ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 8 - 14 ตุลาคม 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | ขอแสดงความนับถือ |
เผยแพร่ |
ขอแสดงความนับถือ
…เมื่อกฎหมายถูกปลิดปลง
ความยุติธรรมไม่ดำรง
ความเหลื่อมล้ำยิ่งอยู่ยง
วิหิงสา บด อหิงสาเป็นผง
ก็ยังคงให้อภัย?
คือ ตอนหนึ่งของกวีนิพนธ์ “6/14 ตุลา” ในคอลัมน์ “รูปที่ไร้ใจครอง” ของละไมมาด คำฉวี (หน้า 70)
ซึ่งน่าจะเป็นคำตอบได้ดี
ว่า ไฉนคนไทยจึงยังต้องวนเวียนรำลึก 6 ตุลาคม 2519 และ 14 ตุลาคม 2516 กันอยู่
ทำไมไม่ให้อภัย? หรือเลิกราต่อกันเสียที
สอดคล้องกับบทความของนิธิ เอียวศรีวงศ์ “ฐานทางความคิดของการเปลี่ยนแปลง”
ที่ตั้งข้อสังเกตว่า การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและสังคมในประเทศไทยนั้น
แม้เกิดขึ้นและดูจะเปิดโอกาสให้ยุคใหม่เติบกล้าขึ้น
แต่ในที่สุดก็วนกลับมาสู่ความสืบเนื่องของยุคเก่าอยู่นั่นเอง
ความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ไม่นำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่มากพอจะรองรับยุคใหม่ทางการเมืองได้
และในทางตรงกันข้าม
ความเปลี่ยนแปลงทางสังคมกลับเสริมสร้างให้ยุคเก่าหรือระบอบเก่าสามารถปรับตัวได้เข้มแข็งยิ่งขึ้น
การปฏิวัติ 2475 แม้เป็นความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ใหญ่มาก
แต่ไม่ตามมาด้วยความเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่มากพอจะรองรับการเมืองใหม่ได้ในระยะยาว
หลัง 2490 หรือหลัง 2500 การเมืองไทยก็หันกลับสู่ระบอบสมบูรณาญาสิทธิ์ ที่ชนชั้นนำซึ่งกว้างกว่าราชบัลลังก์เพียงฝ่ายเดียว ได้ถืออำนาจร่วมกันอย่างเหนียวแน่นสืบมา
2500 นำมาซึ่งนโยบายพัฒนาที่เปลี่ยนสังคมไทยไปอย่างมโหฬาร
แต่ความเปลี่ยนแปลงทางสังคมนี้กลับมีผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองไม่มากนัก
14 ตุลา, พฤษภา 35, รัฐธรรมนูญ 2540 ไม่นำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ยั่งยืนสักครั้ง
แต่กระนั้น “นิธิ เอียวศรีวงศ์”
ยืนยันอย่างที่ยืนยันมาหลายครั้งในห้วงปีหลัง
นั่นคือ การเปลี่ยนแปลงยังจะเกิดขึ้นต่อไป
และที่สำคัญ อาจจะไม่ซ้ำรอยดังอดีต
“…ผมและอีกหลายคนกำลังรู้สึกว่า ความเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดในเมืองไทยเวลานี้ จะไม่เหมือนครั้งก่อนๆ
อย่างน้อยก็เพราะมันมีความเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่กว้างใหญ่ไพศาลกว่าเดิมรองรับ
อันเป็นความเปลี่ยนแปลงที่ได้สั่งสมเงื่อนไขมานานและกระทบต่อคนจำนวนมาก…
และด้วยเหตุดังนั้น การเคลื่อนไหวทางการเมืองในครั้งนี้
จึงมีฐานทางปรัชญามากกว่าความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่นำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงดังครั้งอื่นๆ”
“นิธิ เอียวศรีวงศ์” มีเหตุผลอย่างไร
คงต้องพลิกอ่านที่หน้า 28-29
พร้อมกับย้ำเตือน “อีกครั้ง” และ “อีกครั้ง” ว่า
“…ที่น่าตกใจยิ่งกว่าความเปลี่ยนแปลงก็คือ ยิ่งเปลี่ยนมาก หรือยิ่งมองเห็นความเปลี่ยนแปลงมากเท่าไร
แทนที่ชนชั้นนำจะปรับตัวให้สอดรับกับความคิดใหม่ที่เกิดขึ้น
พวกเขากลับหันหลังมุ่งหน้าไปสู่อะไรที่เก่าแก่โบราณมากยิ่งขึ้นไปอีก
ปัญหาเกิดขึ้นเพราะสิ่งเก่าแก่โบราณเหล่านั้นสูญเสียความศักดิ์สิทธิ์ไปหมดแล้วต่างหาก
การกลับไปหาความเก่าแก่โบราณจึงไม่ได้ทำให้อำนาจของพวกเขาศักดิ์สิทธิ์ขึ้นแม้แต่น้อย”
และ…
“ไม่ว่าจะพอใจหรือไม่พอใจต่อการเคลื่อนไหวทางการเมืองของคนรุ่นใหม่ในเวลานี้
พวกเขาก็เหมือนเราทุกคน คือล้วนเป็นผลผลิตของความเปลี่ยนแปลงที่กระทบถึงชีวิตของตนทั้งนั้น
จะก่นด่าประณามคนรุ่นใหม่ด้วยค่านิยมไทยๆ สมัยก่อนอย่างไร
พวกเขาก็ได้เปลี่ยนไปแล้ว อย่างเดียวกับที่เราก็เปลี่ยนไปเช่นกัน
ปัญหาอยู่ที่ว่า เราทุกฝ่าย จะปรับตัวรับกับความเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมนี้อย่างไรต่างหาก…”
รําลึก 14 ตุลาคม 2516 ซึ่งเป็นการลุกฮือของเยาวชนคนรุ่นใหม่
ด้วยการอ่าน “ฐานทางความคิดของการเปลี่ยนแปลง” ของนิธิ เอียวศรีวงศ์
ย่อมมากด้วย “รสชาติ” อย่างแน่นอน