ปฏิบัติเคลียร์ใจ ‘2 ป.’ กลืนเลือดสู้ด้วยกัน ผูกสัญญาใจ ‘ธรรมนัส’ ‘ลุงกำนัน-บิ๊กแดง’ (กองเชียร์) ขยับ ปั้น ‘พีระพันธุ์’ กับกลยุทธ์ นารีพิฆาต/รายงานพิเศษ

รายงานพิเศษ

 

ปฏิบัติเคลียร์ใจ

‘2 ป.’ กลืนเลือดสู้ด้วยกัน

ผูกสัญญาใจ ‘ธรรมนัส’

‘ลุงกำนัน-บิ๊กแดง’ (กองเชียร์) ขยับ

ปั้น ‘พีระพันธุ์’

กับกลยุทธ์ นารีพิฆาต

 

บนเส้นทางแห่งอำนาจของพี่น้อง 3 ป. มีหลากหลายรสชาติ ทั้งทุกข์ สุข หวานชื่น เปรี้ยวจี๊ด ขมปี๋ แตกร้าว หวาดระแวง

แต่ในเมื่อเป้าหมายคือ การขี่หลังเสือ บังคับเสือให้อยู่ รักษาอำนาจไว้ในมือให้ได้ยาวนานที่สุด

การยอมกลืนเลือด จึงเกิดขึ้น!!

บรรดากุนซือของพี่น้อง 3 ป. ต่างพยายามทำให้บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่ กับบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา น้องเล็ก รอมชอมกันให้ได้ เพราะถ้าปล่อยให้บานปลายจนแตกร้าว หวาดระแวงกันไปเช่นนี้ มีแต่จะพ่ายแพ้ศึก

ในที่สุด พล.อ.ประวิตรก็ต้องสวมบทพี่ใหญ่อีกครั้ง เปิดใจคุยเคลียร์กับ พล.อ.ประยุทธ์ในทุกเรื่อง จนจบลงที่จะไม่มีการย้ายพรรค และพรรคพลังประชารัฐจะเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์เป็นแคนดิเดตนายกฯ ในการเลือกตั้งครั้งหน้า

แต่ พล.อ.ประวิตรไม่เคยพูดว่า จะเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์คนเดียวหรือไม่

แม้กับ พล.อ.ประยุทธ์นั้น พล.อ.ประวิตรก็ไม่ได้เอ่ยปากว่าจะเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ คนที่ 2 และ 3

“นายกฯ ไม่เห็นเคยได้ยินเลย นายกฯ คุยกับหัวหน้าพรรคแล้ว ถือว่าจบแล้ว” พล.อ.ประยุทธ์ฝากนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกรัฐบาล ถึงสื่อมวลชน ที่ถามในเรื่องนายกฯ สำรอง

แต่ในแวดวงป่ารอยต่อฯ แล้ว รู้ใจ พล.อ.ประวิตรดีว่า เมื่อถึงเวลา ก็จำเป็นที่จะต้องเสนอชื่อนายกฯ มากกว่า 1 คน

หรืออาจจะให้ครบ 3 คน เพื่อเพิ่มจุดขายให้ พปชร. และรองรับหาก พล.อ.ประยุทธ์เกิดปัญหาในระหว่างทาง

แม้ลึกๆ พล.อ.ประยุทธ์อาจจะหวาดระแวงอยู่บ้างว่า ถึงเวลาโหวตเลือกนายกฯ ในสภา อาจมีเกมซื้อโหวต หรือล็อบบี้ให้ยกมือให้แคนดิเดตนายกฯ เบอร์ 2 หรือ 3 เป็นนายกฯ ก็ตาม

แต่ก็ต้องรอวัดใจกันในวันนั้น

จึงไม่แปลกที่กระแสนายกฯ สำรองของ พปชร.จะสะพัด

โดยมีการจับจ้องไปที่บิ๊กน้อย พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค พปชร. น้องรักของ พล.อ.ประวิตร ที่พี่ใหญ่ส่งเข้าประกวด แม้เจ้าตัวจะปฏิเสธแล้ว

และคุณตุ๋ย พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกฯ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ส่งมาช่วยงานในพรรค ให้เป็นที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ช่วยงาน พล.อ.ประวิตร

แม้จะเคยร่วม ครม.พรรคประชาธิปัตย์กันมา แต่นายพีระพันธุ์อดีต รมว.ยุติธรรม ก็ไม่ได้สนิทสนมกับ พล.อ.ประวิตร ที่เป็น รมว.กลาโหม แต่แค่รู้จักคุ้นเคย

ดังนั้น เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ส่งมาให้เป็นที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค และให้สมัครสมาชิกพรรค พปชร. จึงเจอปฏิกิริยาต่อต้านจากบางกลุ่มในพรรค โดยเฉพาะนายสิระ เจนจาคะ จนทำให้ถูกมองว่า ได้ไฟเขียวจากแกนนำพรรคหรือผู้ใหญ่ในพรรค ให้มาขวางหรือไม่

แม้ พล.อ.ประวิตรจะทำให้ทุกอย่างดูเป็นปกติ ด้วยการระบุว่า รู้จักคุ้นเคยกับนายพีระพันธุ์ตั้งแต่สมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ และถือว่าตอนนี้เป็นคนของพรรคแล้ว แม้จะเป็นที่ปรึกษานายกฯ ก็ตาม

แต่ภาพของนายพีระพันธุ์ ก็คือคนของนายกฯ ที่ส่งมาเป็นหูเป็นตาใน พปชร. และคานการยึดพรรค

เพราะรู้กันดีว่า นายพีระพันธุ์ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ และมาช่วยงาน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นที่ปรึกษานายกฯ เพราะบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ เมื่อครั้งเป็น ผบ.ทบ.ทาบทามมา

ด้วยเพราะเป็นเพื่อนรุ่นพี่ตั้งแต่สมัยเรียนเซนต์คาเบรียล สนิทสนมกันมายาวนาน เพราะเป็นลูกทหารด้วยกัน จน พล.อ.อภิรัชต์เรียกติดปากว่าพี่ตุ๋ย และจะไม่ทิ้งพี่ตุ๋ยแน่นอน

จนทำให้ครั้งนั้น นายพีระพันธุ์ถูกจับตามองว่าถูกวางตัวให้เป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หรือเลขาธิการพรรค ให้รวมถึงนายกรัฐมนตรีในอนาคตเลยทีเดียว

แม้แต่การมาเตรียมพร้อมพรรคพลังประชารัฐ เพื่อเตรียมรองรับการกลับมาสู่สนามการเมืองของ พล.อ.อภิรัชต์เองด้วยซ้ำ

ในที่สุดกระแสข่าวในวันนั้น การจับตามองตั้งแต่วันนั้น ก็กำลังจะกลายเป็นจริง

แม้ว่านายพีระพันธุ์จะปฏิเสธว่า การที่เข้ามาพรรคพลังประชารัฐนั้น ไม่ได้เพื่อที่จะมาเป็นนายกฯ สำรองก็ตาม

แต่กำลังมีการสร้างผลงาน สร้างเพาเวอร์ให้นายพีระพันธุ์ ด้วยการดึง ส.ส.จากพรรคอื่นเข้ามา ทั้งนายชื่นชอบ คงอุดม ลูกชายชัช เตาปูน จากพรรครวมพลังทัองถิ่นไท ที่เป็นสัญญาณการรวมพรรคเล็กมาอยู่ใน พปชร. รองรับบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ที่พรรคเล็กจะสูญพันธุ์

และจะมีการดูด ส.ส.จากพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคต่างๆ มาเข้าพรรค พปชร.เพิ่มขึ้นอีก

จนมีกระแสข่าวสะพัดว่า งานนี้ ถึงขั้นที่ลุงกำนัน สุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย และอดีตแกนนำ กปปส. ต้องออกมาเคลื่อนไหวเพื่อช่วยไม่ให้พี่น้อง 3 ป. แตกร้าวถึงขั้นแตกหัก

ด้วยรู้กันดีว่า ทั้ง พล.อ.ประวิตร และบิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และ พล.อ.ประยุทธ์นั้นสนิทสนมกับนายสุเทพ ตั้งแต่เป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ จน 3 ป.ช่วยจัดตั้งรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์

พล.อ.ประวิตรเจรจากับนายเนวิน ชิดชอบ ให้เปลี่ยนขั้วมาหนุนพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ก็ใช้ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ ร.1 รอ. แห่งนี้ที่เดิมเป็นสถานที่เจรจา

และเป็นสถานที่ที่นายสุเทพนำกุหลาบสีแดงช่อใหญ่มาเชิญ พล.อ.ประวิตรไปเป็น รมว.กลาโหม อันเป็นก้าวที่ 2 ของ พล.อ.ประวิตรในการสร้างแผงอำนาจ 3 ป.ที่แข็งแกร่ง จากก้าวแรกที่เคยดันน้องๆ ขึ้นมา เมื่อครั้งที่ตนเองเป็น ผบ.ทบ.มาแล้ว

แถมทั้งมาเจอวิกฤตคนเสื้อแดงในปี 2552 ถึง 2553 ด้วยกัน แต่ก็ทำให้พี่น้อง 3 ป. กับนายสุเทพ ซึ่งเป็นรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงในเวลานั้น ได้วัดใจกันและกลายเป็นความสัมพันธ์ที่แนบแน่นยาวนานมาตั้งแต่บัดนั้น

ทั้งการใช้ ร.11 รอ. เป็นกองบัญชาการปราบม็อบเสื้อแดง ในนามศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) และเป็นที่หลบภัยของนายกฯ และ รมต.ในขณะนั้น

แต่ที่วัดใจ พล.อ.ประวิตร จนนายสุเทพจดจำไม่เคยลืม คือเหตุการณ์ในมหาดไทย ที่ม็อบเสื้อแดงล้อมและประชิดเข้ามา โดยขบวนรถของ พล.อ.ประวิตรได้ออกไปก่อนแล้ว แต่เมื่อรู้ว่านายอภิสิทธิ์และนายสุเทพยังออกมาไม่ได้ พล.อ.ประวิตรได้สั่งให้กลับรถเข้าไปช่วย ด้วยการให้ยิงปืนขึ้นฟ้า เพื่อให้ม็อบตกใจ แล้วให้ขบวนรถสวนออกมา เลย

งานนั้น พล.อ.ประวิตรถึงขั้นที่ต้องจับปืนขึ้นไกไว้พร้อมสำหรับกรณีฉุกเฉินเลยทีเดียว

มาเวลานี้ พี่น้อง 3 ป.กำลังมีปัญหา แม้นายสุเทพจะประกาศสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์มาตลอด แต่ก็ไม่เคยลืมสัมพันธ์กับ พล.อ.ประวิตร

จึงได้เวลาที่นายสุเทพออกมาช่วยสมานรอยร้าวของพี่น้อง 3 ป. ที่เคยเรียกนายสุเทพติดปากว่า “น้าเทพ” พร้อมร่วมวางแผนที่จะพา 3 ป.ไปสู่เป้าหมาย

จนมีข่าวว่า จะมีการชักชวน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ภาคใต้ ที่เป็นสาย กปปส. หรือลุงกำนัน ให้เตรียมย้ายพรรคมาอยู่ พปชร.ในอนาคตอันใกล้ ถึงขั้นที่มีลิสต์รายชื่อบ้างแล้ว

โดยที่นายพีระพันธุ์ก็มีบทบาทสำคัญในปฏิบัติการชักชวน ส.ส.พรรคอื่นด้วย และจะมีเพิ่มเติมอีก โดยมี “ผู้ช่วย” ที่ไม่เปิดเผยตัว เพื่อสร้างเพาเวอร์ จนเกิดแรงเชียร์ให้นายพีระพันธุ์มานั่งเลขาธิการพรรค พปชร.

ให้เสมือนกับว่า ไม่ใช่มีแค่ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาฯ พรรคเท่านั้นที่ทำได้

 

ลําพังพี่น้อง 3 ป.ที่แนบแน่น ลึกซึ้งกันมายาวนาน ก็พอจะยอมกลืนเลือด คุยเคลียร์กันได้ แต่ปัญหาสำคัญอยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ กับ ร.อ.ธรรมนัส ที่กลายเป็นปรปักษ์ต่อกัน หลังจากที่นายกฯ ปลดพ้นเก้าอี้ รมต.แบบไม่ไว้หน้าพี่ใหญ่

แต่หากปล่อยต่อไป ก็ยิ่งขัดแย้งหนัก ในเมื่อ พล.อ.ประวิตรยืนยันที่จะใช้งาน ร.อ.ธรรมนัสต่อไป

จึงนำมาซึ่งการเคลียร์ใจกันอีกครั้งของ พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ รุ่นพี่ ตท.12 จปร.23 กับ ร.อ.ธรรมนัส รุ่นน้อง ตท.25 จปร.36 ที่มี พล.อ.ประวิตร พี่ใหญ่เป็นคนกลาง

โดยใช้มูลนิธิป่ารอยต่อฯ เซฟเฮาส์ของพี่ใหญ่ สถานที่ให้กำเนิดประวัติศาสตร์ทางการเมือง การทหาร มาหลายครั้งหลายครา เป็นที่เปิดคุยกันแบบลูกผู้ชายชาติทหาร และแบบรุ่นพี่กับรุ่นน้อง

หลังจากที่การเคลียร์ใจครั้งก่อนเมื่อ 3 กันยายน ก่อนวันโหวตลงคะแนนญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น พล.อ.ประยุทธ์ออกจากสภาเพื่อมาเคลียร์กับ ร.อ.ธรรมนัสโดยเฉพาะ

แต่วันนั้น เหมือนจะสำเร็จ แต่ผลโหวตที่ พล.อ.ประยุทธ์ได้คะแนนไว้วางใจรองบ๊วย และได้เสียงไม่ไว้วางใจมากที่สุด ทำให้ทุกอย่างพังครืน พล.อ.ประยุทธ์เข้าใจว่า ร.อ.ธรรมนัสไม่ช่วย

อีกทั้งการเจรจาครั้งแรกนั้น พล.อ.ประยุทธ์ก็ไม่ค่อยพอใจนักที่ ร.อ.ธรรมนัสไม่ได้นำธูปเทียนแพรมากราบขอโทษตามธรรมเนียมทหาร แต่แค่ยกมือไหว้ และกล่าวคำขอโทษเท่านั้น ก่อนที่จะระบายความรู้สึกอัดอั้นของ ส.ส.พปชร. ที่ นายกฯ และ รมว.มหาดไทยไม่ช่วยเหลือในการผลักดันแผนงานโครงการต่างๆ ในพื้นที่ ที่กลายเป็นว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นคนผิดไป

แต่มาครั้งนี้ แม้จะพูดคุยกันเข้าใจมากขึ้น แต่ความหวาดระแวงที่มีต่อกันยังคงอยู่บ้าง

ร.อ.ธรรมนัสกับดร.หิมาลัย

ก่อนหน้านี้ เสธ.หิ ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ และเพื่อน ตท.25 ที่มาช่วยงานการเมือง ร.อ.ธรรมนัส เคยขอเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ และขอให้ยกโทษให้ ร.อ.ธรรมนัส ต่อเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ก็ยอมยกโทษให้ พร้อมบอกว่า จากนี้ทำให้ดีแล้วกัน

ก่อนที่ พล.อ.ประวิตรจะเรียกทั้งนายกฯ และ ร.อ.ธรรมนัสมาคุยกันอีกครั้ง

โดยที่วันนั้น บิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ไม่ได้มาร่วมวงเคลียร์ด้วย เช่นเดียวกับครั้งนี้ เป็นการคุยระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ และ ร.อ.ธรรมนัส ครั้งแรกแม้ว่า พล.อ.อนุพงษ์จะเป็นคู่ขัดแย้งด้วยก็ตาม

ที่สำคัญ ข้อตกลงต่างๆ และสัญญาใจที่เกิดขึ้น ถูกระบุว่า เป็น “ว.5” ที่ปิดลับ ไม่ให้เปิดเผย แต่เวลาจะเฉลยออกมาเอง

เพราะการเมืองไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร และไม่มีพี่น้องนิจนิรันดร์ แต่อยู่ที่การเจรจาต่อรอง และมีเรื่องศักดิ์ศรีทหารเข้ามาเกี่ยวข้อง

แต่ก็มีการคาดการณ์กันว่า ร.อ.ธรรมนัสจะยังคงทำหน้าที่เลขาฯ พปชร.ต่อไป และเป็นแม่ทัพในการสู้ศึกเลือกตั้งในทุกสนามอย่างเต็มที่

เป้าหมายเดียวกันคือ ทำให้พรรค พปชร.ได้ ส.ส.มากที่สุด และเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลอีกครั้ง และหนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ อีกสมัย

ส่วนจะมีการตอบแทนกันอย่างไร เป็นเรื่องในอนาคต

 

ส่วนการยุบสภา ตามแผนของ พล.อ.ประวิตร คือหลังการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และนายกพัทยาในต้นปี 2565 แล้วจึงค่อยยุบสภา เพื่อจัดเลือกตั้งช่วงเมษายน สงกรานต์ ที่ผู้คนกลับภูมิลำเนาไปเลือกตั้งได้

แต่ใจ พล.อ.ประยุทธ์อยากที่จะยื้ออายุรัฐบาลให้ยาวนานที่สุด จนงบประมาณปี 2566 ผ่านสภา และจัดโผโยกย้ายทหารเสียก่อนแล้วจึงยุบสภาเลือกตั้งปลายปี

ท่ามกลางข่าวที่ว่า พล.อ.ประยุทธ์กำลังรอน้องรักสายเลือดทหาร ที่จะมาผู้ช่วยคนสำคัญ ออกมาช่วยสู้ศึกการเมือง เป็นกำลังสำคัญ

แต่เกมนี้ มีการสะกิดให้มองกันยาวๆ เมื่อปิดหีบเลือกตั้ง นับคะแนนแล้วมาเป็นที่ 1 ในเวลานั้น ให้รอดูกลยุทธ์หมากเกมของพี่ใหญ่อีกครั้ง

เพราะจนวันนี้ พล.อ.ประวิตรก็ยังไม่ตอบชัดๆ ว่าจะเสนอแคนดิเดตนายกฯ กี่คน นอกเหนือจากชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ แถมอารมณ์เสียทุกครั้งที่นักข่าวถาม และบอกแค่ว่า มันเรื่องของผม

โดยเฉพาะการประกาศศักดาของการเป็นหัวหน้าพรรคตัวจริง ที่ว่า

“ผมจัดการได้หมดแล้ว ในพรรคผมต้องทำได้ ไม่เช่นนั้นผมจะเป็นหัวหน้าพรรคทำไม”

 

แม้จะดูเหมือนว่า พล.อ.ประวิตรจะคุมเกมได้ หลังเคลียร์ใจกับ พล.อ.ประยุทธ์ และ ร.อ.ธรรมนัสแล้ว แถมดูอารมณ์ดีขึ้น

จึงปรากฏภาพ พล.อ.ประยุทธ์ควงแขนประคอง พล.อ.ประวิตรเดินโชว์หวานให้บรรดาคณะรัฐมนตรี เกิดขึ้นอีกครั้ง

แต่ทว่า สำหรับพี่ใหญ่ เคลียร์ให้ ร.อ.ธรรมนัสแล้ว ยังเหลือเคลียร์ให้ อ.แหม่ม นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ อดีต รมช.แรงงาน ที่ถูกปลดพร้อม ร.อ.ธรรมนัส ลูกรักอีกคน

เพราะหลังจากที่สื่อรายงานว่า นางนฤมลในฐานะเหรัญญิกพรรค ยังคงเข้ามาที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ ประชุม และกินข้าวกลางวันกับ พล.อ.ประวิตร และ ร.อ.ธรรมนัสทุกวันเช่นก่อนหน้าถูกปลด

แต่ระยะหลังมานี้ นางนฤมลหายหน้าหายตาไปจากบ้านป่ารอยต่อฯ ปล่อยให้ ร.อ.ธรรมนัสเข้ามาคนเดียว โดยมี พล.อ.วิชญ์ นายวิรัช รัตนเศรษฐ์ และไผ่ ลิกค์ สลับกันเข้ามา

งานนึ้ ข่าวสะพัดบ้านป่ารอยต่อฯ ว่าเหตุที่นางนฤมลหายหน้าไป เพราะไม่อยากมาเจอแขกคนพิเศษ ที่ดูจะไม่แฮปปี้กับตนเองมายาวนาน

และเป็นที่สังเกตกันว่า ในระยะหลังๆ มานี้ แขกพิเศษคนนี้มาบ่อยครั้งกว่าแต่ก่อน จนทำให้นางนฤมลเลี่ยงที่จะมาพบเจอ และเลือกที่จะไปลงพื้นที่กับ ร.อ.ธรรมนัสแทน

จนร่ำลือกันว่า นี่เป็นแผนตีกันไม่ให้บิ๊กป้อมพี่ใหญ่มี ร.อ.ธรรมนัสและเหรัญญิกพรรคอยู่ใกล้ตัวนานมากเกินไป เพราะเกรงว่าจะคิดแผนใดๆ ออกมาอีก

ในเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ปลดทั้ง 2 พ้น ครม. ก็คาดหวังว่า ทั้ง 2 จะไปให้พ้นตัวพี่ใหญ่ แต่ทว่า บิ๊กป้อมมั่นใจและไว้วางใจในลูกรักทั้ง 2 คนนี้แล้ว จึงขอให้ช่วยงานต่อไป

เพราะ 2 ปีที่ผ่านมา นางนฤมลถือว่าผ่านการทดสอบของ พล.อ.ประวิตรในเรื่องการเก็บความลับ การสั่งการต่างๆ จนในหมู่น้องรักบิ๊กป้อมระบุว่า อ.แหม่มถือเป็นนานๆ ครั้งที่บิ๊กป้อมจะมีน้องรักที่เป็นผู้หญิง ที่จะวางใจมากเช่นนี้

และยังถือว่าเป็นคีย์วูแมนใน พปชร.อีกคน แต่ทว่า ยังไม่มีการเคลียร์ใจกับ พล.อ.ประยุทธ์ เช่น ร.อ. ธรรมนัส แต่เชื่อกันว่า ร.อ.ธรรมนัสไม่ทิ้ง และไม่ลืมนางนฤมลผู้ร่วมชะตากรรมแน่นอน

เพราะในยามนี้ ทั้ง ร.อ.ธรรมนัสและนางนฤมลที่ร่วมชะตากรรมเดียวกันมา ยังคงมีบทบาทสำคัญเคียงข้าง พล.อ.ประวิตร ที่จะปฏิบัติภารกิจยึดทำเนียบรัฐบาลให้ พปชร.ให้ได้อีกครั้ง

เวลาจะทำให้พบคำเฉลย รออยู่เบื้องหน้า ในอีกไม่ช้า พร้อมข้อพิสูจน์ที่ว่า พี่น้อง 3 ป.ในตำนาน จะเป็นอมตะหรือไม่