เรื่อง ‘เบื่อชีวิต’ ของแน็ก ชาลี และห้วงเวลาที่ต้องเติบโตเป็นผู้ใหญ่/รายงานพิเศษ

รายงานพิเศษ

 

เรื่อง ‘เบื่อชีวิต’

ของแน็ก ชาลี

และห้วงเวลาที่ต้องเติบโตเป็นผู้ใหญ่

 

ตอนแสดงหนังเรื่อง ‘แฟนฉัน’ อันเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิต แน็ก-ชาลี ไตรรัตน์ บอกว่า เขาเพิ่งอายุได้ราวๆ 9 ขวบ แต่เผลอไปได้แป๊บเดียว ตอนนี้ก็กลายเป็นคนอายุ 28 ปี ที่มีความสุขดี แต่ไม่ค่อยมีเงิน เพราะก่อนหน้านี้เลือกที่จะดำเนินชีวิตแบบหาได้แค่ไหน ก็ใช้ไปเท่านั้น

ซึ่งดูเหมือนหลายคนจะไม่เห็นด้วย-เขาบอก พร้อมยกหลักฐานที่เคยเห็นมาเล่า

“คนด่าว่าอายุขนาดนี้แล้วยังคิดอะไรไม่ได้อีกเหรอ เรื่องใช้เงิน เรื่องรับงานบ้าง ไม่รับบ้าง คือเอาจริงๆ ผมรู้ทุกอย่าง ว่าควรทำอย่างไร แต่เรามีความสุขกับการใช้ชีวิตแบบนี้”

การเข้าวงการบันเทิงตั้งแต่เล็ก ในมุมมองของแน็ก เขาว่ามีทั้งข้อดีและข้อที่ตรงกันข้าม

“ข้อดีคือทำให้เราได้ประสบการณ์ ได้อะไรหลายอย่าง ตอนอายุ 9 ขวบ เด็กคนอื่นอาจยังไม่มีอะไร แต่เราได้ทุกอย่างที่เราต้องการหมดแล้ว”

“ส่วนข้อเสียคือมันทำให้เบื่อมาก เบื่อทุกอย่าง เพราะเรามีทุกอย่างมาหมดแล้ว เบื่อสุดชีวิต เหมือนไม่มีอะไรให้ทำ ไม่มีอะไรที่อยากทำแล้ว”

เบื่อมายาวนาน ตั้งแต่อายุได้ 17 ปี

 

“ผมรู้สึกว่าช่วงอายุ 17 ผมทำมาหมดทุกอย่างแล้ว คนหลายคนไม่มีทางเข้าใจเลย ผมบอกเขาว่าตอนนี้เบื่อชีวิตมาก ไม่มีอะไรทำแล้ว คนจะบอกไม่จริงหรอก บนโลกมีอะไรทำเยอะแยะ”

“ต้องมาเป็นผมก่อน จะรู้ว่ามันไม่เหลืออะไรให้ทำแล้วจริงๆ”

“ผมขับรถยันเครื่องบิน ไปมันทุกที่ ต่างประเทศไปมาหมดทุกอย่าง จนตอนนี้ไม่มีอะไรทำแล้ว แค่ออกกำลังกายยังทำไม่ได้เลย ทั้งที่ตั้งแต่เด็กผมออกกำลังกายทุกวัน ว่างไม่ได้ ต้องตีลังกา วิดพื้น ตอนนี้แค่เดินออกกำลังกาย ยังไม่ได้ ร่างกายมันไม่รับจริงๆ”

“เป็นอะไรที่แย่ๆ มากนะครับ แล้วมันไม่มีทางออก จัดการไม่ได้”

“เพราะว่าถ้าจัดการได้ เราก็คงไม่เป็นแล้ว” แน็กบอกพลางยิ้มอ่อน

อย่างไรก็ดี แฟนๆ ไม่ต้องเป็นห่วงกังวล เพราะแม้บ่นว่าเบื่อ แม้จะบอกว่าไม่เหลืออะไรให้ทำ แต่ในใจเขาก็ยังมีเรื่องดนตรีที่ชอบมาก และอยากทำให้ประสบความสำเร็จ

“อยากหนีไปเป็นนักร้อง นักดนตรี แต่สุดท้ายก็ต้องกลับมาทำหนัง เพราะว่าหนัง ละคร รีวิว เป็นทางให้มีรายได้”

“จริงๆ ความฝันตอนเด็กของผมคืออยากเป็นนักบิน อยากเป็นนักแข่งมอเตอร์ไซค์” นึกถึงอดีตแล้วแน็กก็หัวเราะเบาๆ

แล้วว่า พอโตมาถึงได้รู้ ว่าอันที่จริงไม่ต้องเป็นนักบิน แค่ได้ขึ้นเครื่องในฐานะผู้โดยสารบินไปไหนมาไหนก็สุขได้เหมือนกัน เช่นเดียวกับเรื่องมอเตอร์ไซค์ที่แค่ได้ซื้อคันที่ชอบสะสมไว้ แล้วใช้ขับขี่ในชีวิตประจำวัน ไม่ต้องลงสนามแข่งขันก็ทำให้ฟินพอ

“ตอนอายุ 14 ขาผมถึงข้างเดียว ก็ออกตัว 1,000 ซีซีเลย”

จากนั้นก็ซื้ออีกเรื่อยๆ เรื่อยๆ

“แล้วเป็นคนเก็บของไม่ดี รถมอเตอร์ไซค์หรูๆ ซื้อมาขับแป๊บเดียว จอดตากแดดจนมันพัง ไม่เสียดาย จนตอนนี้เพิ่งรู้สึก ขาดทุนย่อยยับ”

“ไม่น่าเลย”

“ทำตัวเองทั้งนั้น”

 

เรื่องทำตัวเองที่ว่า แน็กบอกไม่ได้มีเฉพาะแค่เรื่องมอเตอร์ไซค์ แต่ “มันหลายอย่างมาก”

หนึ่งในนั้นคือเรื่องของงานที่ “มีโอกาส ก็ไม่เอา ทิ้งโอกาสหลายครั้งมาก”

อย่างไรก็ตาม “โชคดีจริงๆ ตรงที่อยากทำอะไร อยากทำงานเมื่อไหร่ ก็ได้ทำ เป็นอะไรที่แปลกมาก”

“แต่ข้อนี้ผมก็รู้ตัวนะ ว่าอีกสักพักอาจจะไม่ได้แล้ว แต่ผมไม่กลัวตรงที่ผมชอบคิดงานเอง สมมุติว่าวันหนึ่งผมหยุดทำงานนักแสดง ผมก็เอาตัวรอดได้ อาจจะไปทำเบื้องหลัง ตังค์น้อย แต่ก็มีงานทำ ไม่ได้รู้สึกกังวลอะไร หรือใครจะว่าอะไร ผมก็ไม่ได้สนใจ”

แต่ “ผมไม่ชอบคอมเมนต์เดียวที่บอกว่า เดี๋ยววันหนึ่งจะต้องกลายเป็นนักแสดงที่ฝากมาช่วยเปิดรับบริจาค”

“จำคำของผมไว้เลยนะ” เขาประกาศด้วยท่าทางจริงจัง

“ผมจะไม่มีวันเป็นอย่างนั้น ต่อให้วันหนึ่งไม่มี จนผมต้องตาย ผมจะไม่ขอรับตังค์ใครที่มาบริจาคเด็ดขาด เพราะผมคิดชีวิตผมไว้แล้ว ว่าจุดจบของชีวิตผมอาจจะไปเป็นคนข้างถนนก็ได้ หรือผมอาจจะทิ้งชีวิตของผมทั้งหมดให้สัตว์บนโลกที่เราพยายามจะช่วยเหลือให้มากที่สุด อาจจะไปอยู่ในมูลนิธิที่ทำเพื่อสัตว์จริงๆ”

“แค่นั้นที่ผมคิด”

สำหรับแนวทางชีวิตที่วางไว้ตอนนี้ แน็กบอกว่า ความที่อายุใกล้จะ 30 เต็มที จึงตั้งใจว่า “จะต้องตั้งหลักดีๆ” จะปรับวิธีใช้ชีวิตใหม่

“ลองทำชีวิตให้เหมือนผู้ใหญ่บ้าง จะเก็บตังค์ จะตั้งใจทำงาน”

เป็น ‘New แน็ก’ ที่ทุกคนจะได้เห็น