ฟ้า พูลวรลักษณ์ : มนุษย์ไม่ใช่สาหร่าย – โลกหนังสือตายแล้ว ?

หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๑๘๐)

มนุษย์ไม่อาจปฎิเสธโลกไซเบอร์

มันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ลึกซึ้ง แผ่กว้าง แม้แต่พระภิกษุสงฆ์ ฉันก็เห็นพวกเขาใช้ไอโฟน จะโทษพวกเขาไม่ได้ เพราะพวกเขาก็เป็นมนุษย์ การปฏิเสธโลกไซเบอร์ จะทำให้พวกเขาตกยุค

โลกหนังสือตายแน่ แต่ฉันก็ยังคงเห็นคนบางกลุ่ม ที่ปฏิเสธความจริงข้อนี้ พวกเขายังทำตัวเหมือนโลกนี้ไม่มีไซเบอร์ ด้วยการพยายามทำให้หนังสือกลายเป็นงานศิลปะหนึ่งชิ้น ด้วยการออกแบบที่งดงาม ปกที่สวยเก๋ ชื่อหนังสือที่สะดุดตา ฯลฯ

แต่หากหนังสือคือสินค้าแบบนี้ แทนที่จะเน้นเนื้อหาภายในหนังสือ ก็เท่ากับการยอมรับโดยปริยาย ว่าหนังสือดับแล้ว บัดนี้หนังสือกลายเป็นสินค้าชนิดหนึ่ง เหมือนน้ำหอม เหมือนกระเป๋า เหมือนอะไรก็ได้ที่ขายความเก๋ หรือกลายเป็นแฟชั่น กลายเป็นเสื้อผ้าบางแบบ ที่คนบางกลุ่มอยากสวมใส่

งานหนังสือก็กลายเป็นงานปาร์ตี้

บางครั้งมันคืองานสวมหน้ากากสมัยใหม่

ที่จริงหนังสือก็ยังไม่ตายหมด ยังมีงานบางประเภทที่ยังมีลมหายใจ

นิยาย หนังสือประเภทนี้ ที่จริงเพิ่งมีมาไม่นานมาก แค่ไม่กี่ร้อยปี แต่มันยังมีลมหายใจ

แต่ความดีของนิยายอยู่ที่เนื้อหา ไม่สำคัญที่ปก หรือชื่อเรื่อง หรือภาพประกอบ ส่วนนั้นสำคัญในการตลาด เพราะคนซื้อติดนิสัยมาจากโลกสมัยใหม่ แต่คุณค่าที่จริงอยู่ในจินตนาการ ความคิด การสร้างเรื่องขึ้นจากความว่างเปล่า

แต่เพราะคนจำนวนมากไม่ได้อ่านเนื้อหาอีกแล้ว นั่นคือความดับของโลกหนังสือ

แต่หนังสือบางแนว ดับสนิท เช่น แนวสารคดี บทความ ที่เสนอความรู้ ความแปลก หรือหนังสือขายหัวเราะ หรือเซ็กซ์ ฯลฯ

เพราะในโลกไซเบอร์มีสิ่งเหล่านี้มากมาย และมากกว่า มีเรื่องตลกที่ตลกกว่า มีเรื่องแปลกที่ประหลาดกว่า และมีคลิปไม่สิ้นสุดให้ดู ซึ่งแปลกประหลาด สนุกสนาน

หนังสือตายเพราะเจอไซเบอร์

เช่น มีคนพยายามจะเขียนหนังสือแสดงความรักลูก การเลี้ยงลูก ว่าตัวเองทำได้ดีแค่ไหน แต่สิ่งนี้มีในโลกไซเบอร์ มีแม่กับเด็กทารกนับจำนวนไม่ถ้วน ที่มหัศจรรย์เหลือจะพรรณา น่ารักเหลือเกิน หนังสือแบบนี้จะเขียนทำไม

ไม่ใช่เพราะหนังสือลงไปในไซเบอร์

แต่เพราะในไซเบอร์มีทุกอย่างที่หนังสือมี และมีมากกว่า มากกว่าระดับเป็นมิติ หลายมิติ

เช่น วันหนึ่งฉันดูคลิปเด็กเขมรไปจับงูเหลือมในแม่น้ำ มันเป็นเรื่องจริงที่น่ากลัวยิ่งนัก แต่ที่มันสุดยอดคือ มันซ่อนความไร้เดียงสาไว้ในนั้นด้วย เด็กเหล่านั้นไม่กลัวเลย กิริยาท่าทาง ความใสซื่อ กับความน่าสะพรึงกลัวของงูเหลือม มันช่างเป็นเรื่องและภาพ ที่ฉันคิดไม่ออกว่าจะสร้างยังไง ในฐานะคนสร้างสรรค์ แต่ในไซเบอร์มีเรื่องทำนองนี้ไม่สิ้นสุด

หรือวันหนึ่งฉันดูคลิปในเวียดนาม มีอาจารย์กังฟูสำนักหนึ่ง สาธิตวิทยายุทธ์ของพวกเขา มันน่าตื่นตะลึง น่าใจหาย ฉันไม่เคยเห็นวิทยายุทธ์ใดจะจริงและร้ายกาจเท่านี้ ไม่ว่าจะเป็นสำนักเส้าหลิน หรือแม้แต่ในหนัง ก็ทำได้ไม่น่ากลัวเท่า

ฝ่ามือของเขาเหมือนมีประจุไฟฟ้า สัมผัสร่างของใคร ร่างของฝ่ายตรงข้ามจะกระตุก ช็อก ร่างของหนุ่มๆ หลายคนกระเด็นออกไป เหมือนโดนเหวี่ยงด้วยแรงมหาศาล หรือร่างของฝ่ายตรงข้ามที่เพียงเอามือแตะบนร่างของใครอีกคนหนึ่ง ที่โดนฝ่ามือของเขาตบถูกเบาๆ ร่างของเขาก็เหมือนโดนไฟช็อตด้วย เคลื่อนผ่านร่างของคนที่สอง ร่างคนที่สามกระตุก ชัก ถูกเหวี่ยงโดยมือที่มองไม่เห็น

อาจารย์กังฟูเหล่านั้น ไม่รู้ฝึกวิชาใด สองมือเพียงสะบัดไปมาเบาๆ เหมือนมวยไท้เก๊ก แต่ร้ายกาจกว่าอย่างเทียบกันไม่ได้

และทำไมต้องเกิดในเวียดนาม

ฉันเห็นแผนที่เอเชียอาคเนย์ในโลกไซเบอร์ ที่เปลี่ยนแปลงเป็นรายปี ย้อนหลังกลับไปเป็นพันปี ภาพที่เห็นน่าตื่นตะลึง มันเป็นแผนที่ที่มีชีวิต เคลื่อนไหว เห็นความเกิดดับของอาณาจักรมากมาย ฉันไม่เคยเห็นแผนที่กระดาษใดในโลกน่าสนใจเท่านี้

มันคือการเปลี่ยนมุมมองของเรา ให้เกิดมิติใหม่ขึ้น

แผนที่โลกกลายเป็นสิ่งมีชีวิต

และเป็นธรรมด้วย เพราะโลกไม่เคยหยุดนิ่ง

ในช่วงแปดสิบปีมานี้ แผนที่โลกเหมือนหยุดนิ่ง มีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย แต่นั่นเพียงเพราะแปดสิบปี เป็นช่วงเวลาที่ยังสั้นมาก ไม่น่าแปลกใจเลยว่า หากทอดยาวออกไปอีกหน่อย ก็จะเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง เพราะหลายพันปีมานี้ โลกเป็นเช่นนั้น

ปัจจัยสำคัญคือจำนวนประชากรของโลก เริ่มจากวันที่โลกนี้ประชากรยังเบาบาง พื้นที่จำนวนมาก ยังว่างเปล่า เป็นสีขาว และกลายเป็นพื้นที่หลากสี เนื่องจากประชากรหนาแน่น และยิ่งทึบขึ้น ยิ่งผสมผสานกันหลายสี บางพื้นที่มันกลายเป็นสีเน่า

ฉันเห็นภาพและเรื่องราวมากมาย ที่ทั้งน่าพิศวง ทั้งลึกซึ้ง และทั้งสนุกสนาน และที่สำคัญมันเป็นเพียงเศษเสี้ยวของอนันต์

ฉันเพียงค้นเล่นๆ เพียงแวะเข้าไปดูแบบไม่ตั้งใจ และใช้เวลาเพียงส่วนน้อยของชีวิตฉัน เป็นเพียงการแอบมอง การมองลอดรูเล็กๆ เข้าไปในโลกไซเบอร์ที่มีขนาดใหญ่โตไม่สิ้นสุด

หรือฉันแอบมองโลก facebook ของฉัน ที่มีเพื่อนเพียงแค่สามสิบคน แต่ก็เห็นความเปลี่ยนแปลง ความกว้างใหญ่ ชนิดว่ามองไม่ทัน อ่านไม่หมด ฉันไม่ต้องการขยายกว้างกว่านั้น เพราะแค่นี้ก็อ่านไม่หมดอยู่แล้ว

มันคือมหาสมุทร

๑๐หนังสือไม่ตายได้อย่างไร เมื่อเจอไซเบอร์

ไม่เพียงแต่ไซเบอร์ที่ฉันพูด เป็นเพียงแค่การแอบมองแค่นิดเดียว ในขณะที่ตัวมันไม่สิ้นสุด

และเทคโนโลยีที่ฉันพูด ยังเป็นแค่จุดเริ่มต้น มันกำลังพัฒนาไปได้อีก เป็นเส้น exponential มันยังไปได้อีกเป็นแสนเป็นล้านเท่า เกือบไม่สิ้นสุด

๑๑ แต่มนุษย์ไม่ใช่สาหร่าย

เราไม่ได้แค่ต้องการมีชีวิตนานที่สุด แพร่ขยายจำนวนให้มากที่สุด เราไม่ได้ต้องการมีลูกหลานปกคลุมไปทั่วทั้งจักรวาล และอยู่ให้นานที่สุด แม้วันที่ดวงดาวทั้งมวลดับหมดแล้ว มนุษย์ก็จะยังอยู่ สร้างดวงดาวประดิษฐ์ขึ้น โดยอาศัยเศษเสี้ยวพลังที่ยังหลงเหลืออยู่ในจักรวาล อาศัยความร้อนที่ยังเหลืออยู่นิดหน่อย แล้วก็ยังมีชีวิตอยู่ เหมือนสาหร่ายที่ปกคลุมทั่วทั้งมหาสมุทร หากมันทำได้

เพราะหากเป็นเช่นนั้น เราก็ไม่ได้แตกต่างจากแบคทีเรีย ไม่ได้แตกต่างจากไวรัส

ที่จริงมนุษย์แตกต่างจากสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ตรงที่เรามีจิตสำนึก และจุดมุ่งหมายของชีวิต ไม่ได้อยู่ที่จะอยู่นานที่สุด หรือขยายตัวให้กินเนื้อที่กว้างที่สุด มีปริมาณมากที่สุด แต่อยู่ที่การพัฒนาจิตสำนึกตัวเอง ให้ขึ้นไปสูงสุด มีสติสูงสุด และนั่นคือการมีสติอยู่เสมอ

การพัฒนาจิตสำนึก ไม่เกี่ยวกับกาลเวลาไม่เกี่ยวกับพื้นที่ ไม่เกี่ยวกับอำนาจ ไม่เกี่ยวกับเงินทอง

เราไม่จำเป็นต้องมีพื้นที่ใหญ่โตเท่าไรเลย หรือใช้เวลานานเป็นกัปกัลป์เราไม่ต้องการอำนาจมหาศาล หรือเงินทองเป็นโกฏิล้าน

ที่จริงเราต้องการเพียงแค่นิดหน่อย แค่พอเพียง