ธงทอง จันทรางศุ | รู้ข้ามศาสตร์

ธงทอง จันทรางศุ

หลังลับแลมีอรุณรุ่ง

ธงทอง จันทรางศุ

 

รู้ข้ามศาสตร์

 

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้ร่วมวงสนทนาออนไลน์ที่แสนสนุกสนานกับผู้ร่วมสนทนาอีกสาม-สี่ท่าน เวทีพูดคุยดังกล่าว กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศเป็นเจ้าภาพจัดขึ้น ท่านอธิบดีธานี แสงรัตน์ ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการบอกว่า

รายการนี้ตั้งใจชวนคนที่เป็นรุ่นใหญ่และรุ่นใหม่มาพบกัน เพื่อแลกเปลี่ยนทัศนะว่าจากวันนี้ไปในอนาคตหลังยุคโควิด เราจะต้องพบเห็นกับอะไรบ้างและต้องมีการวางท่าทีหรือปรับตัวอย่างไรจึงจะอยู่รอดได้ และไม่ใช่การอยู่รอดแบบแค่สอบผ่านฉิวเฉียด แต่น่าจะเป็นการอยู่รอดแบบได้คะแนนเกียรตินิยมอะไรทำนองนั้น

ในฟากฝั่งที่เป็นคนรุ่นใหญ่นั้น แน่นอนว่าผมซึ่งมีอายุ 66 ปีแล้วต้องถูกนับรวมอยู่ด้วยอย่างแน่นอน

แต่โชคดีมากที่ยังมีรุ่นใหญ่กว่าผมอีกคนหนึ่งมาช่วยทำให้ความรู้สึกผมดีขึ้นนิดหนึ่ง รุ่นใหญ่ท่านนี้คือคุณสุทธิชัย หยุ่น ซึ่งเป็นที่รู้จักของคนทั้งหลายเป็นอย่างดีอยู่แล้วโดยไม่ต้องแนะนำอะไรเพิ่มเติม แค่บอกยี่ห้อนี้ก็การันตีเต็มที่แล้ว

ทางฝ่ายที่เป็นคนรุ่นใหม่ มีคุณเคน นครินทร์ จากสำนักข่าว The Standard และคุณเอม นพพัฒน์จักร จาก Workpoint News ซึ่งทั้งสองคนนี้ก็เป็นบิ๊กเนมที่คนรุ่นใหม่รู้จักมักคุ้นกันอยู่ทั่วไป ไม่ต้องแนะนำอะไรเพิ่มเติมอีกเหมือนกัน

เรื่องที่เราสนทนากันตลอดเวลาเกือบ 3 ชั่วโมงเต็ม มีทั้งสาระและบันเทิงอยู่ด้วยกัน

ท่านที่สนใจรายละเอียดของวงสนทนาที่ว่านี้อาจสืบค้นได้จาก Facebook ของกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ

ซึ่งผู้ประสานงานที่รับผิดชอบรายงานความคืบหน้ามาเมื่อสอง-สามวันนี้ว่ามีคนเข้าไปติดตามชมเป็นเรือนหมื่นคนแล้ว

แต่เรื่องที่ผมจะชวนคุยชวนคิดในวันนี้ไม่ใช่สาระที่นำมาจากการสนทนาครั้งนั้นหรอกครับ หากแต่เป็นเรื่องของความรู้ที่ข้ามศาสตร์ข้ามสาขาต่างๆ ซึ่งนับวันก็จะมีความสำคัญและเป็นประโยชน์ในชีวิตประจำวันของทุกคนมากขึ้นเรื่อยๆ

ไม่ต้องดูอื่นไกลครับ ดูจากวิชากฎหมายที่ผมเล่าเรียนและใช้ประกอบอาชีพอยู่ในทุกวันนี้ ผมพบว่าคนที่รู้กฎหมายอย่างเดียว ถึงแม้มีความเชี่ยวชาญลึกซึ้งเพียงใดก็ตาม ก็ไม่สามารถทำงานกฎหมายได้รอบด้าน เพราะปัญหาข้อเท็จจริงและปัญหากฎหมายที่เกิดขึ้นมีความลึกซึ้งและเฉพาะเจาะจงมากขึ้น

นักกฎหมายภาษีที่ดี จึงต้องรู้อะไรอีกหลายอย่างนอกจากกฎหมายภาษี เป็นต้นว่า ต้องมีความรู้ในทางบัญชี การประกอบธุรกิจ และอื่นๆ อีกมากมาย

ในทางกลับกันคนที่มีความรู้ทางบัญชีอย่างเดียวแต่ไม่รู้กฎหมาย ถ้าต้องมาเทียบฝีมือกันกับนักกฎหมายที่รู้บัญชีหรือนักบัญชีที่รู้กฎหมาย ผมแน่ใจว่าคนที่รู้ทั้งสองอย่างผสมผสานกันทั้งกฎหมายและบัญชีจะได้เปรียบมากกว่าในการทำงาน

ลูกชายของเพื่อนผมคนหนึ่ง เรียนจบปริญญาตรีด้านรัฐศาสตร์ แล้วมีความสนใจเกิดนึกสนุกขึ้นมาเรียนนิติศาสตร์ภาคค่ำจนสำเร็จเป็นนิติศาสตรบัณฑิต เพียงเท่านี้ยังไม่แปลกพอ เจ้าตัวยังสนใจไปเรียนปริญญาโททางด้านกฎหมายต่อที่ต่างประเทศ โดยเลือกวิชาเรียนให้ลุ่มลึกลงไปถึงเรื่องของกฎหมายที่เกี่ยวกับการพลังงาน ว่าโดยเฉพาะคือเรื่องเกี่ยวกับน้ำมัน

เห็นไหมครับว่า ความรู้ทางด้านกฎหมายอย่างเดียวไม่พอแล้ว ต้องรู้เรื่องพลังงาน รู้เรื่องน้ำมัน รู้เรื่องธุรกิจน้ำมัน และอีกสารพัดรู้ เวลานี้ทราบข่าวว่ามีงานทำอยู่ในบริษัทขนาดมหึมาของบ้านเรา

ผมติดตามข่าวคราวของหลานรายนี้ทราบว่ามีความสุขสนุกสนานกับการทำงานเป็นอย่างยิ่ง

และถ้าจะว่ากันต่อไปอีกชั้นหนึ่งให้กว้างขวางขึ้นไปอีก ความรู้ต่างศาสตร์ต่างสาขาที่ว่านี้ไม่จำเป็นที่จะต้องขวนขวายมีไว้ประจำตัวเพื่อทำมาหากินเท่านั้น แต่ความรู้เช่นนี้เพียงมีไว้ติดตัวก็เป็นความบันเทิงได้อย่างหนึ่ง

และการหาความรู้ที่ว่านี้ก็ไม่จำเป็นต้องเล่าเรียนในระบบ ในโรงเรียนหรือสถาบันอย่างเป็นทางการ ลำพังแต่การพูดคุยกันกับเพื่อนฝูงหรือติดตามแสวงหาความรู้จากช่องทางที่มีอยู่หลากหลายในโลกปัจจุบัน ก็สามารถทำได้ไม่ยากใจ

ตัวอย่างของการแลกเปลี่ยนความรู้นี้เห็นได้ชัดจากเวทีสนทนาที่ผมว่ามาข้างต้น

คงไม่เป็นการผิดบาปอะไรที่ผมจะบอกว่า ผมรู้สึกว่าเมื่อจบการสนทนาครั้งนั้นแล้ว ผมได้แง่คิดสะกิดใจ ได้ความรู้ ได้มุมมอง ได้ประสบการณ์ ที่สามารถเก็บเกี่ยวเอาไปใช้ประโยชน์ได้อีกมาก โดยไม่ต้องลงทุนอะไรเลย

เพียงแต่เปิดใจให้กว้างที่จะรับฟังความคิดเห็นเหล่านั้นเข้ามาไว้ในสมองของเรา สำหรับจะได้ประมวลผลและนำมาใช้ประโยชน์เมื่อถึงเวลา

อาจจะเป็นเหตุผลนี้กระมัง ที่การมีที่ปรึกษาในการทำกิจการใดๆ ก็ตามจะทำให้เกิดความระมัดระวังรอบคอบยิ่งกว่าการคิดเองเออเองอยู่คนเดียว เหมือนอย่างที่โบราณท่านบอกว่า คนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตาย แล้วมีคนต่อสร้อยว่า สี่-ห้าคนแสนสบาย

นี่ผมพูดถึง “ที่ปรึกษา” ซึ่งได้ปรึกษากันจริงจังนะครับ ไม่ใช่ที่ปรึกษาแบบที่ปรึกษาเทกระโถนที่มีอยู่ในบางแวดวง

ที่ปรึกษาแบบนั้นไม่ได้มีไว้เพื่อระดมสมองอะไรหรอกครับ เขามีเอาไว้เพื่อที่ปรึกษาจะได้พิมพ์นามบัตรโก้ๆ แจกกันเท่านั้น

ทุกวันนี้ผมมีฐานะเป็นคนเกษียณอายุราชการเต็มรูปแบบ ไม่มีใครต้องมาเป็นที่ปรึกษาของผมอีกแล้ว เพราะไม่ได้ตัดสินใจอะไรใหญ่โตอีกต่อไป

แค่คิดว่าจะซื้ออาหารมื้อเที่ยงวันพรุ่งนี้จากร้านไหน เรื่องแบบนี้ไม่ต้องตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาอะไร ถามอากู๋หรือวงในดูก็เหลือแล่แล้วล่ะครับ

แต่ถึงกระนั้นผมก็พบว่าการได้แลกเปลี่ยนพูดคุยกันกับเพื่อนที่มีความรู้หลากหลายไม่ว่าจะเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน รุ่นโตกว่า รุ่นเด็กกว่า ก็ทำให้ผมรู้สึกว่าได้ลับสมองเหมือนลับมีดที่ใกล้จะทื่อแล้วให้กลับคมขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง

โลกออนไลน์สมัยนี้ทำให้ผมใกล้ชิดกันกับเพื่อนนักเรียนรุ่นราวคราวเดียวกันที่ทุกคนเกษียณอายุจากงานประจำแล้วเหมือนกัน โดยใช้ระบบ LINE เป็นเครื่องมือสื่อสาร

ผมพบว่าเพื่อนผมมีความรู้ที่หลากหลายมาก ยกตัวอย่างเช่น มีเพื่อนคนหนึ่ง เรียนจบปริญญาเอกด้านประมง และทำงานในกรมประมงมาจนเกษียณ ทุกวันนี้ก็ยังเลี้ยงปลาเลี้ยงกุ้งเลี้ยงสัตว์น้ำอยู่เป็นอาจิณ

ใน LINE กลุ่มของเพื่อนรุ่นเดียวกันผมได้ความรู้เรื่องปลาเรื่องกุ้งเพิ่มขึ้นทุกวันไม่มีขาดแคลนเลยครับ

เพื่อนรุ่นเดียวกันอีกคนหนึ่งเรียนจบมหาวิทยาลัยศิลปากร เวลานี้ไปใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองนิวยอร์ก

แทบจะทุกสัปดาห์ที่เพื่อนคนนี้จะส่งภาพสวยๆ พร้อมเรื่องราวเกี่ยวกับงานศิลปะที่จัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ที่เขามีโอกาสได้แวะเวียนไปเยี่ยมชม ไม่ว่าจะเป็นภาพจิตรกรรม ประติมากรรม หรืองานศิลปะในรูปแบบอื่นๆ มาให้เพื่อนๆ ดู

เมื่อเจ้าตัวส่งรูปพร้อมคำบรรยายมาแล้ว ยังมีเพื่อนคนอื่นเข้ามาแถมความรู้เพิ่มเติมอีกคนละนิดคนละหน่อย ผมซึ่งเป็นคนอ่านก็สบายไปสิครับ

ผมนึกว่านี่ถ้าต้องคุยกับคนที่ทำงานด้านกฎหมายและสนใจเรื่องกฎหมายเพียงอย่างเดียว ตลอดทั้งเจ็ดวัน ตลอดเดือนตลอดปี ผมซึ่งคร่ำเคร่งกับกฎหมายอยู่แล้วอาจจะสติหลุดได้ง่ายๆ เข้าตำรานี้เสือปะจระเข้อะไรทำนองนั้น

ข้อคิดสำคัญที่ขอย้ำตรงนี้คือ สติปัญญาของเราจะเพิ่มพูนมากขึ้น ถ้าได้ฟังที่เรื่องที่หลากหลาย ความคิดที่แตกต่าง และมุมมองที่ไม่เหมือนกันกับเรา

นอกจากการพูดคุยกับเพื่อนรุ่นเดียวกันที่มีความรู้หลากหลายผ่านระบบ LINE แล้ว ผมยังมีเพื่อนต่างรุ่นต่างหน้าที่การงานอีกจำนวนมาก ตั้งแต่นิสิตซึ่งผมก็นับว่าเป็นเพื่อนรุ่นน้องของผม ครูบาอาจารย์หลายโรงเรียนหลายสถาบัน ผู้ที่อยู่ในแวดวงสื่อสารมวลชนทั้งแบบเก่าแบบใหม่ ญาติพี่น้องลูกหลานมีตั้งแต่รุ่นใหญ่มากไปจนถึงรุ่นเล็กมาก รวมตลอดถึงเพื่อนฝูงต่างอาชีพต่างหน้าที่การงาน

ทุกคนได้ช่วยเติมเต็มความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโลกแห่งความเป็นจริงให้ผมได้ทั้งนั้น

การอยู่ในวงสมาคมที่มีความคิดเหมือนกัน มีทัศนคติที่ใกล้เคียงจนแทบจะเป็นพิมพ์เดียวกัน มีผลประโยชน์ร่วมกัน ทุกคนมีวัยใกล้เคียงกัน อาจจะทำให้มีความสุขในแง่ที่ไม่มีใครขัดคอ ว่าอะไรก็เอออวยเห็นด้วยกันไปทั้งหมด แต่ไม่ประเทืองปัญญาเลยครับ

รู้แบบนี้แล้ว น่าสงสารหลายท่านที่อยู่ในวุฒิสภามากจริงๆ

ว่าไหมครับ