิดถึง หรือได้แลกเปลี่ยนความคิดกันแบบไม่ต้องรอให้ใครพูดจบเหมือนใน ZOOM

บางวันก็ทำงานที่บ้านหรือที่ไหนก็ได้

ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง

บริษัทจะลดพื้นที่สำนักงานลง พนักงานจะไม่มีที่นั่งส่วนตัว แต่เปลี่ยนเป็นโต๊ะรวมแบบ co-working space

มีหลายบริษัทที่เช่าอาคารสำนักงาน ถ้าคืนพื้นที่ได้ เขาจะขอคืนบางส่วน

ถือโอกาสประหยัดค่าเช่าพื้นที่ ค่าน้ำ ค่าไฟ

นี่คือ “วิถีใหม่” ของระบบการทำงานหลังโควิดครับ