‘พปชร.’ ปีก ‘ธรรมนัส’ เปิดปฏิบัติการ ตีกัน-รับน้อง ‘พีระพันธุ์’ จับตา ‘โพล’ สกรีน ส.ส./บทความในประเทศ

บทความในประเทศ

 

‘พปชร.’ ปีก ‘ธรรมนัส’ เปิดปฏิบัติการ

ตีกัน-รับน้อง ‘พีระพันธุ์’

จับตา ‘โพล’ สกรีน ส.ส.

การเมืองในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แม้ฉากหน้าของผู้มีอำนาจทั้งในพรรค พปชร.และรัฐบาล ในนาม “กลุ่ม 3 ป.” จะแสดงออกผ่านสื่อว่าสยบรอยร้าว

ยืนยันจาก “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค พปชร. ในฐานะพี่ใหญ่ของกลุ่ม 3 ป. จะออกมายืนยันด้วยตัวเอง

ว่า “ผมกอดคอกับนายกฯ สนิทสนมกันมา 50 กว่าปี จำไว้ ให้ตายจากกัน เรา 3 ป.ถึงจะเลิกรักกัน บ้าบอมากกับข่าวทะเลาะกัน นายกฯ ก็มาหาผมทุกวันที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ ใครจะไปทะเลาะกัน”

แต่พลันที่ “บิ๊กป้อม” จรดปากกาแต่งตั้ง “มิสเตอร์พี” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะแกนนำกลุ่มสามมิตร มานั่งเป็นที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค พปชร.

การเมืองในพรรค พปชร.ก็ดูจะคุกรุ่นขึ้นมาอีกรอบ โดยเฉพาะกระแสต่อต้าน “ตีกัน” พีระพันธุ์ ที่ดูว่าจะเจอกับปรากฏการณ์ “ทัวร์ลง” จากสมาชิกและ ส.ส.ของพรรค พปชร.มากเป็นพิเศษ

โดยเฉพาะท่าทีของ ส.ส.จากฝั่งของ “ผู้กองธรรมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา และเลขาธิการพรรค พปชร. และ “บิ๊กยักษ์” วิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) จะออกแอ๊กชั่นรับน้อง ต่อการเข้ามามีตำแหน่งแห่งที่ในพรรค พปชร.ของ “พีระพันธุ์”

 

อย่าง ส.ส.สมัยแรก “สิระ เจนจาคะ” ส.ส.กทม. พรรค พปชร. ออกมาตีกัน “พีระพันธุ์” แบบเปิดหน้าชัดเจนกับกระแสวิเคราะห์ทางการเมืองที่ว่าอาจมีชื่อของ “พีระพันธุ์” มาเป็นแคนดิเดตนายกฯ คนต่อไปของพรรค พปชร.ว่า “ส่วนตัวมองว่าท่านก็เป็นนักการเมืองอาวุโส ที่เคยบอกว่าอยู่พรรคการเมืองเก่าแก่ที่สุดในประเทศ หากท่านเหมาะสมก็เชื่อว่าก่อนหน้านี้พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) คงเสนอชื่อไปตั้งแต่รอบที่แล้ว”

“ในพรรค พปชร.ยังไม่ได้มีการพูดคุยกันเลย อีกทั้งนายพีระพันธุ์ก็เพิ่งเข้ามาใหม่ เปรียบเสมือนพระบวชใหม่ เวลานั่งก็ต้องตามพรรษาถึงจะถูกต้อง ผมเคยเล่นหมากรุก เวลาจะออกตัวเดินเบี้ยเดินขุน ผมก็ต้องดูตาม้าตาเรือด้วย เชื่อว่านายพีระพันธุ์คงรู้จักหมากรุกดีพอ”

“อีกทั้งนายพีระพันธุ์ยังไม่ได้คุยกับสมาชิกพรรคหรือกรรมการบริหารพรรคเลย แต่ไปให้สัมภาษณ์สื่อจะทำนู่นทำนี่ในพรรคเรา ท่านเป็นนักการเมืองอาวุโส ส่วนผมเป็น ส.ส.สมัยแรก สังคมคงเข้าใจได้ ผมไม่เคยเอาเรื่องในพรรค หรือตัวเองใหญ่ในพรรค จะปรับปรุงอะไรในพรรคเลย ต้องผ่านกรรมการบริหารพรรคและสมาชิกพรรคก่อน”

แน่นอนกระแสรับน้องที่พุ่งเป้ามาที่ “พีระพันธุ์” ค่อนข้างหนักกว่าคนอื่น ประเด็นสำคัญ เพราะหมวกที่เจ้าตัวสวมอยู่ในขณะนี้คือ ที่ปรึกษานายกฯ และเป็นหนึ่งในสายตรงที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

มักมอบหมายงานสำคัญๆ ให้ “พีระพันธุ์” ไปดำเนินการ

 

การเข้ามามีบทบาทในพรรค พปชร.ของ “พีระพันธุ์” แกนนำในกลุ่มของ “ร.อ.ธรรมนัส” จึงมองเป็นอย่างอื่นไม่ได้ว่า “บิ๊กตู่” น่าจะส่ง “พีระพันธุ์” เข้ามาถ่วงดุลอำนาจ สลายมุ้ง ส.ส.ในกลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัสให้ลด “เพาเวอร์” ลง รวมทั้งเข้ามาร่วมกำหนดยุทธศาสตร์การสู้ศึกเลือกตั้งของพรรค พปชร.ครั้งต่อไปด้วย

เนื่องจากรอยร้าวที่แตกหักแบบจบกันไม่สวย ภายหลังที่ พล.อ.ประยุทธ์ปลดฟ้าผ่า ร.อ.ธรรมนัสจากเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คงจะมองหน้ากันไม่ได้อีกต่อไป

แม้บารมีใน ครม.ของ ร.อ.ธรรมนัสจะลดลง แต่ “เพาเวอร์” และบทบาทในพรรค พปชร.ยังคงอยู่ในเกณฑ์สูง และยังเป็นมือทำงานการเมืองคนสำคัญที่ “บิ๊กป้อม” ไว้วางใจ

หากยังลดบทบาท และเพาเวอร์ในพรรค พปชร.ของ ร.อ.ธรรมนัสในพรรค พปชร.ไม่ได้ อนาคตทางการเมืองและความมั่นคงของเก้าอี้นายกฯ ของ “บิ๊กตู่” ย่อมสั่นคลอนได้อยู่เสมอ

 

นอกจาก “สิระ” จะออกมาตีกัน “พีระพันธุ์” แบบเปิดหน้าให้เห็นกันชัดเจนแล้ว จังหวะเวลาใกล้เคียงกัน “ไผ่ ลิกค์” ส.ส.กำแพงเพชร และรองเลขาธิการ พปชร. มือขวาคนสำคัญของผู้กองธรรมนัส ก็ออกมาเปิดประเด็นว่า ในห้วงเวลาปีกว่าๆ ที่รัฐบาลจะครบวาระ พรรค พปชร.ก็ต้องเตรียมความพร้อมในทางการเมือง โดยเฉพาะการสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า

ซึ่งพรรค พปชร.จะได้ทำโพลของพรรคเพื่อเช็กเรตติ้ง และวัดคะแนนนิยมของ ส.ส.ในแต่ละพื้นที่ว่า ส.ส.แต่ละคนมีคะแนนนิยมเป็นอย่างไร หาก ส.ส.คนไหนยังเรตติ้งดี กระแสไม่ตก ก็มีโอกาสที่จะได้ลงสนามเลือกตั้งครั้งต่อไป

แต่หากคนไหนคะแนนนิยมไม่ดี ทางพรรคก็จะรวบรวมข้อมูลเพื่อส่งให้คณะกรรมการสรรหาผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคพิจารณาต่อว่าจะต้องคัดเลือกผู้สมัคร ส.ส.คนใหม่มาลงรับเลือกตั้งหรือไม่

ยิ่งกติกาการเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งต่อไป ตามที่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับระบบเลือกตั้ง ส.ส. ให้กลับมาใช้บัตรเลือกตั้งแบบ 2 ใบ ในแบบฉบับที่นักเลือกตั้งอาชีพและมีฐานเสียงสนับสนุนเข้มแข็ง คือ “เลือกคนที่รัก” และ “เลือกพรรคที่ชอบ” แบ่งเป็น ส.ส.เขต 400 คน และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน รวมทั้งจะแก้ไขพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ให้กลับมาใช้บัตรเลือกตั้งเบอร์เดียวกันทั้งคนและพรรค เพื่อความสะดวกในการเลือกตั้งของประชาชน

การจะคัดเลือกบุคคลใดลงรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.ยิ่งจะต้องเพิ่มความละเอียดมากขึ้น

ผู้สมัคร ส.ส.ประเภท “ดาวฤกษ์” มีคะแนนนิยมในตัวเอง และใกล้ชิดกับผู้มีอำนาจในพรรค ย่อมมีความได้เปรียบในการได้รับคัดเลือกลงสนามสู้ศึกเลือกตั้ง

 

แต่ที่ ส.ส.พรรค พปชร.และไม่ได้อยู่ในสังกัดกลุ่มผู้กองธรรมนัส แอบหวั่นเกรงคือ การทำโพลและกระบวนการคัดเลือกตั้งผู้สมัคร ส.ส.ลงรับเลือกตั้ง ยิ่งเสียงส่วนใหญ่ในกรรมการสรรหาผู้สมัครล้วนเป็นสายของ ร.อ.ธรรมนัส ย่อมสุ่มเสี่ยงจะโดนเช็กบิลกลับโดนตัดตัวไม่ให้ลงสมัครรับเลือกตั้ง

ขณะที่พรรคการเมืองที่คิดจะตั้งใหม่ ถ้าไม่ใช่เป็นพรรคที่มีท่อน้ำเลี้ยงดี และมี “บิ๊กเนม” เข้าไปร่วมขับเคลื่อน คงจะรอดยากในสนามเลือกตั้ง เนื่องจากมีทั้งเงื่อนไข การหาสมาชิกพรรคในแต่ละเขตเลือกตั้ง การจัดตั้งสาขาพรรค เพื่อรองรับการทำไพรมารีโหวตคัดเลือกผู้สมัคร ส.ส. เข้ามาเพิ่มความยากในการขับเคลื่อนพรรคอีกขั้นหนึ่ง

ปฏิบัติการรับน้องใหม่ ตีกัน “พีระพันธุ์” เป็นเพียงแค่ยกแรกในการประลองกำลังงัดข้อกันในพรรค พปชร.

จากนี้คงต้องติดตามดูว่า ทุกอย่างจะจบที่หัวหน้าพรรค ตามที่ “บิ๊กป้อม” พูดไว้หรือไม่