ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 15 - 21 ตุลาคม 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | คุยกับทูต |
ผู้เขียน | ชนัดดา ชินะโยธิน eku7575@gmail.com |
เผยแพร่ |
คุยกับทูต เอมิลิโอ เด มิเกล กาลาเบีย
ชีวิตนักการทูตสเปนในช่วงโควิด (ตอนจบ)
“เป้าหมายของผมคือต้องการสำรวจภูมิภาค ได้เรียนรู้ ได้รู้จักคนที่น่าสนใจ มีเวลาให้ตัวเอง มีชีวิตที่เติมเต็ม ซึ่งผมคิดว่าเราต้องเริ่มต้นด้วยการกำหนดเป้าหมายสำหรับตัวเอง หากตัวเราไม่บรรลุเป้าหมาย ก็เท่ากับการไม่บรรลุเป้าหมายในอาชีพของเรา ไม่ประสบความสำเร็จในหน้าที่ที่ตนเองทำอยู่”
นายเอมิลิโอ เด มิเกล กาลาเบีย (Emilio de Miguel Calabia) เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรสเปนประจำประเทศไทยแสดงความคิดเห็น
“ในด้านอาชีพ ผมกำลังทำงานเพื่อเพิ่มพูนความรู้ร่วมกันระหว่างไทยและสเปน รู้สึกได้ว่าเราต่างมีความเข้าใจกัน เห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกันเป็นอย่างมาก แต่เป็นความรู้สึกที่เกิดจากการขาดความรู้ที่แท้จริงซึ่งกันและกัน”
“ผมและเพื่อนร่วมงานที่สถานทูตพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้แน่ใจว่า กิจกรรมทางวัฒนธรรมหรือธุรกิจใดๆ ที่เราเกี่ยวข้อง จะเป็นโอกาสในการส่งเสริมภาพลักษณ์ของสเปนและทำให้สเปนเป็นที่รู้จักมากขึ้นสำหรับคนไทย เมื่อผมหมดวาระการทำงานในประเทศไทย ก็หวังให้ทั้งสองประเทศได้มีความเข้าใจกัน รู้จักกันดีขึ้น และมีความสัมพันธ์ในระดับที่สูงขึ้นกว่าเดิม”
ประสบการณ์สิบปีกับการทำหน้าที่ในประเทศไทย
“ผมได้เรียนรู้ว่าความสำเร็จขึ้นอยู่กับสถานการณ์ รวมทั้งการทำงานของผู้ร่วมงานด้วย เรื่องสำคัญคือ ต้องรู้จักการปล่อยวาง ทุกคนมีความคิดเป็นของตัวเอง อย่าไปบังคับให้เขาคิดตามเราเสมอไป ลองทำความเข้าใจในปรัชญาเต๋า (Taoism) ซึ่งได้กล่าวไว้ว่า เมื่อมีสถานการณ์ ก็อย่าไปขัดแย้งกับเขา ลองทำตามไป ให้ไหลเหมือนน้ำ อดทน และอย่าพยายามทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ จงทำตามวิธีการที่มีอยู่ และยอมรับในผลที่เกิดขึ้น”
ปรัชญาเต๋าได้นำเสนอวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดคือ ใช้วิธีที่สอดคล้องกับวิถีหรือกฎแห่งเต๋าหรือธรรมชาติ ไม่ปรุงแต่งจะเป็นคุณ และยังแนะนำให้ยึดถือน้ำเป็นแบบอย่าง กล่าวคือ ใช้วิธีนุ่มนวลดังน้ำที่ปรับเปลี่ยนรูปแบบได้ตามสภาวะแวดล้อม
อย่างไรก็ดี แม้ความขัดแย้งเป็นเหตุการณ์โดยธรรมชาติ แต่ผลแห่งความขัดแย้งมิใช่จะมีแต่ทำลาย และทำให้ถอยหลังเท่านั้น หากเรารู้จักใช้และจัดการควบคุมใช้ความขัดแย้งให้เหมาะสมก็จะสามารถทำให้ก่อเกิดพลังสร้างสรรค์และนำไปสู่ความก้าวหน้า เป็นการใช้ความขัดแย้งให้เป็นประโยชน์
“ที่สำคัญที่สุดคือ เมื่ออ่านแล้วก็ใช้ชีวิตตามนั้น ผมหมายความว่า ให้พยายามวิเคราะห์และทำความเข้าใจ เพราะปรัชญาสอนให้เกิดอุดมคติในการดำเนินชีวิตและการปฏิบัติหน้าที่การงาน”
“ผมได้เรียนรู้วิธีการดำเนินชีวิตของคนไทยในปัจจุบัน ซึ่งมีข้อดีหลายอย่าง คนไทยมองหาความสมดุลในความสนุกไม่จริงจังกับชีวิตมากจนเกินไป ในแบบที่เข้าใจได้ว่า ต้องเรียนรู้ที่จะผ่อนคลาย และคนไทยมักมีความกรุณา ความเห็นอกเห็นใจ ความเอื้ออาทร และการดูแลผู้ทุกข์ยาก”
“ผมมาจากวัฒนธรรมที่ตรงกันข้าม เราจึงไม่ได้ทำงานแบบให้เป็นเรื่องง่ายหรือสบาย แต่เราเริ่มคิด ถึงชีวิตหลังผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ เพราะในยุโรปมีคนจำนวนมากที่ไม่ต้องการกลับไปทำงานในสำนักงานและมีหลายคนลาออกจากงาน เพราะจู่ๆ พวกเขาก็ได้คิดว่าชีวิตที่ตึงเครียดนั้นไม่ใช่สิ่งที่ต้องการ เพราะชีวิตควรมีมากกว่านั้น”
“คนที่ทำงานหนักและทำเป็นระยะเวลานานๆ (work-alcoholics) คนที่วิตกกังวล คนที่เครียดตลอดเวลา เรื่องแบบนี้ควรจบลงได้แล้ว เราจะต้องเข้าสู่สังคมรูปแบบใหม่ อย่างไรก็ตาม ค่านิยมของไทยก็เข้ากันได้ดีกับสังคมรูปแบบใหม่นี้”
“ในประเทศไทย ผมมีโอกาสไปชมสถานที่หลายแห่ง ที่ประทับใจได้แก่ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ซึ่งไปมาแล้วสามครั้ง หุบเขาปายที่แม่ฮ่องสอน เขาหลักที่พังงา และนครนายก”
“ก่อนเกิดโควิด-19 ผมมักไปเที่ยวทั่วไทยในช่วงสุดสัปดาห์ มาระยะหลัง ออกจากกรุงเทพฯ ไม่กี่ครั้งในช่วงเวลาสั้นๆ”
“ถ้าไม่ได้เดินทาง ผมก็ชาร์จแบตเตอรี่ให้ตัวเองคือตื่นสายหน่อย อ่านหนังสือ เขียนหนังสือ ออกกำลังกายในฟิตเนส พักผ่อนริมสระ นั่งสมาธิ เพราะผมเป็นชาวพุทธ และการทำสมาธิเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของผม”
“ผมมีพ่อครัวชาวสเปนประจำที่บ้านด้วย เขาทำอาหารได้อร่อยมาก แต่บางครั้งผมกับเพื่อนๆ จะไปตามร้านอาหารดีๆ ส่วนงานอดิเรก คือการอ่านและเขียนหนังสือ เป็นหลัก”
“มีชาวสเปนมากกว่า 1,000 คนอาศัยอยู่อย่างถาวรในประเทศไทย ประเทศไทยกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของชาวสเปนในศตวรรษที่ 21 ด้วยเหตุผลเดียวกับนักท่องเที่ยวต่างชาติจากทั่วโลก ในด้านชายหาด แหล่งช้อปปิ้ง อาหาร วัฒนธรรม และความเป็นมิตรของคนไทย”
“สำหรับเจ้าหน้าที่ทางการทูตของเรามีกัน 6 คนซึ่งรวมผมด้วย มีทูตตำรวจ และที่ปรึกษาทางการค้า เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นมีประมาณ 20 คน รวมถึงชาวสเปน เช่น พ่อครัว”
“เรามีสำนักงานสองแห่ง คือ สถานเอกอัครราชทูต ที่อาคารเลครัชดาคอมเพล็กซ์ ถนนรัชดาภิเษก และสำนักงานการค้าที่อโศก ในอนาคตน่าจะมีการทำงานจากที่บ้าน หรือการทำงานจากนอกสำนักงาน ซึ่งคือการทำงานจากสถานที่ที่ไม่ใช้สำนักงาน ผ่านการสื่อสารทางไกลหรือผ่านทางอินเตอร์เน็ต (teleworking) การเดินทางไปสำนักงานทุกวันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง ผมว่าการทำงานที่บ้านได้ประสิทธิผลมาก แถมยังประหยัดเวลาไม่ต้องเดินทางด้วยรถ ผมจึงหวังว่าในอนาคตจะมีส่วนหนึ่งของวัน ส่วนหนึ่งของสัปดาห์สำหรับการทำงานที่บ้าน”
“ก่อนการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เรามีชีวิตสังคมในกรุงเทพฯ บางครั้งก็มากเกินไป โดยผมอาจมีงานเลี้ยงรับรองหรืออาหารค่ำ ถึง 4-5 ครั้งต่อสัปดาห์ จึงค่อนข้างเหนื่อยเหมือนกัน”
“และเช่นเดียวกับคนไทยส่วนใหญ่ คนสเปนและผมรักฟุตบอล ชาวสเปนหลายคนคิดถึงฟุตบอล ลีก และฟุตบอลสเปนมีแฟนอยู่ในประเทศไทยมากมาย”
เอกอัครราชทูตเดอ มิเกล กาลาเบีย กล่าวคำอำลา
“ผมขอถือโอกาสนี้ขอบคุณทางการไทย ตั้งแต่ผมเดินทางมาถึงประเทศไทยครั้งที่สามในปี 2017 ผมได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีตลอดมา เรามีความสัมพันธ์อันดีกับกระทรวงการต่างประเทศ และกับหน่วยงานอื่นๆ ของไทย ผมชอบคนไทยตั้งแต่มาที่นี่ครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อน เพราะคนไทยมีความเป็นมิตร ใจกว้าง มีความเห็นอกเห็นใจ และเคารพผู้อื่นเสมอ”
“ส่วนในวันนี้ ผมมีความสุขที่ได้ต้อนรับคุณ ณ บ้านพักแห่งนี้ แม้เราจะไม่ได้พบกันในงานวันชาติสเปนปีนี้ เพราะจะไม่มีการจัดงานเลี้ยงเฉลิมฉลอง แต่อย่างน้อยเราก็ได้พบกันก่อน การมาประจำประเทศไทยครั้งที่สามนี้นับเป็นเวลาสี่ปีครึ่งอันมหัศจรรย์ เพราะเป็นสี่ปีที่ผมมีความสุขมาก และมั่นใจว่า เมื่อผมจากไป ผมจะกลับมาเยือนเมืองไทยเป็นประจำอย่างแน่นอน”
ประวัติ นายเอมิลิโอ เด มิเกล กาลาเบีย เอกอัครราชทูต ราชอาณาจักรสเปนประจำประเทศไทย
การศึกษา : นิติศาสตรบัณฑิต ประเทศสเปน
ประสบการณ์การทำงาน 1990-1992 : อัครราชทูตที่ปรึกษา สถานเอกอัครราชทูตสเปน ประจำกรุงยาอุนเด สาธารณรัฐแคเมอรูน 1993-1994 : เลขานุการเอก สถานเอกอัครราชทูตสเปน ประจำกรุงเบลเกรด ประเทศยูโกสลาเวีย (ในกลุ่มประเทศที่อดีตเคยรวมตัวกันเป็นยูโกสลาเวีย ปัจจุบันคือประเทศเซอร์เบีย) 1994-1996 : อัครราชทูตที่ปรึกษา สถานเอกอัครราชทูตสเปน ประจำกรุงลาปาซ ประเทศโบลิเวีย 1996-1997 : เลขานุการเอก สถานเอกอัครราชทูตสเปน ประจำกรุงเทพฯ ราชอาณาจักรไทย 1997-1999 : อัครราชทูตที่ปรึกษาสถานเอกอัครราชทูตสเปน ประจำกรุงเทพฯ ราชอาณาจักรไทย 1999-2000 : หัวหน้าฝ่ายวัฒนธรรม กระทรวงต่างประเทศ ณ กรุงมาดริด ประเทศสเปน 2000-2002 : ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศ ณ กรุงมาดริด ประเทศสเปน 2002-2005 : กงสุล สถานกงสุลสเปน กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ 2005-2008 : เลขานุการเอก สถานเอกอัครราชทูตสเปน ประจำกรุงเทพฯ ราชอาณาจักรไทย 2008-2011 : อัครราชทูตที่ปรึกษา สถานเอกอัครราชทูตสเปน ประจำประเทศสิงคโปร์ 2011-2013 : ที่ปรึกษา อธิบดีกรมภูมิภาคเหนือ อเมริกาเหนือ เอเชีย และแปซิฟิก กระทรวงต่างประเทศ ณ กรุงมาดริด ประเทศสเปน 2013-2017 : รองอธิบดีกรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แปซิฟิก และฟิลิปปินส์ 26 กันยายน 2017 : เอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูตสเปน ประจำกรุงเทพฯ ราชอาณาจักรไทย เขตอาณาครอบคลุมประเทศ สปป.ลาว (9 กุมภาพันธ์ 2018), เมียนมา (23 กุมภาพันธ์ 2018) และกัมพูชา (26 พฤศจิกายน 2018) เครื่องราชอิสริยาภรณ์ : The Order of Isabel La Católica, Officer |