“อำนาจ” ฉบับ “สามก๊ก” ถึง “พี่น้อง 3 ป.”/ลึกแต่ไม่ลับ จรัญ พงษ์จีน

จรัญ พงษ์จีน

ลึกแต่ไม่ลับ

จรัญ พงษ์จีน

 

“อำนาจ” ฉบับ “สามก๊ก” ถึง “พี่น้อง 3 ป.”

 

คําคมจาก “สามก๊ก” บนเส้นทางขนาน ประวัติศาสตร์สอนว่า “เมื่อเกี่ยวข้องกับเรื่องอำนาจ แม้สายโลหิตเดียวกัน ก็ไว้ใจไม่ได้”

“อำนาจ” ไม่เข้าใครออกใคร เมื่อก้าวขึ้นสู่อำนาจ ได้ครองอำนาจแล้ว ผู้ชนะจะหวาดระแวงว่า จะมีคนมาช่วงชิงอำนาจ

“พี่น้อง 3 ป.” ไม่ใช่บุตรทั้งสี่ของโจโฉ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสายโลหิตเดียวกัน เป็นแค่พี่น้องร่วมสาบาน ยิ่งไว้ใจใครไม่ได้เข้าไปใหญ่

การเมืองในรัฐบาลของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” และพรรคพลังประชารัฐ จึงวุ่นวายอลหม่าน อีหลุกขลุกขลัก ด้วยปมปัญหานานัปการ เมื่อก่อนกาแฟขม ชมว่าหวาน ตอนนี้น้ำตาลหวาน บอกว่าขม หัวก่ายท้ายเกย ยุ่งอีรุงตุงนัง “เป็นเรื่อง” ได้หมด

ปรับคณะรัฐมนตรี แทนตำแหน่งที่ว่าง จากการปลดฟ้าผ่า “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า-นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” ตามลายแทง “บิ๊กตู่” กับ “พี่รอง-พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” คอหอยกับลูกกระเดือก ต้องการจะเสริมแกร่ง

เกลี่ยพื้นที่สลับฟันปลาในบางส่วน ดัน “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” นั่งระนาบว่าการกระทรวงหนึ่งกระทรวงใด กับ “บิ๊กฉิ่ง-ฉัตรชัย พรหมเลิศ” เป็น รมช.มหาดไทย ปรากฏว่า โดนเขย่าขวด มีคนร้อง “ตั๊บแก” ลั่นพรรค

อยากให้ตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยเกษตรและสหกรณ์ และรัฐมนตรีช่วยว่าการแรงงาน เป็นโควต้ากลางของ พปชร. พรรคเป็นผู้ตัดสินใจเลือกบุคคลไปรับไม้เอง “เย่อ” กันสุดลิ่มทิ่มประตู สุดท้าย “พล.อ.ประยุทธ์” กลายเป็นสมันตัวน้อยๆ ปัญหาจิ๊บจ๊อย เริ่มจัดการไม่ง่ายเหมือนเก่า

นอกจากนี้ ยังมีปมขัดแย้งอื่นคุกรุ่น พร้อมลุกโพลง กำลังสนธิ-ต่อพันธุกรรมอยู่อีกมากมายก่ายกอง โอกาสที่ประวัติศาสตร์ของ “พี่น้อง 3 ป.” จะถูกลบลง มีความเป็นไปได้สูง

เรื่องของ “อำนาจ” แม้สายโลหิตเดียวกัน ยังไว้ใจไม่ได้ นับประสาอะไร “ป้อม-ป๊อก-ตู่”

ถ้าเกมโอเวอร์ ถอดเสื้อคุยกันไม่ได้ นำเอาสิ่งที่เห็นไม่ตรงกัน เอาความต่างมาเป็นปัจจัยในการแสวงหาความสามัคคี ปรองดองกันไม่ลงตัว ทุกอย่างจบ ต้อง “แยกกันเดิน”

มีการประเมินจำนวน “นักเลือกตั้ง” กรณีที่ “พี่น้อง 3 ป.” ต้อง “ปิดตำนาน” แบ่งสมบัติและแยกกันเดิน โดย “พล.อ.ประยุทธ์” กับ “พล.อ.อนุพงษ์” ฉีกตัวไปสร้างรังใหม่

ทิ้ง “พปชร.” เป็นสมบัติก้นหีบให้ “พี่ใหญ่-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ”

“แนวร่วม” ที่จะเป็นฐานกำลังอาณาจักรใหม่ เกาะติด “บิ๊กตู่” ค่อนข้างแน่ น่าจะประกอบด้วย “กลุ่มสามิตร” ของ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ-สมศักดิ์ เทพสุทิน-อนุชา นาคาศัย” ประมาณ 30 คน

“กลุ่มสุชาติ ชมกลิ่น” ภาคตะวันออก และภาคกลางบางส่วน 10 คน “กลุ่มพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” แม้จะใหม่ละอ่อนใน พปชร. แต่มีเครือข่ายส่วนตัว และพรรคขนาดเล็ก เสร็จสรรพประมาณ 15 ที่นั่ง

“กลุ่มชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์” รัฐมนตรีดิจิทัลฯ ถึงจะเพิ่งขึ้นลิฟต์นั่งว่าการ แต่หลังศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งล่าสุด “เสี่ยโอ๋” เดินเต็มถัง เต็มกะละมัง บวกกับเพื่อนพ้องน้องพี่ที่กอดคอกันมาจากเครือข่าย กปปส.เก่า ยอด ส.ส.ที่พร้อมจะเฮไหนเฮนั้น มีไม่น้อยกว่า 15 ชีวิต

“กลุ่มบิ๊กฉิ่ง” เดินงานภาคสนามให้กับ “บิ๊กป๊อก” ตั้งแต่ยังอยู่ในตำแหน่งปลัด มท. ต่อจิ๊กซอว์ สร้างเครือข่าย ยอดก็มิใช่สิวๆ มีข่าวว่าโชว์ตัวเลขกว่า 20 ที่นั่ง เหนาะๆ เบาะๆ แค่ ส.ส.เขตตัวเลขประมาณการก็ปาเข้าไป 80 ที่นั่งบวกๆ เข้าให้แล้ว

แบบนี้แล้ว “พปชร.” ที่อยู่ในกรรมสิทธิ์ของ “บิ๊กป้อม” จะเหลือเท่าไหร่ ไม่มีใครกล้ารับประกัน

 

ข้ามห้วยไปดู “เพื่อไทย” พรรคใหญ่ที่มี ส.ส.มากที่สุดในสภาผู้แทนราษฎร ล่าสุดบรรดา “นักร้อง” ขู่ยื่นให้ยุบพรรคอีกแล้ว แต่คาบนี้ไม่ง่ายดุจ “ขนมกรุบ” อีหรอบเดียวกับ “ไทยรักไทย-พลังประชาชน”

วิเคราะห์ตามตัวบทกฎหมาย มิได้มีการกระทำฝ่าฝืนมาตรา 28 อันอาจเป็นเหตุให้ยุบพรรค ตามมาตรา 92(3) ได้

“กูรู” หลายสำนักเห็นตรงกันว่า

1. คำว่า “การครอบงำ” ตามพจนานุกรมหมายถึง การมีอำนาจเหนือ หรือการบังคับให้เป็นไปตาม ซึ่งการพูดของ “นายทักษิณ ชินวัตร” เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็น หรือวิเคราะห์ตามสถานการณ์ทางการเมืองที่มิได้แสดงออกถึงความมีอำนาจเหนือ หรือบังคับให้พรรคต้องปฏิบัติตามแต่ประการใด

2. การพูดคุยดังกล่าวเป็นการพูดคุยทั่วไปในงานเลี้ยงฉลองวันเกิด มิใช่การประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค หรือการประชุมพรรค ซึ่งมิได้มีผลผูกพันใดๆ ต่อพรรคเพื่อไทย

3. เมื่อพิจารณาองค์ประกอบตามาตรา 28 ที่ระบุว่า ห้ามมิให้พรรคการเมืองยินยอมหรือกระทำการอันใด อันทำให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่สมาชิกกระทำการอันเป็นการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำพรรค ซึ่งในข้อเท็จจริงก็มิได้มีหลักฐานใดที่สามารถพิสูจน์ได้ว่า พรรคเพื่อไทยได้ยินยอมหรือมีการกระทำการใดเข้าข่ายมาตรา 28

4. สำหรับในเรื่องการเลือกตั้ง เพื่อไทยมีทั้งคณะกรรมการบริหารพรรค คณะกรรมการสรรหาผู้สมัคร และคณะกรรมการยุทธศาสตร์ ที่จะต้องมาพิจารณาคัดเลือก ผู้สมัครรับเลือกตั้งและระเบียบที่เกี่ยวข้อง และพิจารณากำหนดยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง จึงเป็นไปไม่ได้ที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งจะสามารถใช้อำนาจเหนือและบังคับให้พรรคต้องปฏิบัติตามได้

5. ถ้อยคำ “ทักษิณ” ปฏิเสธข้อเสนอเสียด้วยซ้ำว่า คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ พูดไม่เป็น หาเสียงไม่เก่ง การพูดคุยเช่นนี้ เป็นการพูดคุยธรรมดา ซึ่ง “วิษณุ เครืองาม” รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมายชี้แจงว่า เข้าลักษณะโยนหินถามทาง หรือหยั่งเสียง ไม่ถือว่าครอบงำ

ดูจากทุกองคาพยพ “เพื่อไทย” โล่งอก มีชีวิตจิตใจ เตรียมจัดงานประชุมใหญ่สามัญประจำปีในวันที่ 28 ตุลาคม ที่จังหวัดขอนแก่น ภายใต้หัวข้อ “พรุ่งนี้เพื่อไทย เพื่อชีวิตใหม่ประชาชน ได้แบบซอฟต์ๆ ชิลๆ”

เป็นการเปิดเวทีใหญ่นอกสภาหนแรก ท่ามกลางความบอบช้ำอย่างหนักของปัญหาบ้านเมือง ไม่ว่าเศรษฐกิจ การเมือง สังคม สาธารณสุข

“การเมืองไทย” ไม่มีอะไรแน่นอน “ไม่เก่งก็ล้ม เก่งเกินไปก็ถูกล้ม”

แต่เพื่อไทยครั้งนี้ “ล้มยาก” เพราะหากถูกผีจับยัด พรรคถูกยุบขึ้นมาเมื่อไหร่

“พรรคก้าวไกล” จะแลนด์สไลด์ แผ่นดินถล่มทลายทันที

“เพื่อไทย” เลยโชคดี มี “เทพปกป้อง” เพื่อไปทำหน้าที่ “แบริเออร์” สกัดก้าวไกลไม่ให้บูมสนั่นในศึกเลือกตั้งครั้งหน้า