บทความโล่เงิน

 

จับตาแต่งตั้ง 3,150 นายพัน ตร.

ฝ่ากฎเหล็ก ‘อบายมุข’ เจอเด้ง

เปิดสูตร บช.น.คละเจเนอเรชั่น

 

เริ่มฤดูกาลแต่งตั้งรอง ผบก. ถึง สว. วาระปี 2564 มีตำแหน่งว่าง 3,150 ตำแหน่ง แบ่งเป็น รอง ผบก. 220 ตำแหน่ง ผกก. 540 ตำแหน่ง รอง ผกก. 990 ตำแหน่ง และสารวัตร (สว.) 1,400 ตำแหน่ง

คาดว่าการแต่งตั้งครั้งนายพันสีกากีครั้งนี้จะมีผู้ได้รับการเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นและโยกสลับระนาบเดียวกันกว่า 9,000 ตำแหน่ง

ทั้งนี้ ตามกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พ.ศ.2561 ระดับรอง ผบก.-สว. ขีดเส้นไว้ต้องแล้วเสร็จภายใน 30 พฤศจิกายนของทุกปี

14 ตุลาคมที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ร่อนหนังสือถึงทุกหน่วยแจ้งไทม์ไลน์การจัดทำบัญชีข้อมูลผู้เหมาะสมเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ให้พิจารณาดำเนินการตามกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พ.ศ.2561 ข้อ 23 (2) (3) และข้อ 24 แล้วเสนอต่อผู้มีอำนาจแต่งตั้ง ใน 18 ตุลาคม

การจัดทำบัญชีการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ให้พิจารณาดำเนินการ ดังนี้

 

บช. และ บก.หน่วยขึ้นตรง ในสังกัด สง.ผบ.ตร.

ระดับ ผกก. และรอง ผบก. ให้ดำเนินการจัดส่งบัญชีข้อมูลเสนอแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ไปยัง ตร. ผ่านกองทะเบียนพล (ทพ.) ใน 26 ตุลาคม

ระดับ สว. และรอง ผกก. ให้ดำเนินการจัดส่งบัญชีข้อมูลเสนอแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ไปยัง ตร. (ผ่าน ทพ.) ใน 10 พฤศจิกายน

บช.อื่นๆ ระดับ ผกก. และรอง ผบก. ให้ดำเนินการจัดส่งบัญชีข้อมูลเสนอแต่งตั้งข้าราชการตำรวจไปยัง ตร. (ผ่าน ทพ.) ใน 26 ตุลาคม

ระดับ สว. และรอง ผกก. ซึ่งเป็นอำนาจของ ผบช. ให้ดำเนินการจัดทำบัญชีการแต่งตั้งให้เสร็จสิ้นใน 12 พฤศจิกายน แล้วส่งไปยัง ตร. (ผ่าน ทพ.) ใน 13 พฤศจิกายน เพื่อตรวจความซ้ำซ้อนของตัวบุคคลกับตำแหน่งที่ได้รับการแต่งตั้ง สำหรับวันที่มีคำสั่งแต่งตั้งและวันมีผลบังคับใช้มอบหมายให้สำนักงานกำลังพล (สกพ.) แจ้งให้หน่วยทราบเพื่อดำเนินการต่อไป

พร้อมออก “กฎเหล็ก” เข้ม ข้าราชการตำรวจที่มีการฝ่าฝืนมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแข่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในทางและการควบคุมสถานบริการหรือสถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายสถานบริการ บกพร่องในการป้องกันและปราบปรามอบายมุข ตลอดจนความผิดที่เกี่ยวเนื่องกับการค้ามนุษย์ ให้พิจารณาเสนอแต่งตั้งสับเปลี่ยนหมุนเวียนไปดำรงตำแหน่งอื่นนอกพื้นที่ทุกราย

ขณะเดียวกันข้าราชการตำรวจที่อยู่ในกลุ่มอาวุโสร้อยละ 33 ให้เสนอหรือดำเนินการแต่งตั้งเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นทุกราย เว้นแต่รายใดถูกตั้งกรรมการวินัยร้ายแรง หรือถูกดำเนินคดีอาญา หรือพิจารณาแล้วเห็นว่าข้าราชการตำรวจรายดังกล่าวไม่มีความเหมาะสมที่จะได้รับการพิจารณาเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นด้วยเหตุผลด้านการปฏิบัติงานอย่างชัดเจน โดยให้พิจารณาเสนอ และดำเนินการปรับย้ายไปดำรงตำแหน่งที่มีปริมาณและคุณภาพงานน้อยลง

พร้อมทั้งระบุเหตุผลความจำเป็นโดยละเอียดไปยัง ตร.

 

เห็นกฎเหล็กของ ผบ.ตร. แล้ว พื้นที่ที่มีปัญหาฝ่ากฎเหล็กในรอบปีที่ผ่านมา คงต้องร้อนๆ หนาวๆ อาทิ

29 ธันวาคม 2563 “5 เสือ สน.ทุ่งสองห้อง” ถูกสั่งเด้งเซ่นตำรวจสอบสวนกลาง สนธิกำลัง บช.น. บุกจับบ่อนซอยแจ้งวัฒนะ 14 ที่เปิดเล่นกันโจ๋งครึ่ม ไม่สนการแพร่ระบาดโควิด-19

27 พฤษภาคม 2564 “ผกก.สภ.วังน้ำเย็น” ถูกสั่งย้ายเพราะปล่อยเด็กแว้นเหิมปิดถนน 10 เลนแข่งรถ

30 มิถุนายน 2564 “5 เสือ สภ.ปราณบุรี” ถูก พล.ต.ต.วันชัย ธารณธรรม ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ สั่งย้ายเนื่องจากตำรวจสืบภาค 7 บุกจับบ่อนพนันที่บ้านหลังหนี่ง ม.1 ต.เขาน้อย อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์

31 กรกฎาคม 2564 “5 สภ.เมืองภูเก็ต” ถูกสั่งย้าย เพราะปล่อยให้มีบ่อนในโรงแรมหรู บริเวณหาดสิเหร่ ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต ทำลายภาพลักษณ์ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์

9 ตุลาคม 2564 “5 เสือโรงพักลำลูกกา” ถูก พล.ต.ต.ชุมพล ชาญชนะโยธิน ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี สั่งเด้งเซ่นบ่อนป๊อกเด้งตลาดทอยมาร์เก็ตพ่นพิษ

รวมไปถึงเจ้าของพื้นที่ “คลัสเตอร์บ่อนภาคตะวันออก” และ “คลัสเตอร์สถานบริการทองหล่อ” เป็นต้น

จึงเป็นที่น่าจับตาว่าพื้นที่ทั้งหมดนี้จะยังเกาะขาเก้าอี้แน่นหรือไม่

 

ขณะที่ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. กล่าวถึงการแต่งตั้งโยกย้ายระดับรอง ผบก.-สว. ครั้งนี้ของ บช.น.ว่า ยุคนี้การคัดเลือกผู้มีความเหมาะสมในนครบาล พิจารณาในรูปแบบคณะกรรมการ ผู้ที่จะมาเป็นนักสืบในนครบาลมาให้ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผบก.สส.บช.น. เป็นผู้ช่วยเลือกสเป๊ก เพราะ พล.ต.ต.นพศิลป์เป็นอาจารย์สอนสืบสวน

ส่วนงานจราจร งานป้องกันปราบปราม ให้ พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. และ พล.ต.ต.สำเริง สวนทอง รอง ผบช.น. เป็นผู้ช่วยพิจารณาคัดเลือก

ทั้งนี้ การปรับย้ายเจ้าของพื้นที่ที่มีปัญหาฝ่ากฎเหล็กเรื่องการปราบปรามอบายมุขในรอบปีที่ผ่านมา ต้องเอาข้อมูลไปหารือกับ ผบ.ตร. เพื่อประกอบการพิจารณา แต่คงไม่นำมาเป็นตัวตั้ง

ส่วนเก้าอี้ ผกก. 88 โรงพัก การออกคำสั่งแต่งตั้งเป็นอำนาจของ ผบ.ตร. ซึ่งต้องมีการหารือกันก่อนอยู่แล้ว โดย ผบ.ตร.ได้มอบนโยบายมาว่า บางโรงพักต้องเอาคนหลายๆ เจเนอเรชั่นมาอยู่ด้วยกัน มีความเก่าผสมใหม่ เอาคนรุ่นใหม่มาพัฒนา แต่จะเก่งแบบ ‘ขงเบ้ง’ ไม่ได้ เก่งคนเดียวสุดท้ายก็ไม่ชนะ

ถือเป็นปีที่ 2 ของ “บิ๊กปั๊ด” ได้ทำหน้าที่คัดเลือกคนที่เหมาะสมกับงานมาขับเคลื่อนบริหารองค์กร ไปพร้อมๆ กับความหวังอยากปลี่ยนแปลงระบบบ้านหลังนี้ให้ดีขึ้น

แม้ปฏิเสธไม่ได้ว่าในอดีตที่ผ่านมาคนมีตั๋ว มีนาย ย่อมมีภาษีกว่าคนไร้เส้นสายเสมอ ส่งผลให้ปัญหา “ผิดฝาผิดตัว” หยั่งรากลึกมาถึงปัจจุบัน

การแต่งตั้งครั้งนี้จึงหวังแต่เพียงว่าคนทำงานจะได้รับการตอบแทนอย่างดีที่สุด อย่าให้กฎเหล็กถูกเขียนไว้ข้างฝา ไม่ถูกนำมาใช้จริง ก็เปล่าประโยชน์