เครื่องเสียง/พิพัฒน์ คคะนาท/ชุดหูฟังขั้นเทพ (จบ)

เครื่องเสียง/พิพัฒน์ คคะนาท [email protected]

ชุดหูฟังขั้นเทพ (จบ)

มาต่อกันกับชุดหูฟังขั้นเทพที่ต้นฉบับเขาจ่าหัวเอาไว้ว่า Best Audiophile Headphones (You Can Buy in 2021) กันต่อนะครับ

ต่อด้วยลำดับถัดมา (จากเที่ยวก่อน) คือ Shure Aonic 3 เป็นชุดหูฟังแบบสอดเข้าหู หรือ Earbuds ที่นอกจากจะให้เสียงดนตรีออกมาได้อย่างเร้าใจแล้ว ยังสวมใส่สบายอีกด้วย ไม่รองรับการทำงานกับระบบไร้สาย และไม่มีระบบ Noise-Canceling แต่มีชุดอุปกรณ์ควบคุมการทำงานพร้อมไมค์ติดที่สาย น้ำหนักเบาเพียง 20.4 กรัม

ให้ความเป็นดนตรีออกมาได้อย่างน่าฟัง พรั่งพร้อมไปด้วยรายละเอียด มีสมดุลเสียงที่ดี และให้ไดนามิdออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม บ้านเราขายอยู่ใกล้ๆ แปดพันบาท

Sony WF-1000XM4 เพิ่งเปิดตัวแบบออนไลน์พร้อมกันทั่วโลกเมื่อกลางปีนี้เอง และเคยนำมาพูดคุยด้วยไปบ้างแล้ว นับเป็นหนึ่งในบรรดาหูฟังขั้นเทพ ‘ตัวจริง’ ที่มีพัฒนาการมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังได้รับความนิยมระดับถล่มทลายทั่วโลกทุกเจเนอเรชั่น นี้เป็นรุ่นที่ 4 โดดเด่นทั้งด้วยเทคโนโลยีระบบตัดเสียงรบกวนแบบ ANC : Active Noise Canceling System และการทำงานด้วยระบบไร้สายที่ใช้เทคโนโลยี LDAC สำหรับทำงานร่วมกับ Bluetooth ซึ่งเทคโนโลยีทั้งสองนั้นเป็นของ Sony เองที่ได้พัฒนาขึ้นมา

ให้น้ำเสียงที่กระจ่าง ใส และอุดมไปด้วยรายละเอียด เบสมีประสิทธิภาพอันทรงพลัง ภาพรวมของเสียงให้ความเป็นดนตรีด้วยความสุนทรีย์อันน่าฟัง สวมใส่สบาย อายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนาน บ้านเราขายชุดละประมาณเก้าพันบาท

Austrian Audio Hi-X50 ชื่ออาจจะไม่คุ้นกันนัก แต่ระดับโปรเฟสชั่นนอลบ้านเราน่าจะรู้จักกันดี เพราะนิยมใช้กันในสตูดิโอ สำหรับชุดนี้เป็นแบบครอบหู สายยาว 3 เมตร หัวเสียบเป็นแบบมินิ แจ๊ก 3.5 ม.ม. มาพร้อมอะแด็พเตอร์หัวเสียบมาตรฐาน 6.35 ม.ม. มีโครงสร้างที่มั่นคง แข็งแรง สวมใส่สบายไม่กดทับให้รู้สึกล้า โดดเด่นด้วยน้ำเสียงที่มีความตรงไปตรงมาแบบอุปกรณ์มอนิเตอร์ในห้องบันทึกเสียง บ้านเราขายอยู่ประมาณหมื่นหนึ่ง

Focal Stellia อีกชุดของหูฟังราคาหกหลักจากแบรนด์ที่ทำเฮดโฟนแพงที่สุดในโลก ชุดนี้บ้านเราขายประมาณแสนหนึ่ง เป็นแบบ Circum-Aural Close-Backed ที่ให้น้ำเสียงออกมาแบบที่ฝรั่งบอกว่า Top-Class Sound อย่างแท้จริง แม้จะมีน้ำหนักมากถึง 435 กรัม แต่ก็ให้สวมใส่ได้อย่างสบายและใช้งานติดต่อกันได้นานโดยไม่รู้สึกกดทับ หรือรู้สึกล้าแต่อย่างใด งานฝีมือประณีตพิถีพิถันมาก เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ พอๆ กับคุณภาพเสียงที่ให้ออกมาได้อย่างเลิศเลอตั้งแต่ย่านความถี่ต่ำๆ ไปจนถึงปลายเสียงแหลมที่อุดมไปด้วยรายละเอียดอันครบถ้วน

Beyerdynamic T5 (3rd Generation) ชุดหูฟังแบบ Closed-Back ระดับเรือธงของค่าย ที่ออกแบบและผลิตมาเพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ มาพร้อมสายความยาว 1.4 เมตร และหัวแจ๊กเสียบแบบมินิขนาด 3.5 ม ไม่รองรับระบบไร้สายและไม่มีระบบ Noise-Canceling ทั้งยังไม่มีชุดอุปกรณ์ควบคุมและไมค์ที่สาย รังสรรค์ออกมาด้วยงานฝีมือที่ประณีต แลดูซับซ้อนแต่แฝงความเชี่ยวชาญเชิงนี้ระดับสูง น้ำหนัก 360 กรัม สวมใส่สบาย ให้น้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยพลังและพาเข้าถึงดนตรีได้อย่างลึกซึ้ง ราคาขายบ้านเราประมาณสี่หมื่นบาท

Shure SRH1540 ชุดหูฟังที่มีงานออกแบบเป็นเลิศด้วยสไตล์ Close-Backed ขณะเดียวกันก็ให้เสียงดนตรีที่เหนือชั้นขึ้นไปอีกระดับ มาพร้อมสายขนาดความยาว 1.8 เมตร หัวเสียบแบบมินิ แจ๊ก ไม่รองรับการทำงานแบบไร้สาย และไม่มีชุดอุปกรณ์ควบคุมพร้อมไมค์ที่สาย รวมทั้งไม่มีระบบ Noise-Canceling น้ำหนัก 286 กรัม สวมใส่กระชับแต่ไม่กดทับ ให้ความรู้สึกสบายใช้งานติดต่อกันได้เป็นเวลานาน ให้น้ำเสียงที่พุ่งเปิด และมีรัศมีครอบคลุมที่แผ่กว้างมาก ทั้งยังให้สมดุลเสียงที่น่าฟัง โดยรวมแล้วกับราคานี้ (บ้านเราขายใกล้ๆ หมื่นแปด) ไม่มีอะไรให้ตำหนิได้เลย

Grado GS3000e ชุดหูฟังที่รังสรรค์ขึ้นมาอย่างประณีต และต้องการการดูแลที่พิถีพิถันเป็นพิเศษ ฝาครอบหูด้านนอกขึ้นรูปด้วยไม้ Cocobolo ที่มีเส้นสายลายเสี้ยนตามธรรมชาติอันกลมกลืน สวยงามเป็นเอกลักษณ์เฉพาะชุด ซึ่งจะไม่มีลายไม้ซ้ำกันอย่างเด็ดขาด สมราคาค่าตัว (ที่เห็นในภาพ) ประมาณเจ็ดหมื่น ทั้งยังให้น้ำเสียงที่ยอดเยี่ยมระดับแถวหน้า มาพร้อมความยาวสาย 15 ฟุต กับหัวเสียบขนาดมาตรฐานพร้อมอะแด็พเตอร์หัวเสียบแบบมินิ ให้น้ำเสียงที่เฉียบคม มีชีวิตชีวา ลึกลงไปในทุกรายละเอียดของดนตรี และมีไดนามิกที่ยอดเยี่ยมมาก

Focal Utopia ชุดหูฟังราคาประมาณแสนกลางๆ ที่หลายๆ เสียงให้ความชื่นชม ว่าน้ำเสียงที่ให้ออกมานั้นช่างยอดเยี่ยมสมราคาโดยแท้ เพราะให้การทำงานที่คุ้มค่ามากจริงๆ มาพร้อมสาย OFC: Oxygen Free Copper ความยาว 3 เมตร ที่ได้รับการชีลด์ป้องกันการรบกวนได้เป็นอย่างดี พร้อมแจ๊กเสียบต่อขนาดมาตรฐาน เป็นชุดหูฟังแบบ Open-Backed ที่มีน้ำหนัก 490 กรัม แต่สวมใส่สบายติดต่อกันได้เป็นเวลานาน ให้น้ำเสียงที่โปร่งใส กระจ่าง และพรั่งพร้อมไปด้วยรายละเอียดระยิบระยับ พร้อมไดนามิdที่สุดยอดมาก

Shure SE425 ชุดหูฟังแบบ In-Ear ที่ให้ความเที่ยงตรงสูงระดับมอนิเตอร์ มีงานออกแบบอันยอดเยี่ยมพอๆ กับคุณภาพเสียงที่ออกจะหาพบได้ยากจากหูฟังระดับราคาเดียวกัน (บ้านเราขายประมาณเก้าพัน) มาพร้อมสายความยาว 1.6 เมตร พร้อมหัวเสียบขนาดมินิ แจ๊ก ไม่มีระบบ Noise-Canceling ชุดควบคุมพร้อมไมค์ที่สายเป็นอุปกรณ์แยกต่างหาก แบบเป็น Option ให้เลือก น้ำหนักเบาเพียง 30 กรัม มีขนาดจุกเสียบเลือกใช้ให้กระชับได้กับช่องหู ภาพรวมของเสียงให้ความกระฉับกระเฉง มีชีวิตชีวา มีความสมจริงสูง เสียงกลางออกจะโดดเด่นเป็นพิเศษ

AKG K72 ชุดหูฟังแบบครอบหูที่ให้น้ำเสียงระดับออดิโอไฟล์นิยม ทว่ามีราคาต่ำแทบไม่น่าเชื่อ เพราะบ้านเราขายไม่ถึงสามพันบาท เป็นแบบ Close-Backed ที่ไม่รองรับการทำงานแบบไร้สาย มาพร้อมสายความยาว 3 เมตร ผนวกหัวเสียบต่อแบบมินิ แจ๊ก ไม่มีระบบ Noise-Canceling และไม่มีชุดอุปกรณ์ควบคุมพร้อมไมค์ที่สาย แม้จะเป็นแบบครอบหูแต่น้ำหนักเบาเพียง 200 กรัม สวมใส่สบายและมี Ear-Pad ที่นุ่ม ทำให้ไม่รู้สึกถูกกดทับแต่อย่างใด ภาพรวมของเสียงคือความคุ้มค่าที่บ่งบอกให้รู้ว่า คุณภาพระดับออดิโอไฟล์นั้นไม่จำเป็นต้องลงทุนมากเสมอไป

Sony MDR-Z1R ชุดหูฟังครอบหูที่ดีที่สุดของค่าย วางขายที่ราคาเจ็ดหมื่น (บาท-มีทอน) เป็นแบบ Over-Ear สไตล์ Close-Backed มาพร้อมสายนำสัญญาณแบบ OFC ชุบเงิน ความยาว 3 เมตร พร้อมหัวเสียบต่อแบบมินิ แจ๊ก พร้อมอะแด็พเตอร์ใช้งานกับหัวแจ๊กมาตรฐาน ใช้ชุดตัวขับเสียงขนาด 70 ม.ม. ขึ้นรูปด้วยแมกนีเซียม ใช้คอยล์เสียงคุณภาพสูงแบบเส้นลวดอะลูมิเนียมเคลือบทองแดง (CCAW : Copper-Clad Aluminum Wire) ใช้แม่เหล็ก Neodymium

รองรับการทำงานระดับ Hi-Res Audio ที่ให้ความละเอียดเสียงออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม อุดมไปด้วยรายละเอียดต่างๆ อย่างครบถ้วน ทั้งยังมีสมดุลเสียงที่เป็นเลิศ และมีเบสที่เปี่ยมไปด้วยพลัง

 

ครับ, ที่กล่าวมาทั้งหมดสองเที่ยวด้วยกันร่วมๆ ยี่สิบชุดนั้น ล้วนมีจำหน่ายในบ้านเราทั้งสิ้น

โดยมีอยู่สองรุ่นที่ถูกพูดถึง แต่ไม่พบว่ามีขายในตลาดบ้านเราทั้งๆ ที่เป็นแบรนด์ยอดนิยม คือ Kilpsch T5M Wired และ Shure KSE1200 ที่ต่างเป็นแบบ In-Ears Headphones ทั้งคู่

ก็ครบถ้วนกระบวนความครับ