ฐากูร บุนปาน : (หากเกิด)ความเหลื่อมล้ำในความยุติธรรม คงยุ่งแน่

แล้ว 1 สิงหาคมก็ผ่านไปเหมือนวันปกติอื่นๆ ในปีนี้ หรือปีที่ผ่านๆ มา

อาจจะเป็นวันสำคัญสำหรับบางคน หรือวันที่ไม่มีความหมายเลยสำหรับใครอีกหลายคน

แต่อย่างน้อยก็ไม่ใช่วันโกลาหล อย่างที่ “ลิ่วล้อ” หลายคนทำนายทายทัก

หรืออยากให้เป็น

การขึ้นศาลเพื่อแถลงปิดคดีจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มี “แฟนคลับ” มาให้กำลังใจจำนวนหลักพัน

ตรงตามความคาดหมายของหน่วยข่าวหลายแห่งก่อนหน้านี้

ไม่มีเหตุการณ์วุ่นวาย ไม่มีการแสดงปฏิกิริยาอะไรเกินเลย

ไม่คล้ายกับที่ “ลูกขุนพลอยพยัก” ของผู้มีอำนาจหลายคนเดาสุ่มเอาไว้ก่อนล่วงหน้า

แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคาดหมายได้ว่า การ “มโน” ถึงวันที่ 25 สิงหาคม ก็คงไม่ยุติลงง่ายๆ

เพราะสำหรับบางคนแล้ว ยิ่งสถานการณ์ปั่นป่วนวุ่นวาย ซึ่งนำไปสู่การใช้อำนาจแบบไม่ปกติ เกิดขึ้นบ่อยหรือดำรงอยู่เมื่อไหร่

โอกาสที่จะได้ประโยชน์โพดผล ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งแห่งหน หรือลาภที่เป็นตัวเงิน

ก็มากขึ้นเท่านั้น

ใครที่เคยอ่านนิทานอีสปเรื่อง “หมาป่ากับลูกแกะ” คงจำประโยคอมตะท่อนหนึ่งได้

ที่ว่า

“ถึงเมื่อวานหรือวันนี้เจ้าไม่ได้กวนน้ำให้ขุ่น พรุ่งนี้เจ้าก็ทำ”

ส่วนผู้มีอำนาจตัวจริง จะเต้นไปด้วยกับแรงน้ำลายของกลุ่มผู้สนับสนุนและปรารถนาจะให้ท่านอยู่ในอำนาจไปนานๆ (เพื่อตัวเองจะได้มีอำนาจ-ผลประโยชน์ต่อไป) หรือไม่

อันนี้ก็ขึ้นกับ “วาสนา” ของท่าน

และบุญทำกรรมแต่งของเราๆ ทั้งหลาย

ในฐานะที่ยังถือว่าตัวเองยังเป็นนักข่าวคนหนึ่งในองค์กร

เจอะเจอผู้ใหญ่ตัวจริงในรัฐบาล ก็ต้องถามกันให้ชัดๆ ไป

ว่ามอง 1 และ 25 สิงหาคม อย่างไร

คำตอบคือ 1 หรือ 25 นั้นไม่น่าห่วง แต่หลังจากนั้นไปแล้วไม่รู้

และที่น่ากลัวก็คือตรงไม่รู้นี่เอง

เพราะถ้ารู้เสียแล้ว คาดเดาได้เสียแล้ว

ก็ไม่น่ากลัว

นี่คำพิพากษาจะออกมาอย่างไรก็ไม่รู้

ออกมาแล้ว ในสังคมที่แตกดังโพละอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ไม่ว่าออกมาข้างไหน ก็ต้องมีฝ่ายหนึ่งพอใจ และอีกฝ่ายหนึ่งไม่ชอบใจ

ออกมาว่าผิด ก็ท่าจะยุ่ง

ออกมาไม่ผิด ก็ท่าจะยุ่งอีก

อันที่จริงมีวิธีจะช่วยไม่ให้ยุ่งหรือยุ่งน้อยอยู่อย่างหนึ่ง

แต่มาถึงวันนี้แล้วคงทำอะไรไม่ได้

เว้นพูดเอาไว้เพื่อเป็นอนุสนธิ

เผื่อจะป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคตได้

อย่าไพล่ไปเดาว่ากำลังจะเสนอให้ “ยกเลิกดำเนินคดี” เป็นอันขาด

ผิดครับ

ตรงกันข้าม อยากจะให้ดำเนินคดีกันอย่างเอาจริงเอาจังกับข้อสงสัยเรื่องการทุจริตอย่างเต็มกำลังด้วยซ้ำ

มีเงื่อนไขนิดเดียวว่า ต้องเป็นการดำเนินการโดยไม่เลือกหน้า และไม่เลือกเรื่อง

จะเป็นคดีโรงพักมีแต่เสา ประกันราคาสินค้าเกษตร

หรือแม้กระทั่งซื้อเรือดำน้ำ

ถ้ามีข้อสงสัย ถ้าคนจำนวนไม่น้อยในสังคมยังรู้สึกค้างคาใจ

กระบวนการยุติธรรมจะเข้ามาช่วยให้เกิดความโปร่งใส ความพึงพอใจขึ้นได้

แต่ต้องทำให้เสมอหน้า เสมอภาคกัน

ไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำกัน

ไอ้เหลื่อมล้ำนี่ก็ตัวดี

ไปอยู่ตรงไหนก็ยุ่งตรงนั้น

เหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจก็ยุ่ง

เหลื่อมล้ำทางโอกาสก็ยุ่ง

เหลื่อมล้ำในความยุติธรรม

ยิ่งยุ่งใหญ่

ถ้าคิดว่าทุจริตเป็นปัญหาใหญ่ข้อหนึ่งของประเทศ

ถึงขนาดต้องลงทุนล้มประชาธิปไตย เพื่อจะให้เกิดการ “ปฏิรูป” ขึ้นมา

ไอ้ที่อุตส่าห์เป็นแม่น้ำตั้งหนึ่งสาย แล้วเสนอได้แค่ว่า

จะให้ทุจริตหดหรือหมดไป

ทุกคนในสังคมนี้ต้องลด ละ เลิกการทุจริตให้ได้

อันนั้นหน่อมแน้มไปหน่อยครับ

ทุจริตนั้นคู่กับอำนาจ

มีอำนาจที่ไหน ก็มีแนวโน้มจะทุจริตที่นั่น

จะแก้ไขหรือป้องกันทุจริต ต้องทำให้การตรวจสอบมีพลังและเป็นจริง

ไม่ใช่เสนอคำขวัญเชยๆ

และถ้าทำให้การตรวจสอบโดยสังคมเกิดขึ้นได้จริง

ไม่สองมาตรฐาน ไม่ลูบหน้าปะจมูกใคร

ไม่ต้องไปกลัวหรอกครับ 1 หรือ 25 สิงหาคม

ถ้าไม่เป็นอย่างนั้นสิ

ค่อยน่ากลัว