วันที่แสงอาทิตย์ “ส่อง” ถึง

ฉันสัมผัสคำว่า “เรา” ได้ในวันนั้น

วันที่ฉันบอกว่าฉันต้องการโคมไฟหัวเตียงไว้อ่านหนังสือ

และเธอตอบแค่ว่า, อย่าลืมซื้อปลั๊กต่อด้วย เดี๋ยวสายไฟยาวไม่พอ

เรากลับห้อง เธอแกะกล่องโคมไฟ ใส่หลอดไฟให้ จัดวางและลองเปิดให้ฉันทดสอบแสง

แสงนั้นอบอุ่นนวลตา

แต่ไม่เท่ากับความอบอุ่นที่ก่อขึ้นในใจ

 

“ไม่มีใครเป็นเจ้าของดวงอาทิตย์” เล่าถึงจักรวาลความสัมพันธ์ของเพื่อนรัก คนรัก และคนที่ไม่ได้รัก เป็นชิ้นส่วนความทรงจำที่ปะติดปะต่อขึ้นจากการหมกมุ่นในการโคจรรอบตัวเอง การคาดหวังความเป็นหนึ่งเดียว รักที่อยู่นอกสายตา ความขัดแย้งภายในใจ การเรียนรู้และยอมรับ*

รวมถึงการไม่เรียนรู้และไม่ยอมรับเช่นกัน

ฉันวัดความรักด้วยอะไรแบบนี้

การรู้คำตอบก่อนที่ต่างฝ่ายจะถาม

การรู้ปฏิกิริยาที่แต่ละคนจะมีกับแต่ละเรื่อง

การสัมผัสแตะต้องอย่างเต็มไม้เต็มมือ

การรู้จังหวะพลิกตัวนอนหลับเคียงกัน

การสำรวจร่างกายของอีกฝ่ายไปได้ทั่วทุกตารางนิ้ว เป็นเจ้าข้าวเจ้าของ เธอเป็นของฉัน ของฉันเท่านั้น

มันมีความงดงามบางอย่างที่ยังหาชื่อเรียกระบุไม่ได้อยู่ในการร่วมรัก

ห้วงขณะที่สบตากัน การกลั้นหายใจ ความไปได้เป็นหมื่นๆ หนทางของการสัมผัสลดลงเหลือเพียงเส้นทางเดียว

การร่วมรัก

 

มันคืออะไรก็ไม่รู้ที่ล่องลอยอยู่ในมวลอากาศของห้องที่ทำให้ฉันรู้สึกสงบเวลาย่างเหยียบเข้ามา

อาจเป็นความธรรมดาที่สุดของมันก็ได้

มีข้าวของแบบที่พบเห็นและหาได้ทั่วไป

สิ่งที่พิเศษที่สุด ที่หาไม่ได้จากที่อื่นคือเธอ

 

เธอโคจรอยู่รอบๆ ห้อง เก็บเสื้อผ้า กวาดพื้น ยกพัดลมให้หันมาทางฉันเพราะเธอรู้ดีว่าฉันขี้ร้อนขนาดไหน และพร้อมจะผลิตเหงื่อมากมายออกมาจนตัวเปียกชุ่มได้ในไม่กี่นาทีที่ขาดกระแสลม เดินไปหยิบที่เขี่ยบุหรี่ที่มีแต่ก้นบุหรี่จากฉันไปทิ้ง เดินไปจุดเทียนหอม เอาผ้าเช็ดตัวฉันไปผึ่งแดด

เธอไม่ทำให้ฉันเกลียดตัวเอง ต้องคอยห่มคลุมร่างด้วยข้อด้อยที่ถูกขุดคุ้ยอย่างที่ฉันเคยโดนมา หน้าก็ไม่ดี หุ่นก็ไม่ได้ ชุดที่ใส่ก็แสนจะเชย

ฉันสวยเสมอ แม้เธอจะไม่ได้บอกทุกครั้ง

แต่เธอทำให้ฉันรู้

“ไม่รู้ดิ ไม่ว่าคบกับใคร ดีแค่ไหน ก็คิดภาพอยู่ด้วยกันสร้างครอบครัวไรงี้ไม่ออกเลย” ฉันบอก “รู้สึกว่าพวกที่บอกว่าจะอยู่กันจนแก่ อยู่จนตาย ทั้งที่เพิ่งคบได้ไม่กี่ปีและยังไม่ได้สัมผัสความแก่จริงๆ คือเพ้อเจ้ออะ จะรู้ได้ไงว่าเราจะทนความแก่ ลงพุง หัวล้าน ปากเหม็นได้จริงๆ ถ้าวันนี้ที่อยู่ด้วยกันเรายังมีแต่ความสวยงาม”

“ก็จริง”

“แต่ความรู้สึกที่ว่าอยากอยู่กับคนนี้ ความรู้สึกเหมือนได้เจอบ้าน มันดีนะ ไม่ปฏิเสธ”*

 

มันคงจะมีวันสิ้นสุดลง จะด้วยอะไรก็ตามแต่

ฉันแก่เกินกว่าจะยอมรับว่าความดีงามที่เกิดขึ้นจะเป็นนิรันดร์

แต่มนุษย์เราก็เฝ้าฝันอยู่เสมอ

ว่าเราคู่ควรกับความดีงามบางอย่าง

เรื่องพิเศษที่มนุษย์ผู้อดทนต่อความทุกข์อย่างเราสมควรได้รับ

-ใช่, มันต้องเริ่มจากการรักตัวเองก่อน- ใครๆ ก็พูดกันแบบนั้น

แต่เราจะเริ่มได้ยังไงถ้าเราถูกหล่อเลี้ยงไว้ด้วยความรู้สึกว่าเรานั้นธรรมดาเหลือเกิน ดาษดื่นเหลือเกิน เป็นเพียงผงเล็กจ้อยในจักรวาล

แต่แสงอาทิตย์ก็ไม่เคยเลือกวัตถุที่ส่องถึง

วันเวลานั้นคงต้องเป็นของเราบ้างในสักวัน


*ข้อความจากในหนังสือ