การเมืององศาเดือด แค่ลมพัดประตูสั่นยังตกใจ/ลึกแต่ไม่ลับ จรัญ พงษ์จีน

จรัญ พงษ์จีน

ลึกแต่ไม่ลับ

จรัญ พงษ์จีน

 

การเมืององศาเดือด แค่ลมพัดประตูสั่นยังตกใจ

 

ในที่สุด “บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี ก็ “คายแก้ว” เซ็นลงนามในคำสั่ง คืน 4 กรม ได้แก่ “กรมพัฒนาที่ดิน-กรมฝนหลวงและการบินเกษตร-สำนักงานการปฏิรูปที่ดินฯ-องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร” ผ่องถ่ายกลับคืนให้ไปอยู่ในการกำกับดูแลของ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” รองนายกฯ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เหมือนเก่า

หัสเดิม 4 กรมเคยอยู่ในความรับผิดชอบของ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ แต่พอ “นายกฯ ตู่” มีแกล้งทำปืนลั่น จนอีกฝ่ายไส้แตก ด้วยการปลดฟ้าผ่า การกำกับดูแล จำต้องถ่ายโอนไปให้อยู่ใต้อาณัติของ “รองอู๊ดด้า” ชั่วคราว ตามสายบังคับบัญชา ที่ “ว่าการ” เป็นลูกข่ายประชาธิปัตย์

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว “พล.อ.ประยุทธ์” แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่ง “บิ๊กตู่” มอบหมายงานและมอบอำนาจให้ 4 กรมดังกล่าวมาขึ้นตรงกับ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกฯ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) “ลุงป้อม” ยิ้มไม่หุบ ที่ได้ของเล่นใหม่

โดย “นิตินัย” 4 ภารกิจที่งอกเพิ่มขึ้นมาใหม่ ให้อยู่ภายใต้การพิจารณากลั่นกรองของ “บิ๊กป้อม” เป็นด่านสุดท้ายก่อนชงเข้า ครม. แต่ “พฤตินัย” มีการคาดเดากันว่า “ผู้กองธรรมนัส” อาจจะทำหน้าที่ “รัฐมนตรีเงา”

การถ่ายโอนอำนาจดังกล่าว ตามเนื้อผ้า น่าจะโอเคซิกาแร็ต ซอฟต์ๆ ชิล ชิลจบกันไป เพราะเป็นไปตามโควต้าเก่าของ “พปชร.” ไม่น่าจะมีอะไรสลับซับซ้อน ส่งอำนาจคืนสู่เจ้าของเดิม เปลี่ยนแค่ “ตัวบุคคล”

แต่กลับไม่ยังงั้น ประชาธิปัตย์ส่งลูกแถวมาฟาดงวงฟาดงา ตีโพยตีพาย ขู่จะทลายห้าง อ้างว่า “นายกฯ ตู่” ไม่ให้เกึยรติ มองไม่เห็นหัว ไร้มารยาท

อีกพวกส่งเสียงคำรามฟอดๆ ปล่อยข่าวถึงขนาดว่าจะลงมติสวนเช็ลบิล เอาคืนในสภาผู้แทนราษฎร ที่จะเปิดประชุมในวันที่ 1 พฤศจิกายน ซึ่งมีกฎหมายสำคัญรอโหวตอยู่หลายฉบับ

หนึ่งที่เสียวตาปลามากที่สุดคือ “พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติโรคติดต่อ” กับมติขยายเพดานหนี้สาธารณะ จากเดิมร้อยละ 60 เป็น 70

หากประชาธิปัตย์คว่ำกระดานจริง รัฐบาล “บิ๊กตู่” ต้องซาโยนาระ เก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋ากลับบ้านเก่าสถานเดียว

ปกติ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ไม่เคยกลัวใครขู่ ขณะเดียวกัน ประชาธิปัตย์ระยะหลังๆ ใจปลาซิวปลาสร้อย ลมพัดแค่ประตูสั่นยังตกใจ

กับ “พล.อ.ประยุทธ์” อย่าถึงขนาดยื่นคำขาด คำขู่เลย แม้แต่ “เงา” ยังไม่กล้าเหยียบ แต่คาบนี้โลกกลับตาลปัตร มามาดใหม่กันทั้งไปทั้งกลับ ประชาธิปัตย์เสพดีหมี หัวใจใหญ่กว่าตับมากขึ้น ขณะที่ “พล.อ.ประยุทธ์” พ.ศ.ปัจจุบัน เปลี่ยนผันไป สิวขึ้นเม็ดเดียวกระวนกระวาย

สุดท้ายดังที่เห็น “พล.อ.ประยุทธ์” ยอมยกธงขาว โยนผ้าส่งมอบ 4 กรมในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้กลับไปอยู่ในการกำกับดูแลของ “รองจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” อีกครั้ง ท่ามกลางความดีอกดีใจของเหล่าสาวกประชาธิปัตย์

 

อีกมุมบนเวทีเดียวกัน “ลุงป้อม” นั่งคอตกคายฟันยาง กัดกรามกรอดๆ ด้วยความเจ็บปวด ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน เพิ่งจะได้ไชโยโห่หิ้วกิ้วๆ ห่าว ได้ 4 กรมมาปลอบขวัญ แต่ดีใจไม่ทันข้ามวัน ขี้หักใน โดนผู้น้องยึดกลับไปยกแพ็กเกจ

ความรัก ความผูกพันอันยืดยาว เหลือแต่เชือกเส้นเล็กๆ บางๆ โยงเอาไว้แล้วเท่านั้น รอวันขาดผึง

มีปมร้าวลึก แผ่รังสีอำมหิตเข้ามาลูกแล้วลูกเล่า มิมีที่สิ้นสุด ปม 4 กรมของกระทรวงเกษตรฯ ก็เรื่องหนึ่ง

ประเด็นใน พปชร.ก็ใช่ย่อย ตามข้อตกลงเดิมที่เปิดอกคุยกันระหว่าง “พี่น้อง 3 ป.”

“พี่ใหญ่” เปิดไฟเขียวให้ “น้องเล็ก” ส่งมือโปรไปดูลู่ทางลมในพรรค โดย “บิ๊กตู่” ผลักดัน “พีระพันธุ์ สาลีรัฐภาค” ที่ปัจจุบันดึงมาช่วยงานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีอยู่หลายเรื่อง

และอีกไม่กี่วันต่อไป “บิ๊กฉิ่ง-ฉัตรชัย พรหมเลิศ” จะตามไปติดๆ แต่เกิดรายกายบ๊วยติดคอหอย เมื่อ พปชร.ที่ “พี่ป้อม” เป็นหัวหน้าพรรค ไม่มีตำแหน่งสลักสำคัญมอบหมายให้ ได้นั่งแค่ “ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค” กึ่งแม่บ้าน

ดีกว่าเทกระโถน กับเย็บปักถักร้อยเล็กน้อย

ดีลลับห้องสีเหลือง ตึกไทยคู่ฟ้า มีอันพับฐานไปโดยปริยาย

ปมต่อมา “บัญชีชื่อนายกรัฐมนตรี” ทาง “พล.อ.ประวิตร” ยืนยันหนักแน่น เสียงแข็ง “พลังประชารัฐ” ชักตะพานแหงน ส่งชื่อ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” เข้าประกวดเหมือนเดิมทุกประการ

แต่เนื่องจากเหตุบ้านการเมืองใน พ.ศ.ปัจจุบัน มีกับดักสุ่มเสี่ยงอยู่หลายจุด

โดยเฉพาะประเด็น “นายกฯ 8 ปี” ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 158 วรรคสี่ ที่ระบุว่า “นายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกิน 8 ปีมิได้ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการดำรงตำแหน่งติดต่อกันหรือไม่ แต่มิให้นับรวมระยะเวลาในระหว่างที่อยู่ปฏิบัติหน้าทื่ต่อไปหลังพ้นตำแหน่ง”

“วาระนายกฯ 8 ปีของ พล.อ.ประยทธ์”…หากนับจากจุดสตาร์ต “ตู่ 1” หลังรัฐประหารปี 2557 กับ “ประยุทธ์ 2” หลังเลือกตั้ง 2562 แม้จะคนละฉบับ แต่อาจจะโดนเช็กบิล ไม่ว่าจะติดต่อกันหรือไม่

หากส่งประเด็นดังกล่าวให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาด “บิ๊กตู่” ติดกับดัก จอดป้ายในช่วงเวลาปีกว่าๆ แล้วเท่านั้น

จากเงื่อนไขรัฐธรรมนูญมาตรา 158 ทางพรรคพลังประชารัฐแก้เกมกันเหนียวเอาไว้ โดยในคาบนี้จะไม่ส่งชื่อ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” เป็นนายกรัฐมนตรีคนเดียวโดดๆ

จะส่งชื่อ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” แถมพ่วง เป็นบัญชีชื่อคนที่ 2 ประกบติด

มีข่าวว่า ทั้งปม “พีระพันธุ์” และประเด็น “บัญชีชื่อนายกฯ 2 คน” ทำให้ “พล.อ.ประยุทธ์” เกิดคลื่นแทรก ลมปราณแปรปรวน เลยออกมาตอบโต้ด้วยอาวุธเบา ยึดคืน 4 กรมไปใส่พานให้ประชาธิปัตย์ หมากกระดานถัดไป น่าจะแยกวงไปต่อพรรคการเมืองใหม่ ร่วมกับ “พี่รอง-พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา”

“พี่ป้อม” คงไม่รอช้า น้ำพายเรือได้ก็คว่ำเรือได้เช่นเดียวกัน

“กฎหมายสำคัญ” ที่จะเข้าชี้ขาดในสภา ไม่ว่าจะ พ.ร.ก.-เพดานเงินกู้-พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ

“พปชร.” สายบ้านป่ารอยต่อฯ ที่ “ผู้กองธรรมนัส” คุมบังเหียน

ก็พร้อมที่จะแหกด่านมะขามเตี้ยคว่ำกระดานจมเรือได้เหมือนกัน

เดือนพฤศจิกายน การเมืองน่าองศาเดือด ปรอทแตก ตาอย่ากะพริบครับพี่น้อง