เช็กชื่อแคนดิเดตนายกฯ ต่างพรรคต่างเดิน ต่างช่วงชิง เป้าเจาะเสียงคนรุ่นใหม่/บทความในประเทศ

บทความในประเทศ

 

เช็กชื่อแคนดิเดตนายกฯ

ต่างพรรคต่างเดิน ต่างช่วงชิง

เป้าเจาะเสียงคนรุ่นใหม่

 

สัญญาณของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดปฏิทินการแก้ไขกฎหมายลูก 2 ฉบับ คือ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง เพื่อให้สอดคล้องกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มีการทูลเกล้าฯ ไปแล้ว โดยคาดว่าจะเสร็จสิ้นกระบวนความช่วงกรกฎาคม 2565

พร้อมทิ้งท้ายเตือนการตะลุมบอนกดดันให้ยุบสภา และแผลนายกฯ 8 ปี ที่จะครบกำหนดในเดือนสิงหาคม 2565 หากนับจากจุดเวลาการเป็นเข้ามาบริหารประเทศของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะหัวหน้าคณะรัฐประหาร เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2557

เมื่อข่าวลือการเลือกตั้งใหญ่กระชั้นชิดเข้ามา ประเมินแล้วไม่น่าเกิน 1 ปีนับจากนี้ พรรคการเมืองต่างๆ ทั้งพรรคฝ่ายรัฐบาล และพรรคฝ่ายค้าน รวมถึงพรรคเกิดใหม่ และพรรคร่างทรง ก็เริ่มขั้นตอนคัดเลือกผู้สมัคร ส.ส. รับมือบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ปรับเป็น ส.ส.เขต 400 เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน ที่ตอนนี้ต้องรอกระทรวงมหาดไทยนับหัวผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ก่อนส่งยอดให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กางแผนที่ตีเส้นแบ่งขีดเส้นเขตใหม่อีกครั้ง ว่าสูตรการคำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ จะรูปร่างหน้าตาอย่างไร

ช่วงปิดสมัยประชุมสภา พรรคการเมืองเกือบทุกพรรคต่างจัดทริปออนทัวร์ลงพื้นที่พบประชาชนกันอย่างไม่มีใครยอมใคร

 

‘บิ๊กตู่’ เริ่มเปิดเกม ออกตัวเร็วและแรง แย้มขอเวลาทำงานอีก 5 ปี ไม่เหนียมอยากเป็นนายกฯ ต่อ โปรยหวานสลัดคราบทหาร สวมวิญญาณนักการเมือง ลงพื้นที่ดูน้ำท่วม และจังหวัดนำร่องเปิดประเทศ ทั้งสุโขทัย นนทบุรี นครศรีธรรมราช อุบลราชธานี และสิงห์บุรี ทั้งยังคืนชีพ ‘ครม.สัญจร’ ไปกระบี่ในเดือนพฤศจิกายน ไม่หวั่นม็อบต้าน ไม่กลัว ‘ราษฎร’ ที่ผุดขึ้นทั่วประเทศ

สวนทางกับโพลหนุนเหมาะสมเป็นนายกฯ ครองที่ 1 ของสุนันทาโพล และซูเปอร์โพล วัดความนิยมจากตัวเลขผลสำรวจความเห็นจากประชาชนก็ดูทรงดี มีประชาชนบางส่วนยังให้การสนับสนุนบริหารประเทศต่อ อานิสงส์นโยบายแจกแหลก ทั้งคนละครึ่ง บัตรคนจน และ ม.33

คาดว่าบิ๊กตู่จะพยายามอย่างถึงที่สุด เร่งทำคะแนนซื้อใจคน ก่อนสถานการณ์จะสุกงอมให้เลือกตั้งใหญ่

อย่างไรก็ตาม สถานะของบิ๊กตู่ยังขาลอย ไม่มีที่ลงเป็นแคนดิเดตหรือหัวหน้าพรรคการเมืองไหน

ถามบิ๊กป้อมก็ตอบไม่เต็มปากว่าจะดันน้องรักเป็นแคนดิเดตในนามพรรค พปชร.หรือไม่ เล่นบททำมึนไม่รู้ๆ ตอบไม่ตรงคำถามมาตลอด

 

ฟากพรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เปิดตัวดันจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค เป็นนายกฯ แบบทันควัน อวดคุณสมบัติและผลงานยาวเป็นหางว่าว จัดกิจกรรม ‘จุรินทร์ ออนทัวร์’ พร้อมท้าชิงเก้าอี้นายกฯ พอใจคะแนนโพลหนุนมาเป็นอันดับสอง รองจากบิ๊กตู่

นอกจากนี้ ยังหวังล็อกหัวใจคนรุ่นใหม่ ดึงตัวคนหน้าใหม่เข้าพรรค ด้วยแคมเปญ “เลือดใหม่ไหลเข้า เลือดเก่าไหลกลับ”

ล่าสุดก็เปิดตัวเมธี อรุณ นักร้องนำวงลาบานูน เป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นราธิวาส เรียกเสียงฮือฮาและความงงงวยจากแฟนคลับไปไม่มากก็น้อย

โดยพรรค ปชป.ยังมีความหวังว่า จะสามารถเรียกศรัทธาจากคนใต้กลับมาเป็นฐานเสียงให้มั่นคงแข็งแรงเหมือนสมัยอดีตได้อีกครั้ง

ขณะที่ ‘เสี่ยหนู’ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ยังแทงกั๊ก ไม่แสดงออกอยากเป็นนายกฯ ให้ทัวร์ลง รวมทั้งเป็นเป้าเลื่อยขาเก้าอี้บิ๊กตู่ เพราะมีประเด็นแหนงใจเรื่องแก้โควิด แต่ด้วยตำแหน่งหัวหน้าพรรค ก็ย้ำชัดว่า คือแคนดิเดตนายกฯ แน่นอน

ล่าสุดกระแสนิยมของภูมิใจไทยไม่ได้ยึดพื้นที่แค่จังหวัดแถบอีสานใต้เท่านั้น แต่ยังอยู่ในตัวเลือกของคนใต้ด้วย ภาพลักษณ์ใจป๋า ใจป้ำ ดูแลลูกพรรคไม่อั้น ให้กินดีอยู่ดี อาจทำให้ ส.ส.ย้ายขั้วอีกหลายคน

 

ขณะที่ฟากฝั่งของพรรคก้าวไกล (ก.ก.) เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ (KICE) จ.ขอนแก่น ลุยจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี ปักธงพื้นที่ภาคอีสาน หวังชนะเลือกตั้ง กวาด ส.ส.มากที่สุด โดย ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ หัวหน้าพรรค ว่าที่แคนดิเดตนายกฯ ประกาศว่า หากชนะใจพี่น้องชาวอีสานได้ ก็เป็นนายกฯ ได้ การปักหมุดสนามแข่งพื้นที่ภาคอีสาน ถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญ เพราะภูมิภาคเดียวก็มีเขตเลือกตั้งเกิน 100 เขต พรรค ก.ก.ย้ำว่า การทำงานในฐานะฝ่ายค้านตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ได้พิสูจน์ตัวเองมามากพอ มองไกลเป็นพรรคการเมืองขนาดใหญ่ ไม่ขอเป็นเด็กน้อยให้นักการเมืองเขี้ยวลากดินย่ำยีอีก

ภาพลักษณ์ ‘นักเรียนนอก-พูดไทยไม่ชัด’ ของพิธา กำลังจะถูกฝังกลบด้วยการสลัดสูท สวมชุดม่อฮ่อม กินซอยจุ๊ และลาบดิบ ติดดินกินข้าวแกง หวังลดช่องว่างดึงฐานเสียงส่วนใหญ่ คือ คนรากหญ้า และเกษตรกร ให้เข้าถึงจับต้องได้มากที่สุด แต่ยังต้องทรงภูมิมีความรู้และวิสัยทัศน์ผู้นำที่น่าเชื่อถือได้ ทำงานจริงจังไปพร้อมกัน

ก้าวไกลมองภาคอีสานเป็นเหมือน ‘ใบมีดขวาน’ ที่ต้องฝนให้คมที่สุด ชูนโยบายที่โดนใจ ทั้งเรื่องที่ดิน น้ำ และการเกษตรเข้าสู้ ไม่กังวลเหยียบเท้าเพื่อไทยเจ้าถิ่น ก่อนหันไปตัดแต่งขัดเงา ‘ด้ามขวาน’ หรือพื้นที่ภาคใต้ ที่พรรคได้วางแผนจะเรียกคะแนนนิยมในสเต็ปต่อไป

เปิดยุทธศาสตร์ ‘วิถีก้าวไกล’ ใช้เทคโนโลยีในทุกเรื่อง สร้างยูนิคอร์น วางแผนสังหารสัตว์ 2 ตัว คือ ช้าง รัฐราชการรวมศูนย์ ตัวอ้วนอุ้ยอ้าย เขียนนโยบายอยู่ในห้องแอร์ และเสือ ที่เป็นระบอบปรสิตที่กัดกินประเทศไทย คือ นายทุนผูกขาด และนักการเมืองท้องถิ่น หวังล้างคำสาปห้ามประเทศพัฒนา

พรรค ก.ก.มีความมั่นใจว่า จะได้ ส.ส.เกิน 200 ที่นั่ง โดยประเมินจากคะแนนนิยมของพรรค และพิธาที่ตีคู่ไต่ระดับสูงขึ้นทุกครั้งที่สำรวจความเห็น

โดยพรรคยังทำฐานข้อมูลกันเหนียวทำโพลของตัวเอง ซึ่งค่อนข้างตรงกับของนิด้าโพล ที่คะแนนมาเป็นอันดับ 4 นำหน้าประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย และเพื่อไทย ทั้งยังเชื่อว่า คนเมืองในพื้นที่ กทม. ปริมณฑล และเขต 1 ทั่วประเทศ จะเทคะแนนกาให้ทั้ง 2 ใบ

 

ขณะที่ตัวแปรสำคัญอย่างเพื่อไทยยังอยู่ในช่วงสุญญากาศ โดยหลายฝ่ายเดาว่า ‘ไม่มีตัวเล่น’ ยังโยนหินถามทาง ไม่ยอมเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯ ปล่อยชื่อให้ลือกันมั่วไปหมด

แต่แบ่งง่ายๆ เป็น 2 ฟาก คือ ฟากรุ่นเก่าบารมีล้น อย่างคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภริยาทักษิณ ชินวัตร และ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ อดีต ผบ.ตร. พี่ชายของคุณหญิงอ้อ

กับฝั่งเลือดใหม่ มาดนักธุรกิจผู้บริหาร อย่างลูกเขยทักษิณ เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และเศรษฐา ทวีสิน ที่ออกมาแสดงความเห็นการเมืองถี่ยิบ อย่างไรก็ตาม ชื่อของคุณหญิงพจมานก็ถูกทักษิณแตะเบรกย้ำว่า คุณหญิงไม่ชอบการเมือง และปราศรัยไม่เก่ง ทั้งนี้ ทางพรรคย้ำว่า จะเปิดชื่อในช่วงใกล้เลือกตั้ง และเปิดมาแล้วต้องโดนใจแน่นอน

จุดร่วมอย่างหนึ่งที่แต่ละพรรคชูแนบมาพร้อมกับการหาเสียงเลือกตั้งคือ การปรับภาพลักษณ์ให้โดนใจคนรุ่นใหม่ ที่จะมาเป็นฐานเสียงสำคัญในการเลือกตั้งครั้งหน้า คาดว่าตัวเลขกลมๆ อยู่ที่ประมาณ 8 ล้านคน ส่วนใหญ่อยู่ใน กทม. และเขตเมือง

กลยุทธ์การหาเสียงด้วยวิธีเคาะประตูบ้าน ยกมือไหว้กราบขอคะแนน หรือปักป้ายใหญ่มหึมามากแค่ไหน คงใช้ไม่ได้ในสภาวะเช่นนี้

กระสุนที่ตุนกันไว้ยิงซื้อคะแนนก็อาจจะซื้อคนบางกลุ่มได้ แต่อาจจะ ‘ด้าน’ สำหรับคนกลุ่มนี้ และกลุ่มคนหัวคิดใหม่ ที่หลุดพ้นจากความมืดบอดของสังคมอนุรักษนิยม

ประเทศไทยจมปลักอยู่กับการถูกกดขี่ให้ยากจน ลืมตาอ้าปากไม่ได้มานาน เป็นภาวะที่เหมาะสมให้ระบอบอุปภัมถ์ฝังรากลึก แต่บริบทสังคมปัจจุบัน ที่ชอกช้ำจากระบอบประยุทธ์มาตลอด 7 ปี คงเตือนสติให้คนไทยมองไกลกว่าแค่รับเบี้ย 2,000 บาท แลกกาบัตร ประเมินว่าหลายคนคงจะเริ่มเอือมของเก่า ถวิลหาของใหม่ แม้จะไม่รู้ว่า จะดีหรือไม่ดีกว่าเดิม แต่มั่นใจอย่างหนึ่งว่า ‘ไม่เอาของเก่าแล้ว’

แต่ละพรรคต้องทำงานหนัก เก็บสถิติข้อมูลให้แน่นพอจะวางกลยุทธ์ซื้อใจคนให้ได้ ‘บิ๊กดาต้า’ น่าจะสำคัญกว่า ‘บิ๊กทหาร’ หรือ ‘บิ๊กการเมือง’ อย่างแน่นอน