รู้จัก ผบช.ก.ป้ายแดง พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช หมดยุคมาเฟีย-สู่องค์กรดิจิตอล/โล่เงิน

โล่เงิน

 

รู้จัก ผบช.ก.ป้ายแดง

พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช

หมดยุคมาเฟีย-สู่องค์กรดิจิตอล

 

“มืออาชีพ เป็นกลาง เคียงข้างประชาชน”

เป็นคติที่ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช หรือก้อง ผบช.ก.คนใหม่ ใช้มาตั้งแต่เป็นผู้บังคับการกองปราบปราม

“มืออาชีพ” เจ้าตัวได้อธิบายว่า คือการมีความรู้ความสามารถในงานของเรา แล้วต้องเอาคนมีคุณภาพสูงเหล่านี้มาพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ถัดจากนั้นก็ต้องมีเครื่องมือเครื่องใช้ที่ดีคุณภาพมีการฝึกอบรมที่ดีมีโรงเรียนสืบสวน ซึ่งของกองปราบปรามได้อบรมมา 4 รุ่นแล้ว

พอทำคดี ทีมจะมีศักยภาพในการจับกุมคนร้ายสูง ซึ่งก็คือความเป็นมืออาชีพ

“ในเรื่องของการสอบสวนก็จะยกระดับให้ทุกอย่างมัดแน่นด้วยพยานหลักฐานเพื่อให้อัยการกับศาลเห็นว่าเวลาสั่งฟ้องมันมีเหตุผลอะไรบ้าง โอกาสที่ศาลและอัยการจะเห็นต่างเหลือน้อยลง” ผู้บัญชาการหนุ่มแจง

“ความเป็นกลาง” คือความยุติธรรม คืนความเป็นธรรมให้กับทุกคน มีคติในการทำงานว่าทำถูกให้เป็นถูก ทำผิดให้เป็นผิด โดยไม่เกรงกลัวต่ออิทธิพลใดๆ ซึ่งตำรวจก็พร้อมจะอยู่เคียงข้างประชาชนเสมอมาและเสมอไป

ซึ่งนี้ก็เป็นแนวคิดที่บิ๊กก้องใช้มาตั้งแต่เป็น ผกก.1 จนถึงในปัจจุบันที่เป็น ผบช.ก.

ด้วยวัย 46 ปี พล.ต.ท.จิรภพขึ้นเป็น ผบช.ก. คนที่ 37 ถือว่าอายุน้อยที่สุด นับแต่ก่อตั้งหน่วยมาเมื่อปี 2494 สมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี

จึงมีความใหม่ ความสด ทั้งด้วยโปรไฟล์การศึกษา จบ ตท.รุ่น 34 นรต.50 ปริญญาโทด้านการบริหารข้อมูลสารสนเทศ จากมหาวิทยาลัยเซ็นทรัลมิชิแกน สหรัฐ ปริญญาเอกวิทยาศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาธุรกิจเทคโนโลยีและการจัดการนวัตกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และจบหลักสูตรเอฟบีไอรุ่นที่ 271 จากสหรัฐ และประสบการณ์สะสมในการทำงาน จนก้าวมาถึงตำแหน่งแม่ทัพสอบสวนกลาง เสมือน “ผบ.ตร.น้อย”

เขาได้บอกถึงเป้าหมายในตอนนี้ คือการยกระดับสอบสวนกลาง “ให้โกอินเตอร์ให้เป็นแบบเอฟบีไอ มีความเป็นมืออาชีพ มีคุณภาพสูงทันสมัยซึ่งเป็นภาพรวมที่ผมตั้งใจอยากให้มันสำเร็จ”

ซึ่งสมัยที่อยู่กองปราบฯ นายพลหนุ่มคนนี้ได้พัฒนาหน่วยงานในทุกด้านให้มุ่งสู่มาตรฐานสากล

 

“ถามว่ากดดันไหมเมื่อขึ้นมาเป็น ผบช.ก. ก็ไม่เท่าไหร่ท้าทายดี” พล.ต.ท.จิรภพกล่าว

พร้อมได้ยกตัวอย่างขึ้นว่า “หากผมอยากสร้างทีมฟุตบอลสักทีมหนึ่ง ผมก็ต้องอยากทำให้มันดีพอ ให้พัฒนาไปในทางที่ดี ผมก็มีความสุข แต่โจทย์ก็จะยากหน่อยเพราะหน่วยงานมันเยอะขึ้น แต่ก็จะใช้โมเดลเก่าที่ทำสำเร็จมาแล้วมายกระดับให้มันสูงขึ้นไปอีก ซึ่งความตั้งใจของผมคืออยู่ที่ไหนก็ต้องทำที่นั้นให้มันดี ให้มันพัฒนา ตอนที่ผมเป็นผู้การกองปราบฯ ก็ต้องทำให้มันดี พอผมมาเป็นผู้บัญชาการสอบสวนกลางก็ต้องทำให้มันดีเช่นเดียวกัน”

พร้อมกล่าวอย่างเชื่อมั่นว่า “สามารถพิสูจน์ได้ว่าไม่ได้สร้างภาพเพราะทุกอย่างชัดเจนด้วยผลงานและการกระทำ หลักของผมคือ ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน ก็อยากให้ดูผลของงาน ไม่อยากให้ดูที่คำพูด”

เห็นได้อย่างเป็นรูปธรรมที่ผ่านมา ผลของงานไม่ว่าจะเป็นคดีหลงจู๊สมชาย คดี พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ จับกุมโกลัก แห่งนาตารี และปราบอาวุธปืนเถื่อนทั่วประเทศ

เหล่านี้คือผลงานส่วนหนึ่งที่เกิดขึ้นภายใต้การบังคับบัญชาของบิ๊กก้อง

 

พล.ต.ท.จิรภพยังเปิดเผยว่า “นโยบายการกวาดล้างของผมคือการถอนรากถอนโคนต้องไปให้สุด หากล็อกเป้าแล้วก็ต้องสืบสวนขยายผลเท่าที่ทำได้ ถ้าลงทำคดีก็คือต้องลงทำให้หนักไปเลยจนกว่าจะสำเร็จ”

ซึ่งก็เป็นการตอกย้ำแนวคิดที่ว่า “มืออาชีพ เป็นกลาง เคียงข้างประชาชน”

โดยไม่เกรงกลัวต่ออิทธิพลเหนือกฎหมาย ซึ่งผู้มีอิทธิพลในความหมายของ ผบช.ก. หมายถึงพวกที่ไปรังแก ไปขู่ชาวบ้าน ทำให้ประชาชนเดือดร้อน การกระทำอันเป็นมาเฟียต่างๆ ซึ่งเจ้าตัวได้ประกาศว่าการกระทำเหล่านี้หมดยุคไปแล้ว

นอกจากนี้ บิ๊กก้องยังมีไอเดียผลักดัน Digital transformation จาก paper-based สู่ digital based เพื่อให้เป็นโครงการนำร่อง

เพราะจะนำไปสู่การบริหารงานด้วยสถิติซึ่งสามารถวางนโยบายได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ

มีตัวชี้วัดที่เเน่นอนเชื่อถือได้ โดยจะเริ่มจากทำกองปราบฯ ให้เป็นดิจิตอลก่อน แล้วขยายไปสู่ 12 กองบังคับการ

โดยจะพัฒนาเป็นสองระยะ ซึ่งก็จะทำให้ประชาชนได้รับความสะดวกขึ้น มีโครงการรับแจ้งเหตุระบบออนไลน์โดยมีแนวคิดว่าให้ร้อยเวรสืบสวนทุก บก.ไปนั่งรวมในที่เดียว จะทำให้เสร็จทันต้นปีหน้า ตอบโจทย์แก่คนต่างจังหวัดเป็นอย่างมาก

เบื้องต้นคือให้มีวิดีโอคอลล์คุยกันให้เข้าใจตั้งแต่ต้นทางเพื่อจะได้ลดภาระของประชาชนและเจ้าหน้าที่ ทำให้เกิดประสิทธิภาพสูง

 

กับคำถามที่ว่า อายุราชการที่ยังเหลืออีก 15 ปี รู้สึกว่าต้องรักษาเนื้อรักษาตัวหรือไม่ เพื่อให้ก้าวสู่ตำแหน่งสูงสุดขององค์กร ผบช.หนุ่มเปิดเผยว่า ยิ่งสูงก็ยิ่งหนาว แต่ใจริงแล้วไม่ได้อยากจะเป็นอะไรมากมาย ไม่ได้มีแผนจะขึ้นตำแหน่งไปเร็วๆ

สิ่งที่อยากทำตอนนี้คือพัฒนาหน่วยให้ดีก่อน คิดแค่ว่าอยากจะทำอย่างไรให้สอบสวนกลางดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ได้มีความคิดไปมากกว่านั้น

บิ๊กก้องตบท้ายว่า คิดว่าตรงนี้มันท้าทาย อยากทำให้ดีที่สุด อยากให้เป็นที่พึ่งประชาชน เป็นที่ยอมรับของประชาชน ถ้าทำได้จะมีความสุขกับตรงนี้ที่สุด