Technical Time-Out : เขย่าวงการลูกหนัง ไอเดียผลักดัน จัด ‘ฟุตบอลโลก’ ทุก 2 ปี

ไทม์เอาต์ / Red Monster

 

เขย่าวงการลูกหนัง

ไอเดียผลักดัน

จัด ‘ฟุตบอลโลก’ ทุก 2 ปี

 

เกิดเสียงวิจารณ์หลากหลายแง่มุม เมื่อสหพันธุ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า ผลักดันและศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการจัดฟุตบอลโลกทุก 2 ปี จากเดิมจัดทุกๆ 4 ปี

ไอเดียดังกล่าวมี อาแซน เวนเกอร์ อดีตกุนซืออาร์เซนอล ในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนากีฬาฟุตบอลของฟีฟ่า เป็นผู้ผลักดันคนสำคัญ

คำถามแรกๆ ที่เชื่อว่าน่าจะเกิดขึ้นในใจหลายๆ คน คือ จัดถี่ขึ้น โปรแกรมเตะจะแน่นขึ้นหรือเปล่า

เวนเกอร์ระบุว่า แนวคิดหลักๆ คือปรับปฏิทินการแข่งระดับชาติใหม่ กำหนดช่วงเวลาแข่งขันรอบคัดเลือกที่แน่นอนในช่วงเดียวกันของทุกปี ซึ่งอาจปรับจากเบรกทีมชาติจาก 4 ครั้งเป็น 1 ครั้งในช่วงเดือนตุลาคม

เป้าหมายคือ พยายามลดความทับซ้อนระหว่างโปรแกรมระดับทีมชาติและสโมสร ไม่ต้องคอยพักเบรกทีมชาติเป็นระยะๆ เหมือนปัจจุบัน และยังทำให้นักเตะไม่ต้องเหนื่อยเดินทางบ่อยๆ และมีเวลากับสโมสรต้นสังกัดมากขึ้น

 

เท่านั้นยังไม่พอ ฟีฟ่ายังยกผลสำรวจมาหนุนด้วย ว่าแฟนบอลส่วนใหญ่กว่า 55 เปอร์เซ็นต์ สนับสนุนแนวคิดการจัดฟุตบอลโลกที่ถี่ขึ้นกว่าเดิม

ผลสำรวจดังกล่าวมาจากผู้ตอบแบบสำรวจกว่า 15,000 คน ในการสำรวจและวิจัยตลาดในวงกว้างกว่า 23,000 คนจาก 23 ประเทศทั่วโลก และ 6 สหพันธ์ฟุตบอล

เมื่อเจาะตัวเลขแบบคร่าวๆ 55 เปอร์เซ็นต์ดังกล่าวนั้นมาจากการบวกรวม 3 ส่วน ได้แก่ โหวตจัดทุก 1 ปี 11 เปอร์เซ็นต์, จัดทุก 2 ปี 30 เปอร์เซ็นต์ และจัดทุก 3 ปี 14 เปอร์เซ็นต์

แม้หากมองเสียงสนับสนุนจัดทุก 4 ปีเหมือนเดิมจะมีผลโหวตอยู่ที่ 45 เปอร์เซ็นต์ แต่ฟีฟ่าสรุปประเด็นจากผลสำรวจว่า แฟนบอลส่วนใหญ่อยากเห็นฟุตบอลโลกที่บ่อยขึ้น และความถี่ที่ต้องการคือ 2 ปี

ในอนาคต ฟีฟ่าจะขยายการสำรวจทั่วโลกมากขึ้นกว่า 100,000 คนในกว่า 100 ประเทศ และจะครอบคลุมไปถึงฟุตบอลโลกทั้งชายและหญิง

 

 

เรื่องนี้เกิดกระแสคัดค้านไม่น้อย ทั้งจาก อเล็กซานเดอร์ เซเฟริน ประธานสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) ที่มองว่าอาจทำให้คุณค่าของศึกฟุตบอลโลกนั้นลดลง ขณะที่สมาพันธ์ฟุตบอลอเมริกาใต้ (คอนเมโบล) และเหล่าลีกใหญ่ยุโรปได้แสดงท่าทีคัดค้านต่อแผนดังกล่าวเช่นกัน

แกเร็ธ เบล แนวรุกสตาร์ดังของเวลส์และรีล มาดริด กล่าวว่า ชอบธรรมเนียมแบบเดิมมากกว่า เพราะรู้สึกมีเกียรติมีศักดิ์ศรีเช่นเดียวกับโอลิมปิกที่มีทุกๆ 4 ปีเช่นกัน เพราะไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ จนเกินไปจึงกลายเป็นอีกหนึ่งความพิเศษ

ส่วน โธมัส บาค ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ไม่เห็นด้วยกับการแข่งขันถี่เกินไป

และจะทำให้ฟุตบอลโลกมาชนกับโอลิมปิกเกมส์ในปีเดียวกันได้

 

ขณะที่ฝ่ายสนับสนุนอย่าง โรแบร์โต้ คาร์ลอส ตำนานแข้งทีมชาติบราซิล มองว่าแนวคิดดังกล่าวนี้เป็นสิ่งที่ดี โดยระบุว่า ไอเดียนี้จะช่วยลดจำนวนการเดินทางลง ย่อมทำให้นักเตะมีเวลาทั้งฝึกซ้อมที่จะช่วยให้เล่นได้ดี ทั้งได้พักผ่อน และกลับไปที่สโมสร

ตำนานแข้งแซมบ้ากล่าวว่า เมื่อมีการแข่งขันมากเกินไป ต้องเพิ่มการเดินทางและยิ่งเหนื่อยล้า คิดว่าฟุตบอลจะพัฒนาขึ้นมาก เมื่อปัญหานี้ได้รับการแก้ไข

ด้าน เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือมือฉมังของแมนฯ ซิตี้ ระบุว่า อย่าเพิ่งมองว่าไอเดียพวกนี้เป็นสิ่งไม่ดีไปซะทีเดียว การนำสิ่งใหม่ๆ มาพิจารณาและถกกันถือเป็นเรื่องน่ายินดีเสมอ

“ฟุตบอลโลกเป็นที่น่าอัศจรรย์ ในฐานะกองเชียร์แล้ว ผมมีความสุขที่ได้ดู และถ้าเป็นทุก 2 ปีก็คงจะดี” เป๊ปกล่าว

กุนซือแมนฯ ซิตี้ยังพูดอีกว่าบรรดานักเตะชั้นนำมีเวลาพักน้อย ตลอดซีซั่นเตะอัดแน่น ควรจะต้องหาทางแก้ไข หรือคุมแมตช์ไม่ให้เยอะเกินไป แต่ไม่ได้จี้ว่าจะต้องกำจัดเกมทีมชาติ, แชมเปี้ยนส์ลีก, พรีเมียร์ลีก หรือถ้วยใดๆ

“สิ่งที่สโมสร บรรดาลีกต่างๆ ฟีฟ่า และยูฟ่า ทำก็คือการออกมาปกป้องจุดยืนตัวเองทั้งนั้น ทำให้การพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องฟุตบอลระดับโลกเช่นนี้กลายเป็นเรื่องน่าขำ เพราะทุกคนเอาแต่สนใจดูแลตัวเอง” เป๊ประบุ

 

หากฟุตบอลโลกจัดได้ถี่ขึ้น สลับหน้าเจ้าภาพได้มากขึ้น เชื่อว่าย่อมส่งผลได้ถึงเม็ดเงินที่หมุนเวียนในหลายๆ ส่วนที่มากขึ้น อย่างไรก็ตาม เวนเกอร์ยืนยันว่าไม่ได้คิดแผนงานนี้โดยคำนึงถึงเรื่องรายได้ขององค์กรเป็นหลัก

ไม่ว่ากระแสจะมีทั้งบวกและลบเพียงใด แต่ดูท่าทางว่าฟีฟ่ามุ่งเดินหน้าอย่างจริงจัง

โดยฟีฟ่าเตรียมจัดประชุมทางออนไลน์กับสมาคมสมาชิกในวันที่ 30 กันยายน เพื่อหารือเกี่ยวกับปฏิทินแข่งขันระดับนานาชาติทั้งชายและหญิง

“มีความเห็นเป็นเอกฉันท์ในเกมว่าปฏิทินการแข่งขันระหว่างประเทศควรได้รับการปฏิรูปและปรับปรุง นี่เป็นหนึ่งในโอกาสที่จะอภิปรายอย่างสร้างสรรค์ เปิดกว้างทั้งในระดับโลกและระดับภูมิภาค” ฟีฟ่าระบุ

น่าจับตามองพอสมควร ว่าแนวคิดดังกล่าวจะเป็นรูปเป็นร่างอย่างไร จะผลักดันไปได้ไกลแค่ไหน หรือจะถูกต่อต้านจนล่มไม่เป็นท่ากันแน่