แม้ ‘ประยุทธ์’ เสียงแข็งไม่ปรับ ครม. แต่สารพัด ‘สูตร’ สะพัด ลือ ‘พี่ป้อม’ คุม ‘มท.’ แทน ‘ป๊อก’/บทความในประเทศ

บทความในประเทศ

 

แม้ ‘ประยุทธ์’ เสียงแข็งไม่ปรับ ครม.

แต่สารพัด ‘สูตร’ สะพัด

ลือ ‘พี่ป้อม’ คุม ‘มท.’ แทน ‘ป๊อก’

 

หลังจากฮึ่มกันมา 2 อาทิตย์ ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ กับ ‘พล.อ.ประยุทธ์ จันโอชา’ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 254/2564 โดยผ่านมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) มอบอำนาจให้ ‘พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรณณ’ รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแล 4 กรมของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ประกอบด้วยกรมพัฒนาที่ดิน กรมฝนหลวงและการบินเกษตร สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ที่เดิมเคยอยู่ในการกำกับดูแลของ ‘ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า’ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

เมื่อ ร.อ.ธรรมนัสถูกเขี่ยพ้นเก้าอี้ นายกฯ จึงตัดสินใจยกกรมทั้ง 4 ให้ พล.อ.ประวิตรดูแล เพื่อเป็นไปตามโควต้าของพรรคพลังประชารัฐ

แต่การบริหารราชการแผ่นดินในลักษณะนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพราะ ‘จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์’ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นผู้กำกับดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

จนทำให้คนในพรรคประชาธิปัตย์แสดงความไม่พอใจรายวัน ถึงการก้าวล่วงดังกล่าว ถึงขั้นที่ ‘อลงกรณ์ พลบุตร’ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ต้องออกมากระแทกถึงมารยาททางการเมือง และการอยู่รวมกันของพรรคร่วมรัฐบาล

สุดท้ายนายกฯ ก็ต้องเปลี่ยนใจ โดย พล.อ.ประยุทธ์ได้ลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 267/2564 เรื่อง ยกเลิกคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ตามที่ได้มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 254/2564 โดยให้จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ กำกับดูแลตามเดิม

ดังนั้น หาก พล.อ.ประยุทธ์ต้องการให้ 4 หน่วยงานกลับมาอยู่ในความดูแลของพรรคพลังประชารัฐอีกครั้ง พล.อ.ประยุทธ์ก็จำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยแต่งตั้งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มาทำหน้าที่แทน ร.อ.ธรรมนัสที่ถูกเขียทิ้งไปพร้อมๆ กับนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ที่พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงานในคราวเดียวกัน

 

จากเก้าอี้รัฐมนตรีที่ว่างอยู่ 2 ตำแหน่ง ทำให้มีกระแสปรับ ครม.ออกมาเป็นระยะๆ ไม่เพียงปรับ ครม.ตามตำแหน่งที่ว่างอยู่ แต่ข่าวลือสะพัดว่าเป็นการปรับใหญ่…

บ้างก็ว่า ครม.ตู่ 2/5 มีการทาบทาม ‘ศุภชัย พานิชภักดิ์’ อดีตผู้อำนวยการใหญ่องค์การการค้าโลก มาเป็นรองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน แทน ‘สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์’ ที่ทำผลงาานไม่เข้าตา พล.อ.ประยุทธ์

แต่ไม่ทันข้ามคืน ‘ปริญญ์ พานิชภักดิ์’ รองหัวหน้าพรรคและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจทันสมัย พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะลูกชายของนายศุภชัย ก็ได้ออกมาปฏิเสธกระแสข่าวดังกล่าวทันทีว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด

และอีก 1 คน ที่ในกระแสว่าจะถูกปรับออก คือ ‘ดอน ปรมัตถ์วินัย’ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่มีการระบุว่า มีปัญหาเรื่องสุขภาพ และต้องการพักผ่อน โดยระหว่างนี้อยู่ในช่วงหาบุคคลมาทำหน้าที่แทน และจะแต่งตั้งให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ควบตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีอีก 1 ตำแหน่ง

ในขณะเดียวกันก็มีอีกกระแสว่าจะยกเก้าอี้รองนายกฯ ให้กับ ‘สมศักดิ์ เทพสุทิน’ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อจะได้ดูแลกระทรวงในสังกัดพรรคพลังประชารัฐ และดูแลกลุ่มสามมิตรได้อย่างเต็มที่

นอกจากนี้ ยังมีการเตรียมดันชื่อ ‘พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค’ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย ‘บิ๊กฉิ่ง’ ฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่เพิ่งเกษียณอายุหมาดๆ ได้ขึ้นแท่นรัฐมนตรีอีกด้วย

อีกกระแสก่อนหน้านี้ระบุว่า ‘เสี่ยเฮ้ง’ สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในฐานะกรรมการบริหารพรรค ข้ามหัวหัวหน้าพรรคอย่าง ‘บิ๊กป้อม’ ชงชื่อ ‘สรวุฒิ เนื่องจำนงค์’ ส.ส.ชลบุรี เด็กในคาถา ‘สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ’ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม แกนนำกลุ่มสามมิตร และ ‘อัฏฐพล โพธิพิพิธ’ ส.ส.กาญจนบุรี ให้ถึงมือนายกฯ ด้วยตัวเอง

ทันทีที่ข่าวออกมา ‘เสี่ยเฮ้ง’ ปฏิเสธทันที พร้อมทั้งยืนยันว่ารู้มารยาททางการเมืองดี และมีกาลเทศะพอ

 

ขณะที่อีกกระแสที่มาแรงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ‘ผู้การชาติ’ พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล อดีตประธานยุทธศาสตร์ภาคใต้ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ออกมาระบุว่า เตรียมลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ พร้อมกับสมาชิกนับพันคน โดยจะไปสังกัดพรรคที่ ‘ปลัดฉิ่ง’ ฉัตรชัย พรหมเลิศ ที่ได้ตั้งพรรคชื่อเศรษฐกิจไทย ไว้ซัพพอร์ต ‘บิ๊กตู่’ ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป

แต่ยังไม่ทันจะไปถึงไหน ‘ลุงฉิ่ง’ ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าไม่เคยตั้งพรรคใดๆ และไม่เคยให้สัมภาษณ์เรื่องนี้กับใครทั้งสิ้น

ขณะที่บรรดา 13 ส.ส.ภาคใต้ออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้หนีตาม ‘ผู้การชาติ’ แต่อย่างใด ทำให้บรรดาลูกพรรคพลังประชารัฐ โดยเฉพาะ ‘สิระ เจนจาคะ’ ส.ส.กทม. ออกมาขย่ม พร้อมยื่นใบลาออกให้เซ็นถึงเมืองสงขลา

ทว่าล่าสุดกระแสข่าวปรับ ครม.ลอยมาอีกครั้ง งานนี้ว่ากันว่าเป็นกลยุทธ์ของ ‘ผู้กองธรรมนัส’ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ที่พยายามผลักดันให้ ‘บิ๊กป้อม’ ในฐานะหัวหน้าพรรค ไปคุมบังเหียนกระทรวงคลองหลอดแทน ‘บิ๊กป๊อก’ เพื่อที่จะได้คุมกำลังพลในกระทรวงมหาดไทยกว่า 2 แสนชีวิต ทั่วทุกภูมิภาค รองรับการเลือกตั้ง ที่ปี่กลองเริ่มบรรเลงขึ้นแล้ว

เพราะถ้า ‘บิ๊กป้อม’ คุมกระทรวงมหาดไทยได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด โอกาสคว้าชัยชนะในสนามเลือกตั้งกลับมาเป็นเสียงข้างมาก จัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้อีกครั้ง เพราะที่ผ่านมา ‘บิ๊กป๊อก’ ไม่ได้ทำเพื่อพรรคพลังประชารัฐเลย

สูตรนี้ชงให้ย้าย ‘บิ๊กป๊อก’ ไปนั่งรองนายกฯ ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดย ‘บิ๊กตู่’ จะนั่งนายกฯ เพียงตำแหน่งเดียว

 

แม้จะมีสูตรปรับ ครม.ออกมามากมาย ล่าสุดเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ป.ประยุทธ์ยังยืนยันชัดเจนว่าจะไม่มีการปรับ ครม.ใดๆ ทั้งสิ้น ขณะที่ ป.ป้อมยืนยันอีกครั้งว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่เคยหารือเรื่องการปรับ ครม. โดย ป.ป๊อกก็ยืนยันเช่นกันว่าไม่มีการปรับ ครม.ชัวร์

เป็นการประสานเสียงจาก 3 ป. ผู้เป็นใหญ่ในรัฐบาล ที่การันตีว่าไม่มีการปรับ ครม.

แต่ก็ยังมีเสียงแว่วว่าหากจะมีการปรับจริง อาจจะปรับในช่วงปลายปี หรือหลังปีใหม่ไปแล้วเพื่อเกลี่ยตำแหน่งให้กับพรรคพลังประชารัฐ ส่วนตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของ ‘บิ๊กป๊อก’ นั้น ไม่มีการปรับเปลี่ยนแน่นอน

แต่จะยุบสภาก่อนหรือไม่นั้น ไม่มีใครรับประกันได้ แต่อย่างน้อยก็ได้เคลียร์ใจกับพรรคประชาธิปัตย์ จนเข้าอกเข้าใจกันแล้ว จึงพอลดแรงเสียดทานจากเสียงขู่พิจารณาการร่วมรัฐบาลได้เป็นอย่างมาก

ทำให้ ‘บิ๊กตู่’ พอหายใจหายคอได้บ้าง ว่าหลังเปิดสภาแล้ว เมื่อกฎหมายการเงินเข้าสู่ที่ประชุมสภา มือในสภาจะยังไม่หายไปไหน

เว้นแต่คนในพรรคพลังประชารัฐจะเล่นงานกันเสียเอง