2503 สงครามลับ สงครามลาว (51)/บทความพิเศษ พล.อ.บัญชร ชวาลศิลป์

พล.อ.บัญชร ชวาลศิลป์

บทความพิเศษ

พล.อ.บัญชร ชวาลศิลป์

 

2503 สงครามลับ

สงครามลาว (51)

 

ชะตากรรมเพื่อนนักรบที่ฐานสุรินทร์

รายงานของ พ.อ.เหงียน ชวง ได้กล่าวถึงความสำเร็จในการเข้ายึด “ที่มั่นแข็งแรงที่ 3” ของทหารไทยที่บ้านนาซึ่งก็คือ “ฐานสุรินทร์” ของกองร้อยทหารราบ กองพันทหารราบ BI 15 ตามบันทึกของ ร.ท.ประจักษ์ วิสุตกุล “หัวหน้าใจ”

“ในสายวันนั้นผมพยายามหาข่าวเกี่ยวกับกองร้อยสุรินทร์และเพื่อนผมจากคนที่รอดออกมาได้ประมาณ 20 กว่าคนแล้วไปรวมกันอยู่ที่ฐานกองพัน ทราบว่ากองร้อยสุรินทร์สูญเสียไปเกือบหมดทั้งกองร้อยประมาณ 80-90 นาย ที่ไม่ได้ออกมาจากฐานและไม่รู้ชะตากรรม ทั้งบาดเจ็บและเสียชีวิต”

“ที่ไม่เสียชีวิตอาจถูกจับเป็นเชลย หรือไม่ก็ถูกเก็บหมด แต่ไม่มีเพื่อนผม ‘ไอ้เหมียว’ (ร.ต.พนา สมิตานนท์) ที่รอดออกมากับพวกที่หนีออกมาได้ ซึ่งผมก็ทำใจตั้งแต่ต้นแล้ว รวมทั้งทราบว่าผู้พันกำลังเครียดกับเรื่องนี้ที่ต้องสูญเสียกองร้อยสุรินทร์ไปเมื่อคืนและกำลังคิดจัดการเรื่องนี้ เพราะไม่ต้องการให้มันมายึดพื้นที่จ่อคอหอยเราอยู่อย่างนี้”

“และทราบว่าท่านกำลังหารือหน่วยเหนือและจะขอโจมตีทางอากาศเพื่อทำลายข้าศึกที่ยึดฐานสุรินทร์อยู่ในบ่ายวันนี้”

 

เพื่อนเหมียวยังไม่ตาย

“ผมกลับจากการหาข่าวที่กองพันเรื่องไอ้เหมียวเพื่อนผมด้วยความหมดหวังกลับมาที่นั่นพอดีผมวิทยุเอา PRC-25 วิ่งมาหาผมบอกว่ามีข่าวจากฐานปืนพันเชอร์ ผมรีบเอาหูฟังและพูดทันที…จากหัวหน้าใจ มีเสียงพูดกลับมาทันที ‘กูไอ้ย้งเว้ย กูได้ข่าวไอ้เหมียวแล้ว มันยังไม่ตายโว้ย มันส่งวิทยุมาหากู เสียงเบามาก กูจำเสียงมันได้ใช่มันแน่ มันบอกว่ามันติดอยู่ในบังเกอร์ บก.ร้อย อยู่กับลูกน้องรวมทั้งหมด 5 คน บังเกอร์ถล่มปิดพวกมันไว้ ทุกคนยังมีชีวิตอยู่ แต่ไอ้แกวเต็มฐานไปหมด'”

ด้วยความดีใจที่เพื่อนยังไม่เสียชีวิต “หัวหน้าใจ” รีบไปพบ ผู้บังคับกองพันและได้รับอนุมัติให้นำกำลังไปช่วย ร.ต.พนาและลูกน้องที่ยังเหลืออยู่รวม 5 คนได้ โดยให้เวลาเพียงคืนนี้ เพื่อจะได้ให้เครื่องบินทิ้งระเบิดมาทิ้งทำลายฐานนี้ตามแผนในวันรุ่งขึ้น”

“จากนั้นก็รวบรวมกำลังอาสาสมัครได้ 31 นาย 16 นายจากฐานสุรินทร์เดิม และ 15 นายจากหมวดของหัวหน้าใจ แล้วซักซ้อมแผนการปฏิบัติกับฐานยิงปืนใหญ่รวมทั้งวิทยุนัดหมายกับ ร.ต.พนา ซึ่งยังคงติดอยู่ในฐานสุรินทร์ ออกเดินทางจากที่ตั้งมุ่งไปยังฐานสุรินทร์เมื่อเวลา 19.00 น.”

“ผมให้ 2 หมู่ของกองร้อยสุรินทร์นำหน้าออกไปยังฐานสุรินทร์ในความมืด เพราะทุกคนมีความชำนาญต่อภูมิประเทศและเส้นทางดี ถึงแม้จะเป็นเวลากลางคืนก็ตาม ผมอยู่กับหมู่ตรงกลางกับลูกน้องของผม แต่ก็ไม่ลืมดูเข็มทิศว่าหมู่นำเดินในทิศทางไปทางใต้ประมาณ 170 ถึง 180 องศาหรือไม่ เพื่อตรงไปยังฐานสุรินทร์ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 800-900 เมตร เราคงใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมงน่าจะไปถึงใกล้ฐานสุรินทร์และวางกำลังตามแผนได้ ผมให้บอกต่อๆ กันว่าให้หมู่นำเคลื่อนที่ช้าๆ และเงียบที่สุด อย่าให้มีเสียงใดๆ”

“ผมคาดว่าเราน่าจะถึงแนววางตัวไม่เกิน 20.00 น. แล้วเคลื่อนที่เป็นแถวตอนแบบลาดตระเวนตอนกลางคืนแบบเงียบที่สุด ภูมิประเทศเป็นที่โล่งมีแต่เศษซากของวัสดุอุปกรณ์ที่กระจัดกระจายเต็มพื้นที่และค่อยๆ ลาดลงเรื่อยๆ ไปทางทิศใต้ของพื้นที่บ้านนา ทุกที่โล่งเตียนไม่มีต้นไม้ ทุกอย่างจากฐานผมไปยังฐานสุรินทร์เป็นเป้าหมายของอาวุธหนักและปืนใหญ่ของข้าศึกแทบทุกตารางเมตร”

“เราเดินเป็นแถวตอนเรียงหนึ่งแบบลาดตระเวนมาเกือบ 1 ชั่วโมง เกือบ 2 ทุ่มแล้วผมดูนาฬิกา พวกเราเดินช้ามากเพราะอยากให้เงียบที่สุด จนหมู่นำจากกองร้อยสุรินทร์ให้สัญญาณหยุดหน่วยลง ผมให้ทุกคนหยุดแล้ววางกำลังรอบตัวซ้าย-ขวา ตรวจการณ์ไปข้างหน้า สักครู่ ผบ.หมู่นำเดินตะคุ่มๆ มาพบผมและบอกว่าเกือบถึงฐานแล้ว เหลืออีกไม่เกิน 300 เมตร ผมให้ ผบ.หมู่ทั้งหมดมาพบและฟังคำสั่งการวางกำลัง”

“ผมตรวจการณ์ไปข้างหน้า ทำสายตาให้ชินกับความมืด ด้วยสายตาพอจะมองเห็นฐานสุรินทร์อยู่ข้างหน้าในความมืดน่าจะไม่เกิน 300 เมตร ผมเห็นแนวรั้วลวดหนามอยู่ข้างหน้าและแนวบังเกอร์อยู่บนเนินสูง ทุกอย่างอยู่ในความเงียบ มองไม่เห็นความเคลื่อนไหวใดๆ ของข้าศึก ผมสั่งให้หมู่นำ 2 หมู่ของกองร้อยสุรินทร์คลานต่ำและเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอีกประมาณ 50 ถึง 100 เมตร และเลือกวางตัวหาที่กำบังทางด้านซ้าย ส่วนอีก 2 หมู่ของผมให้คลานตามมาแล้วแยกวางตัวทางด้านขวามือ เว้นระยะห่างแต่ละหมู่ประมาณ 5 เมตร”

“ผมและพลวิทยุเข้าหาที่กำบังตรงกลางระหว่างกำลังของสุรินทร์และของผม ทุกอย่างเงียบมาก พวกเราน่าจะวางกำลังพร้อมแล้วผมใช้กล้องส่องสองตามองไปในความมืดพอมองภาพของฐานชัดขึ้น การวางตัวในระยะนี้น่าจะปลอดภัยจากเคลย์โมร์ของข้าศึก ผู้หมู่ทางซ้ายของสุรินทร์และผู้หมู่ทางขวาคลานมากระซิบผมว่าทุกหมู่พร้อมแล้ว”

“ผมรีบเอาวิทยุมาติดต่อกับเพื่อนย้งทันที ต้องรีบปฏิบัติการทันทีไม่อยากช้าไปกว่านี้เพราะกลัวข้าศึกจะรู้ตัวก่อนและเสียแผน”

 

“ผมพูดวิทยุกับเพื่อนย้ง …พันเชอร์จากหัวหน้าใจ ทันทีที่ผมเรียก เพื่อนย้งตอบทันที ผมรีบพูดกับเพื่อนย้ง พร้อมโจมตีละ มึงอัดมันตามแผนได้เลย”

“จากนั้นไม่กี่อึดใจเสียงปืนใหญ่ 105 ของเพื่อนย้งก็คำรามขึ้น มันยิงกระสุนแตกอากาศเหนือฐานสุรินทร์ 2-3 นัดแล้วก็หยุด”

“ทันทีที่สิ้นเสียงปืนใหญ่ การรวมอำนาจยิงเข้าใส่ฐานสุรินทร์ของเราก็เริ่มต้นทันทีทั้ง อ็ม 16 เอ็ม 79 เสียงปืนดังกึกก้องผสมด้วยปืนกลเอ็ม 60 ยิงเป็นชุดๆ อย่างต่อเนื่องเข้าใส่ฐานสุรินทร์ เห็นแนวกระสุนส่องวิถีเป็นแนวค่อนข้างสูง ผสมด้วยเสียงเอี้ย เอี้ย และเสียงเป่านกหวีดดังลั่นจากพวกเราอยู่ตลอดเวลา ผสมกับการยิงของปืนทุกกระบอกทั้งกึ่งอัตโนมัติและยิงแบบอัตโนมัติ แล้วได้ยินเสียงตึงๆ 1-2 ครั้งดังแทรกอยู่กับเสียงปืนของพวกเราที่ระดมยิงเข้าไปสู่ฐาน”

“ประมาณ 2-3 อึดใจที่เราระดมยิงใส่ฐาน เสียงตึงอยู่ด้านหลังได้ยินจาก ป. 105 ของไอ้ย้ง จากนั้นช่วครู่พลุส่องสว่างก็ระเบิดขึ้นเหนือฐานสุรินทร์ทำให้พวกเรามองเห็นฐานได้ชัดเจนจากแสงสว่างของพลุส่องสว่าง ขณะนี้พวกเราหยุดยิงแล้วหลังจากพลุสว่างขึ้นเหนือฐานสุรินทร์ ผมมองไปที่ฐานก่อนที่แสงสว่างของพลุจะหมดลงและพอจะมองเห็นคน 4-5 คนกำลังวิ่งตามกันออกมาตรงช่องทางออกของฐานสุรินทร์เห็นได้ชัดเจน”

“ไม่ต้องสงสัย เพื่อนผมและลูกน้องแน่นอนทั้ง 5 คนไม่มีการยิงจากพวกเราอีก เพื่อนผมไม่ลังเลที่จะวิ่งออกมาตามแผน ข้าศึกมันคงมุดอยู่ในบังเกอร์ตอนเราระดมยิงเข้าใส่ฐาน หรือไม่ก็ถอนตัวออกไปอีกด้านของฐานโดยคิดว่าเราต้องทุ่มกำลังเข้าโจมตีแน่ๆ”

“ผมรีบรวมกำลังและถอนตัวออกจากพื้นที่วางตัวหน้าฐานสุรินทร์ทันที ผมรู้ว่าแผนเราน่าจะสำเร็จแล้วจบแล้ว และไม่มีเหตุการณ์อื่นๆ เข้ามาแทรกแล้ว ต่อมาได้ทราบว่าเพื่อนผมและลูกน้องอีก 5 คนได้หนีออกมาได้แล้วและกำลังกลับเข้าไปที่ฐานกองพันบีไอ-15 โดยไม่รั้งรอใดๆ”

“ผมพาลูกน้องของผมและกำลังของกองร้อยสุรินทร์ถอนตัวเร่งฝีเท้าเดินอย่างเร่งรีบมุ่งสู่ฐานของผมทันที กลัวอย่างเดียวว่ามันจะยิง ป.จากทุ่งไหหินมาในตอนนี้คงเกิดปัญหาแน่นอน แต่ก็โชคดีไม่มีเหตุการณ์”

 

“ผมกลับเข้าฐานของผมพร้อมลูกน้องเดนตายของผมและกำลังของกองร้อยสุรินทร์ได้อย่างปลอดภัย เมื่อถึงฐานผมนั่งพักอยู่ในคอกหน้าบังเกอร์ด้วยความโล่งใจ ทุกอย่างเป็นไปตามแผน แผนผมสำเร็จและช่วยให้เพื่อนของผมและลูกน้องหนีออกจากนรกทั้งเป็นออกมาได้ เหมือนตายแล้วเกิดใหม่”

“ผมรู้สึกผ่อนคลายกับความเครียดที่ลดลงจากสถานการณ์ในวันนี้และไม่ลืมวิทยุบอกเพื่อนย้งว่าไอ้เหมียวออกมาได้แล้วและปลอดภัยแล้ว และขอบคุณเพื่อนย้งที่ช่วยกันให้เป็นไปตามแผนทุกอย่าง คืนนี้ผมขอนอนพักข้างนอกในคอกบังเกอร์เพื่อจะได้สูดอากาศสดชื่นข้างนอกบ้าง ถ้ามันถล่มมาด้วย ป. ถึงจะลงไปนอนในรู”

“แล้วผมก็หลับไปด้วยความอ่อนเพลียในคืนนั้น”