ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 1 - 7 ตุลาคม 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ |
ผู้เขียน | หนุ่มเมืองจันท์ |
เผยแพร่ |
ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ
หนุ่มเมืองจันท์ / www.facebook.com/boycitychanFC
5 ตุลาฯ และ ‘ฟ้าสาง’
ผมเพิ่งอ่านหนังสือ “เกิดเดือนตุลา” ของ “สุธรรม แสงประทุม” จบ
เรื่องนี้เคยลงเป็นตอนๆ ใน “มติชนสุดสัปดาห์” ในปี 2544
รวมเล่มครั้งแรกกับสำนักพิมพ์มติชนในปี 2555
และเพิ่งพิมพ์ใหม่กับสำนักพิมพ์แสงดาวของพี่จรัญ หอมเทียนทอง ในปี 2563
ตอนที่ลง “มติชนสุดสัปดาห์” ผมก็ตามอ่านทุกตอน
แต่วันนี้ที่ซื้อฉบับพิมพ์ครั้งล่าสุดเพราะอยากอ่านซ้ำอีกครั้ง
เรื่องเดิมเมื่อกลับมาอ่านใหม่ในเวลาที่แตกต่างกัน
ความรู้สึกที่ได้รับไม่เหมือนเดิม
ก่อนหน้านี้มีน้องคนหนึ่งที่จัดงานรำลึก 45 ปี 6 ตุลาฯ มาเล่าให้ฟังถึงแนวการจัดงานปีนี้
แทนที่จะพูดถึง “ความสูญเสีย” ในเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 เพียงอย่างเดียวเหมือนทุกๆ ปี
เขาชวนทุกคนหมุนเข็มนาฬิกาย้อนเวลากลับไปสู่ปี 2516-2519 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดช่วงหนึ่งของคนหนุ่ม-สาวยุคนั้น
ทุกคนมีความหวังถึงสังคมที่ดีกว่า
มีความปรารถนาที่จะทำให้สังคมไทยลดความเหลื่อมล้ำ เท่าเทียมกัน
มีหลายกิจกรรมที่คนหนุ่ม-สาวลงมือทำเพื่อสังคม
แต่เรื่องราวเหล่านี้สูญหายไปจากการรับรู้ของคนรุ่นหลัง
น้องๆ ต้องการพูดถึงเรื่องราวเหล่านี้
และที่ตั้งชื่อว่า “5 ตุลาฯ ตะวันจะมาเมื่อฟ้าสาง”
เขาตีความว่า “ความฝัน” ที่งดงามนั้นได้ถูกทำลายให้มลายหายไปในค่ำคืนวันที่ 5 ตุลาคม 2519
ก่อนเหตุการณ์สังหารโหดกลางเมืองจะเกิดขึ้น
…วันที่ 6 ตุลาคม 2519
เมื่อ “ฟ้าสาง”
ผมอ่านหนังสือ “เกิดเดือนตุลา” เพื่อทบทวนว่าคนหนุ่มสาวยุคนั้นทำอะไรกันบ้าง
และความรู้สึกของเขาในวันนั้นเป็นอย่างไร
“สุธรรม” อธิบายว่าหลัง 14 ตุลาคม 2516 เมื่อขบวนการนิสิตนักศึกษาโค่นล้มเผด็จการ “ถนอม-ประภาส” สำเร็จ
นักศึกษากลายเป็น “ความหวัง” ของประชาชนที่ถูกกดขี่
“เสกสรรค์ ประเสริฐกุล” เคยเปรียบเปรยว่า 14 ตุลาคม 2516 เหมือนการเปิดฝาท่อระบายน้ำที่หมักหมมสิ่งสกปรกมากมาย
กลิ่นเหม็นตลบอบอวลคลุ้งไปทั่ว
ขบวนการนิสิตนักศึกษากลายเป็นหัวขบวนในการต่อสู้
“สุธรรม” เล่าว่านักศึกษาลงไปเผยแพร่ประชาธิปไตยในทุกจังหวัด เพราะประเทศไทยถูกปกครองด้วยระบบเผด็จการมายาวนาน
และเมื่อการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
รัฐบาลดึงนักศึกษาให้มาเป็นคณะอนุกรรมการ ลงไปรับฟังความคิดเห็นของประชาชน
และนำความเห็นนั้นมาประกอบในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
มีโครงการกลับสู่บ้านเกิดที่จัดโดยทบวงมหาวิทยาลัย กับศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย
เป็นที่มาของการรับรู้ความเดือดร้อนของประชาชน
“สุธรรม” ได้รู้ว่าช่วงการปราบปรามคอมมิวนิสต์อย่างหนักในปี 2514-2515 ที่พัทลุง
ใครที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์จะถูกจับไปฆ่า
จับขึ้นเขา เผาลงถัง
หรือจับขึ้นเฮลิคอปเตอร์แล้วถูกถีบลงมา
“ผมไม่อยากเชื่อว่านี่เป็นการกระทำของมนุษย์ ของคนไทยที่กระทำต่อมนุษย์ ต่อคนไทยด้วยกันเอง
พาตัวเองย้อนกลับไปในวันนั้น ผมยังอายุไม่เต็ม 20 ยังเด็กเหลือเกิน แต่เด็กอย่างผมและเพื่อนนักศึกษาด้วยกันต้องมารับรู้ทุกข์เข็ญความไม่เป็นธรรมที่คนไทยมีต่อคนไทย
เราฆ่าสัตว์เพื่อเป็นอาหาร
เราฆ่าคนเพื่ออะไร?
เป็นคำถามที่ปวดร้าวขมขื่นเกินไปที่จะคิดและตอบ”
“สุธรรม” คงไม่คิดว่าเรื่องเลวร้ายที่ได้รับฟังมาในวันนั้น
เขาจะได้เจอสิ่งที่โหดเหี้ยมกว่ากับตัวเอง
ในวันที่ 6 ตุลาคม 2519
“โชคดีที่ผมยังมีชีวิตยืนยาวจนได้มีโอกาสพบและได้มีโอกาสเห็นสิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นในชีวิต
นั่นคือ ได้พบเห็นสัมผัสการเคลื่อนไหวของนิสิต นักศึกษา และประชาชนรุ่นใหม่ชุมนุมแสดงพลังเรียกร้องต่อผู้มีอำนาจ โดยเสนอปัญหาและยื่นข้อเรียกร้องแหลมคมตรงประเด็น
ซึ่งคนรุ่นผมไม่กล้าคิดและทำมาก่อน”
“สุธรรม แสงประทุม” เขียนในคำนำผู้เขียนฉบับพิมพ์ครั้งใหม่ด้วยความหวังกับคนหนุ่ม-สาวในวันนี้
“การปะทะของแรงเคลื่อนอันเป็นพลังแห่งอนาคตกับคลื่นลูกเก่าซึ่งมีอำนาจรัฐที่ได้มาด้วยการใช้กำลังอาวุธและกลไกราชการหล่อเลี้ยงรองรับ หยั่งรากในสังคมไทยอย่างยาวนานคงไม่จบอย่างง่ายๆ”
และหนึ่งในเรื่องราวที่กลายเป็นประวัติศาสตร์ที่คนรุ่นใหม่สนใจ
คือ เหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519
ตั้งแต่ MV ของเพลง “ประเทศกูมี” ใช้ฉากเก้าอี้ตีศพที่ต้นมะขาม
หนึ่งในภาพจำความโหดร้ายของ 6 ตุลาคม 2519
คนหนุ่ม-สาวเริ่มสนใจหาข้อมูลของประวัติศาสตร์ที่ถูกลบเลือนไปจากตำรา
น้องที่ทำโครงการ” 5 ตุลาฯ ตะวันจะมาเมื่อฟ้าสาง” ก็คงคิดคล้ายกัน
เขาต้องการเชื่อมระหว่าง “ปัจจุบัน” กับ “อดีต”
อยากให้ทุกคนได้ตระหนักว่าคนหนุ่ม-สาวในวันนั้นกับคนหนุ่ม-สาวในวันนี้
ทุกคนมี “ความฝัน” ที่ไม่แตกต่างกันเลย
อยากเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้น
ทำ “พรุ่งนี้” ให้ดีกว่า “วันก่อน”
ด้านหนึ่ง เหมือนนำประวัติศาสตร์กระตุ้นเตือนคนหนุ่ม-สาวในวันนี้
แต่ในอีกมุมหนึ่ง มันคือ กระตุ้น “ความจำ” ของคนหนุ่ม-สาวในวันก่อน
ถ้าปี 2519 เขาอายุ 20 ปี
45 ปีผ่านไป
วันนี้เขาอายุ 65 ปี
เป็น “คุณลุง” ของคนหนุ่ม-สาวในวันนี้
ถ้าโครงการ “5 ตุลาฯ ตะวันจะมาเมื่อฟ้าสาง” กระตุ้นความทรงจำในอดีต
วันที่เขาเป็นนิสิตนักศึกษา
เขาเคยคิด
เคยฝันไว้อย่างไร
บางทีคุณลุงเหล่านี้จะได้เข้าใจ “คนหนุ่ม-สาว” วันนี้มากขึ้น
เข้าใจว่าเด็กเหล่านี้ก็คือตัวคุณในอดีต
เราไม่สามารถหยุดยั้ง “ความเปลี่ยนแปลง” ได้
เข็มนาฬิกาต้องเดินหน้าต่อไป
เช่นเดียวกับแสงตะวันแห่งกาลเวลา