สิงหาสับ : วงค์ ตาวัน

วงค์ ตาวัน

เพราะบรรยากาศการเมืองในช่วงเดือนสิงหาคม เป็นที่จับตามองว่า สถานการณ์น่าจะเต็มไปด้วยความร้อนแรง เพียงแต่จะระอุมากน้อยระดับไหน จะเกิดเหตุบานปลายอะไรหรือไม่ หรืออีกด้านอาจจะไม่ถึงขั้นรุนแรงแตกหัก แต่จะกลายเป็นการสะสมก่อนไปแสดงออกอย่างถล่มทลายในอนาคตข้างหน้า โดยเฉพาะต่อผลการเลือกตั้งใหญ่ที่โรดแม็ปของ คสช. กำหนดไว้ว่าจะมีในปี 2561

โดยปัจจัยความร้อนรุ่ม มาจากกรณีบรรดาคดีความที่เกี่ยวข้องกับอดีตนายกฯ หญิง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในเรื่องจำนำข้าว ไปจนถึงคดีอดีตรัฐมนตรี บุญทรง เตริยาภิรมย์ คดีอดีตนายกฯ สมชาย วงศ์สวัสดิ์

มาถึงจุดตัดสินพร้อมหน้าในเดือนเดียวกัน

“สำคัญสุดคือ กรณีนายกฯ หญิงยิ่งลักษณ์ ซึ่งมีฐานมวลชนหนาแน่น และเริ่มแห่กันมาให้กำลังใจมากขึ้นๆ ในการขึ้นศาลระยะหลัง”

ทำให้รัฐบาล คสช. กองทัพ และหน่วยข่าวความมั่นคง ต้องจับตามองอย่างไม่วางใจ

เริ่มจากการนัดแถลงปิดคดีในวันที่ 1 สิงหาคม ซึ่งอดีตนายกฯ ปูจะมาแถลงต่อศาลด้วยตัวเอง ก่อนวันนัดพิพากษา 25 สิงหาคม

ล้วนเป็นวันที่คาดกันว่าจะมีมวลชนหลั่งไหลมามากมาย

“จึงทำเกิดความวิตก ฝ่ายความมั่นคงต้องวิเคราะห์กันหนัก ว่าเป็นเพียงแค่การแสดงออกด้านกำลังใจ หรือกลายเป็นการรวมพลมวลชนที่จะนำไปสู่อะไรหรือไม่!?”

ภาพรวมของเดือนสิงหาคมในทางการเมือง จึงนับเป็นเดือนอันเข้มข้นสุดขีด โดยมีชะตากรรมของนักการเมืองฝ่ายเพื่อไทยและเสื้อแดงเป็นเดิมพัน

จนกล่าวกันว่า บรรยากาศการเมืองแบบนี้ เห็นควรให้รายการทีวีที่เอาหนังใหญ่มาฉาย ทั้งฟรีทีวี ทั้งเคเบิลดาวเทียม ทั้งทีวีบอกรับสมาชิก

“น่าจะเอาหนังแนวสยองขวัญสั่นประสาทเรื่องดัง “สิงหาสับ” มาฉายแบบต่อเนื่องตลอดทั้งเดือน”

เพราะเป็นภาพยนตร์ประเภทช็อกซีนีม่า ที่มีภาคต่อเนื่องถึง 7-8 ภาค

ประสบความสำเร็จมาแล้วในโรงภาพยนตร์ใหญ่ ดึงดูดคอหนังแนวซาดิสต์ทั่วโลก กวาดรายได้มหาศาล เลยต้องสร้างภาคต่อไปเรื่อยๆ สับกันแหลกลาญได้อีกหลายภาค

เอามาฉายทั้ง 7-8 ภาค ให้คนไทยได้ดูกันตลอดเดือนสิงหาคม

น่าจะเหมาะเจาะกับบรรยากาศดุเดือดเลือดพล่านทางการเมือง

เอ่ยคำว่า”สิงหาสับ” ต้องรู้จักกันดีทั่วไป ว่าเป็นหนังโหดอำมหิตวิปริตเกินบรรยาย เรื่องราวของคนร้ายโรคจิตถือเลื่อยไฟฟ้า ไล่หั่นไล่สับผู้คน กลายเป็นศพสยดสยอง ชำแหละเนื้อหนังสุดวิตถาร ฆ่ากันเลือดท่วมจอ

คอภาพยนตร์แนวนี้ในทั่วโลก ประทับใจกันมาก สร้างออกมา เอาเลื่อยไฟฟ้าไล่ฆ่ากันกี่ภาค ก็ตีตั๋วไปดูจนประสบความสำเร็จอย่างสูงด้านรายได้ ทั้งที่เป็นหนังต้นทุนถูกมากๆ

คนที่ไม่ชอบดู ไม่เคยดู ก็ต้องได้เห็นเรื่องราวได้เห็นโปสเตอร์อันมีเอกลักษณ์ของหนังเรื่องนี้ ผ่านทางสื่อต่างๆ

“ย้อนเข้าไปหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต ก็มีมากมายสารพัดเว็บ”

อ้างกันว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากตำนานของชายคนหนึ่ง ซึ่งอยู่ในรัฐตอนกลางของสหรัฐอเมริกา ในครอบครัวเกษตรกร พ่อขี้เมาชอบตบตีลูกซึ่งหมายถึงชายคนนี้กับน้องชาย ขณะที่แม่เคร่งศาสนา ก็พยายามบังคับให้อ่านคัมภีร์ไบเบิล จนต่อมา เมื่อพ่อแม่จากไปด้วยโรคภัย น้องชายก็เสียชีวิต เหลืออยู่คนเดียว เลยเริ่มแสดงออกทางด้านวิปริต ทั้งในเรื่องเพศ เรื่องลัทธิโหดเหี้ยม

ที่สำคัญอ้างว่า ชายคนนี้ลักลอบขโมยศพมาชำแหละ โดยลงมือครั้งแรกในเดือนสิงหาคม อันเป็นที่มาของคำว่าสิงหาสับ

เรื่องราวก็ยังสยองต่อไปอีก เมื่ออ้างว่า ชายคนนี้เริ่มต้องการศพใหม่ๆ มาชำแหละบ้าง เลยเริ่มลงมือฆ่าคน จนกระทั่งถูกตำรวจแกะรอยจับกุมได้ ระหว่างถูกดำเนินคดีมีการวินิจฉัยว่า ป่วยทางจิตประสาท และสุดท้ายไปเสียชีวิตในโรงพยาบาล

กล่าวกันว่า ชายคนนี้มีตัวตนจริง และศพของเขาเก็บเอาไว้ในพิพิธภัณฑ์อีกด้วย

“แต่ที่นำมาสร้างเป็นภาพยนตร์โด่งดังสยองขวัญนั้น มีการแต่งเติมเรื่องเข้าไปมากมายกว่าความเป็นจริง”

โดยสัญลักษณ์สำคัญของหนังก็คือ ชายที่เป็นฆาตกรโรคจิตถือเลื่อยไฟฟ้า เป็นอาวุธฆ่าหั่นชิ้นส่วนอันสยองสุดๆ แถมสวมหน้ากากที่ทำจากหนังของมนุษย์ที่เขาฆ่า

ปรากฏในแผ่นโปสเตอร์หนังที่เป็นเอกลักษณ์ เห็นหน้ากากกับเลื่อยไฟฟ้าเปื้อนเลือดแดงฉาน ก็เป็นอันใช่แน่นอน

ในเว็บไซต์ด้านภาพยนตร์ระบุว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งชื่อภาษาอังกฤษจะนำหน้าด้วยคำว่า The Texas เพราะเรื่องเกิดขึ้นในรัฐเท็กซัส

สร้างออกมาต่อเนื่องถึง 6-7 ภาค

“เมื่อเอามาฉายในบ้านเรา ตั้งชื่อหนังว่าสิงหาสับ จากนั้นก็เป็น สิงหาสับ 1, สิงหาสับ 2, สิงหาสับ 3 แล้วก็เป็นสิงหาต้องสับ, สิงหาสับไม่เลือกรุ่น, เปิดตำนานสิงหาสับ อะไรทำนองนี้”

สนองอารมณ์คนดูหนังแนวนี้ได้อย่างถึงอกถึงใจ

เห็นหรือยังว่าสิงหาสับเหมาะกับเดือนสิงหาคมนี้เช่นไร!

การเมืองไทยในเดือนสิงหาคมหรือสิงหาสับ ต้องนับว่าร้อนปรอทแตกแน่นอน เมื่อตัดสินคดีสำคัญๆ มารวมกันในเดือนนี้ ซึ่งยังไม่มีใครรู้ผลล่วงหน้า และเมื่อปรากฏมีคำพิพากษาออกมา ก็ต้องเคารพและยึดถือ ไม่มีเป็นอื่น

เรื่องผลคดีจึงเป็นประเด็นหนึ่ง ซึ่งไม่มีใครไปก้าวล่วงได้

“แต่เรื่องที่แวดล้อมอยู่รอบคดี ซึ่งจะมีผลในทางการเมือง นั่นเป็นอีกประเด็นที่วิเคราะห์วิจารณ์กันอย่างหนัก”

โดยเฉพาะกรณีอดีตนายกฯ ปู ซึ่งนโยบายจำนำข้าวนั้น ในทางการเมืองถือว่าเป็นนโยบายที่ทำให้ได้คะแนนจากชาวนาอย่างกว้างขวาง

ขณะเดียวกัน นับจากหลังตกเก้าอี้นายกฯ ด้วยการถูกทหารเข้ามายึดอำนาจ จะพบว่าอดีตนายกฯ หญิง ได้วางท่าทีที่ไม่หวั่นไหว ประกอบกิจวัตรประจำวันตามปกติ ออกเดินสายพบปะมวลชนและได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นในทุกที่

แม้ว่าในระยะแรก จะพบข่าวมีหน่วยงานด้านความมั่นคง ติดตามการเดินทางของยิ่งลักษณ์ทุกฝีก้าว อาจจะเพื่อหาข่าว เพื่อสอดส่องในแง่ความมั่นคง แต่หลายคนก็มองว่าเป็นการกดดัน

“ถ้าใจไม่แข็งพอ น่าจะต้องแอบหลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว!”

เพราะมีทั้งคดีหนักๆ จ่อคอ และยังถูกติดตามสะกดดรอยทุกย่างก้าว

แต่ยิ่งลักษณ์ก็ยังยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่มีทีท่าจะหลบหนี

จนกระทั่งเมื่อคดีดำเนินมาถึงจุดสุดท้าย คือ นัดแถลงปิดคดีในวันที่ 1 สิงหาคม ก่อนนัดตัดสินในวันที่ 25 สิงหาคม

“ข่าวทั้งวงนอกวงใน และแม้แต่การเจาะของหน่วยข่าวความมั่นคงเอง ยืนยันตรงกันว่า ยิ่งลักษณ์จะไม่หนีคดีนี้แน่นอน”

ด้วยความที่เป็นนายกฯ สตรี ที่ได้รับคะแนนเสียงถล่มทลายในการเลือกตั้งเมื่อปี 2554 ถึงวันนี้ก็ยังมีแฟนคลับมากมายไปทั่ว สะท้อนผ่านยอดไลก์ในเฟซบุ๊ก

ดังนั้น เมื่อชะตากรรมเข้าสู่จุดยากลำบาก จึงทำให้มวลชนแห่กันมาให้กำลังใจในการขึ้นศาลช่วงหลังๆ มากขึ้นๆ

“จนเป็นที่จับตาว่า ในวันแถลงปิดคดีและในวันตัดสิน จะมากันมากมายขนาดไหน และเริ่มหวั่นเกรงว่าจะเกิดผลบานปลายอะไรหรือไม่!?”

แต่ข้อวิเคราะห์ที่เป็นไปได้มากที่สุดก็คือ

ฐานมวลชนของยิ่งลักษณ์ ของเพื่อไทย หรือเสื้อแดง ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าตลอด 3 ปีที่ผ่านมาของ คสช. ได้ยอมให้ความร่วมมือ ไม่แสดงออกในทางรุนแรง เพราะมีเป้าหมายคือการเลือกตั้ง

“ดังนั้น คดีของยิ่งลักษณ์ จึงไม่น่าจะกลายเป็นชนวนให้มวลชนเคลื่อนไหวรุนแรง”

แต่น่าจะไปมีผลแสดงออกในวันเลือกตั้งที่รอคอยมากกว่า

นี่ก็อาจเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้รัฐบาล คสช. ยังไม่ยืนยันวันเลือกตั้งแท้แน่นอนออกมาเสียที!