จากมาตรการเปิดเทอมในอเมริกา ถึงการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้นักเรียนไทย/รายงานพิเศษ มงคล วัชรางค์กุล

รายงานพิเศษ

มงคล วัชรางค์กุล

 

จากมาตรการเปิดเทอมในอเมริกา

ถึงการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้นักเรียนไทย

 

โรงเรียนภาคฤดูใบไม้ร่วงในอเมริกาเปิดเทอมแล้ว

เด็กนักเรียนอเมริกัน 51 ล้านคนกลับเข้าสู่ห้องเรียน

เป็นการเปิดเรียนในห้องเรียนจริงๆ เรียนกับครูตัวเป็นเป็น พร้อมเพื่อนร่วมชั้นเรียนพร้อมหน้าพร้อมตา หลังจากปีที่ผ่านมาทั้งปีมีแต่การเรียนออนไลน์อยู่ที่บ้านอย่างเดียว

The Wall Street Journal ฉบับเสาร์/อาทิตย์ 11-12 กันยายน 2021 ทำสกรู๊ปเรื่อง “โรงเรียนต่างออกนโยบายเรื่องไวรัสภาคปฏิบัติ” (Schools Rewrite Virus on the Fly) ความว่า

The Centers for Disease Control and Prevention – CDC ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค ได้ออกคำแนะนำ (guidelines) และชี้แจงให้โรงเรียนเรื่องการฉีดวัคซีน, การใส่ mask, การใช้เครื่องมือตรวจ Covid-19 ที่โรงเรียน รวมทั้งการเว้นระยะห่าง (social distancing)

แต่ CDC ก็หาได้มีอำนาจหน้าที่เหนือหน่วยงานโรงเรียนแต่อย่างใด

ดังนั้น แต่ละโรงเรียนจึงออกกฎของตัวเองซึ่งเป็นไปตามกฎของแต่ละรัฐที่ออกมาให้โรงเรียนในท้องถิ่นปฏิบัติตาม

กฎบางอย่างที่เคยใช้ปฏิบัติมาก็ค้นพบว่าไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว เช่น การตรวจวัดไข้เด็กนักเรียนหน้าโรงเรียน รวมทั้งตรวจไข้สตาฟฟ์โรงเรียนด้วย ทำให้คิวยาวเหยียด และพบว่ามีเด็กไม่กี่คนที่มาโรงเรียนโดยมีไข้ วิธีการนี้ตรวจที่โรงเรียนใน Dallas และ New York เมื่อปีที่แล้ว แต่ปีนี้ได้ยกเลิกทั้งหมด

ปีนี้โรงเรียนใน Dallas ให้นักเรียนใส่ mask ตามคำแนะนำของ CDC แต่ state government รัฐเท็กซัส “แบน” การใส่ mask ในโรงเรียน เช่นเดียวกับ The U.S. Education Department ก็เปิดโอกาสให้สิทธิ์ท้องถิ่นในการแบนการใส่ mask ในโรงเรียนในอีก 5 รัฐ

หลายโรงเรียนมีนโยบายยืดหยุ่นว่า ถึงแม้จะมีการตรวจพบว่ามีเด็กนักเรียนบางคนติดเชื้อ ก็จะยังให้เด็กคนนั้นอยู่ในชั้นเรียน เพื่อให้ชั้นเรียนดำเนินต่อไป

 

ในส่วนของครู ถึงแม้ว่าจะมีประสบการณ์กับความวุ่นวายในการเปลี่ยนแปลงนโยบายเนื่องจากการแพร่ระบาดของ Delta, ทุกคนมีความกังวลแต่ยังกระตือรือร้นที่จะทำทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นไปได้ เพื่อให้มั่นใจว่าจะติดต่อสื่อสารกับเหล่าลูกศิษย์ได้อย่างดี

ประธาน the National Education Association – สหภาพการศึกษาแห่งชาติ ที่มีครูเป็นสมาชิก 3 ล้านคน บอกว่า เกือบ 90% ของสมาชิกได้ฉีดวัคซีนแล้วอย่างน้อยหนึ่งเข็ม

แต่ทุกอย่างมิได้ราบรื่นเสมอไป มีครูใน Brooklyn, รัฐนิวยอร์ก 400 คน เดินขบวนประท้วงคัดค้านการบังคับฉีดวัคซีนครู

 

โรงเรียนใน Atlanta บังคับให้นักเรียนใส่ mask

โรงเรียนท้องถิ่นใน Los Angeles บอกว่า จะให้นักเรียนแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนในวันที่ 10 มกราคมปีหน้า นักเรียนที่อายุ 12 ปีขึ้นไปถ้าวันนั้นยังไม่ฉีดวัคซีน จะถูกเชิญให้ออกจากชั้นเรียนไปเรียนตามอิสระ

ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย เกวิน นิวซอม บอกว่า ขณะนี้วัคซีนไฟเซอร์ที่ฉีดให้เด็กอายุ 12-17 ปียังคงรับรองการใช้แบบฉุกเฉิน ยังไม่ได้รับการรับรองให้ใช้แบบปกติเหมือนไฟเซอร์ที่ใช้ฉีดตั้งแต่อายุ 18 ปีขึ้นไป ดังนั้น รัฐแคลิฟอร์เนียจึงยังไม่บังคับว่า เด็กนักเรียนอายุ 12-17 ปีจะต้องฉีดวัคซีนทุกคน

แต่เชื่อว่าอีกไม่นานนี้ ไฟเซอร์จะได้รับการรับรองใช้แบบปกติในอายุ 12-17 ปี ดังนั้น ในต้นปีหน้า เด็กนักเรียน 12-17 ปีต้องฉีดวัคซีนทุกคน

WSJ รายงานว่า มีเด็กนักเรียนประมาณ 600,000 คน เป็นนักเรียนท้องถิ่น (student district) ขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศ ที่เจ้าหน้าที่ที่เมืองข้างเคียง Culver City กล่าวเมื่อเดือนสิงหาคม ว่า ต้องให้เด็กตั้งแต่อายุ 12 ปีขึ้นไปได้รับวัคซีนทุกคนก่อนกลางเดือนพฤศจิกายน เพื่อหลีกเลี่ยงการต้องปิดโรงเรียนเพราะเดลต้าระบาด

โรงเรียนในลอสแองเจลิสยังประกาศให้มีการเทสต์โควิด-19 เป็นโปรแกรมเทสต์โควิดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ นักเรียนที่เข้าคลาสเรียนต้องเทสต์โควิด-19 เป็นผลลบทุกอาทิตย์

โรงเรียนท้องถิ่นตรวจ 500,000 เคสจากความร่วมมือของภาคเอกชน 3 แห่ง ส่วนตัวโรงเรียนส่งการตรวจวันละ 100,000 เคสไปยังแล็บที่เมือง Menlo Park, CA ห่างออกไป 350 ไมล์ทางเครื่องบินวันละ 2 ไฟลต์

 

น.ส.พ. Reading Eagle ฉบับ 1 ตุลาคม 2021 รายงานว่า

รมต.สาธารณสุข (Secretary of Health) รัฐเพนซิลเวเนีย Alison Beam กล่าวว่า นักเรียน ครู เจ้าหน้าที่ และครอบครัว ต้องให้ความร่วมมือทำงานร่วมกัน เพื่อให้การเปิดโรงเรียนปีนี้ดำเนินไปอย่างราบรื่น

หัวใจสำคัญของเรื่องนี้ คือต้องให้เด็กได้ฉีดวัคซีน

ขณะนี้มีเด็กนักเรียนมากกว่าครึ่งล้านคนในรัฐนี้ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว เรารู้ว่าวัคซีนคือหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันการเจ็บป่วยจากโควิด-19 และช่วยเด็กให้ได้เรียนในห้องเรียน

ดังนั้น เราจึงพยายามผลักดันให้ทุกคนได้ฉีดวัคซีน ผลักดันโรงเรียนให้ช่วยอำนวยความสะดวกอย่างสุดความสามารถ

เด็กตั้งแต่อายุ 12 ปีขึ้นไปจะได้รับการฉีดวัคซีน ตอนนี้มี 21.9 % ของเด็กอายุ 12-14 ปีที่ฉีดวัคซีนแล้ว และ 42.6% ของอายุ 15-19 ปี ฉีดวัคซีนแล้ว

 

ทางรัฐเพนซิลเวเนียกำลังให้ความช่วยเหลือให้การฉีดวัคซีนเป็นไปอย่างก้าวหน้า เพื่อความมั่นใจว่าโรงเรียนจะเปิดเรียนในห้องเรียนได้ตลอดไป

ตอนนี้มีข่าวดีว่า Pfizer กำลังยื่นเรื่องให้ U.S.FDA และ U.S.CDC ให้การรับรองวัคซีนสำหรับเด็กอายุ 5-11 ปี หน่วยงานของรัฐบาลกลางจะประชุม 28 ตุลาคมนี้

อีกเรื่องที่ รมต.สาธารณสุขรัฐเพนซิลเวเนียกล่าวถึง คือกุญแจสำคัญของการป้องกันโควิดในโรงเรียนด้วยการเพิ่มการตรวจสอบ (testing)

ตอนที่เริ่มเปิดเทอม ทางรัฐประกาศโปรแกรมตรวจสอบโควิดเต็มขนาดด้วยเงินทุนช่วยเหลือจากรัฐบาลกลาง ให้การตรวจสอบทั้งนักเรียน ครู และบุคลากรทุกคน

การเทสต์นี้จะทำเป็นปกติครั้งละหนึ่งอาทิตย์ เพื่อค้นหาคนที่ตรวจโควิดไม่พบด้วยเครื่องตรวจธรรมดา

มีโรงเรียนของรัฐ และโรงเรียนเอกชน (Private Schools) 400 โรง ได้เซ็นเข้าร่วมโครงการ อาทิตย์ที่แล้วมีการตรวจสอบ 800 เคส

รัฐเพนซิลเวเนียมีโรงเรียนของรัฐมากกว่า 3,000 โรง และโรงเรียนเอกชนอีกหลายร้อยโรง ทางรัฐพยายามผลักดันให้ทุกโรงเรียนเข้ามาร่วมเซ็นสัญญาตรวจโควิดเทสต์ โดยไม่มีข้อกำหนดการสิ้นสุดโอกาสเข้าร่วมโครงการ

ประการสุดท้ายที่บัญญัติในการเปิดโรงเรียนในรัฐเพนซิลเวเนีย คือการกำหนดให้โรงเรียนบังคับให้นักเรียนใส่ mask

เรื่องนี้มีข้อถกเถียงกันบ้าง เพราะผู้ปกครองบางคนก็ไม่อยากให้เด็กใส่ mask ในห้องเรียน แล้วโรงเรียนก็ยอมตาม

รมต.สาธารณสุขรัฐเพนซิลเวเนียไม่ได้ให้แนวทางว่า จะทำอย่างไรกับโรงเรียนที่ยอมให้เด็กไม่ใส่ mask เพียงแต่บอกว่า โรงเรียนที่ยกเว้นการใส่ mask สนองความรู้สึก frustrated ของพ่อ-แม่เด็ก กำลังแหกกฎคำสั่งของรัฐ

 

ย้อนกลับมาดูการฉีดวัคซีน Pfizer ให้เด็กนักเรียนอายุ 12-18 ปีในเมืองไทย

แต่เดิม ไทยไม่ได้เป็นสมาชิก COVAX จึงไม่ได้รับจัดสรรวัคซีน Pfizer ที่ COVAX สั่งซื้อมาในราคาทุน และที่บริจาคให้ COVAX โดยอเมริกา

อย่างไรก็ตาม ไทยยังได้รับวัคซีน Pfizer บริจาคจากอเมริกาโดยตรง 1.5 ล้านโดส เมื่อ 30 กรกฎาคม 2021 และคาดว่าจะได้รับวัคซีนบริจาคจากอเมริกาล็อตที่สอง 1 ล้านโดส ตอนสิ้นเดือนตุลาคม พร้อมกับวัคซีน Pfizer บริจาคจากไอซ์แลนด์ 100,000 โดส

ในขณะเดียวกัน ทางรัฐบาลไทยหลังจากที่สั่งซื้อแต่วัคซีนจีน ทนแรงเรียกร้องจากประชาชนไม่ได้ จึงยอมสั่งซื้อ Pfizer 30 ล้านโดสเมื่อกลางปี วัคซีนที่สั่งซื้อ 2 ล้านโดสแรกมาถึงเมืองไทยเมื่อ 29 กันยายน

วัคซีน Pfizer 2 ล้านโดสนี้นำมาฉีดให้นักเรียนอายุ 12-18 ปี ที่ลงทะเบียนฉีดไว้ตามโรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศ เป้าหมายฉีดวัคซีนให้ได้ 5 ล้านรายมีลงทะเบียนแล้ว 3.6 ล้านราย แต่มีวัคซีนแค่ 2 ล้านโดส เริ่มฉีดเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม

ก่อนหน้าการมาถึงของวัคซีนไฟเซอร์ มีข้อความส่งต่อกันทางไลน์ เฟซบุ๊กและสื่ออิเล็กทรอนิกส์ทั้งหลาย ความว่า

อดีตผู้บริหารของไฟเซอร์ที่เกษียณแล้ว ออกมายอมรับว่า ไฟเซอร์ไม่ใช่วัคซีนที่ใช้ป้องกันโรค แต่เป็นผลิตภัณฑ์เพื่อฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มนุษยชาติ คนที่ฉีดวัคซีนไฟเซอร์เตรียมตัว “บอกลา” ภายในสองปี

ศาลฎีกาสหรัฐ (ที่จริงคือศาลสูง) มีคำสั่งให้เลิกฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในทันที

พร้อมทั้งชักชวนให้คนฉีดวัคซีนจีน

ขอบอกว่า ผมอยู่ในอเมริกานานหลายปี ดูข่าว Fox News, อ่าน WSJ ทุกวัน ไม่เคยเห็นเนื้อข่าวอย่างที่ส่งต่อกัน ทั้งหมดคือข้อความที่เขียนออกมาลอยๆ ไม่มีแหล่งอ้างอิงข้อมูล เพราะไม่มีเรื่องเกิดขึ้นจริง

เป็นการ “ปั้นข่าว”

ข่าว “ลวงโลก” นี้ ทำให้พ่อ-แม่, ผู้ปกครองหลายคน ไม่ยอมให้เด็กฉีดวัคซีน Pfizer เพราะหลงเชื่อว่าเป็นวัคซีนฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ นับว่าเป็นการเสียโอกาสอย่างยิ่ง

เพราะ Pfizer คือวัคซีนตัวเดียวที่ FDA อเมริการับรองให้ใช้ในภาวะปกติ หลังจากยกเลิกการรับรองให้ใช้แบบฉุกเฉินที่ระบุไว้แต่แรก

หมายความว่า FDA รับรองว่า Pfizer เป็นวัคซีนที่มีความปลอดภัยสูงสุด

นักเรียนหญิงชั้น ม.5 โรงเรียนนครสวรรค์ เธอโพส์ตในยูทูบชวนคนให้มาฉีดไฟเซอร์ บอกว่า

“เจ็บน้อยกว่าอกหัก”

ช่างน่ารัก จริงใจยิ่งกว่า “ลุงตู่” เป็นไหนไหน