ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 1 - 7 ตุลาคม 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | มุมมุสลิม |
ผู้เขียน | จรัญ มะลูลีม |
เผยแพร่ |
มุมมุสลิม
จรัญ มะลูลีม
อัฟกานิสถาน
: การกลับมาของฏอลิบาน (8)
ฏอลิบานที่เปลี่ยนแปลง
อย่างไรก็ตาม ฏอลิบานมีความไม่ลงรอยอย่างต่อเนื่องกับไอเอส (ดาอิช) และต่อสู้อย่างแหลมคมกับกลุ่มไอเอสในประเทศมาแล้ว
ฏอลิบานให้การยืนยันกับสหรัฐว่าจะไม่ยอมให้ผืนแผ่นดินของชาวอัฟกันถูกใช้เพื่อการก่อการร้าย
Jean Pierr-Filiu ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับนักรบนิยมแนวทางอิสลาม บอกกับสื่อของฝรั่งเศสว่าฏอลิบานแห่งปี 2021 จะแตกต่างกับฏอลิบานแห่งปี 2001 เขากล่าวว่า ฏอลิบานไม่ต้องการสร้างยุทธศาสตร์ที่ผิดพลาด นั่นคือการสนับสนุนอย่างมืดบอดต่ออัล-กออิดะฮ์
ในการพบกับสื่อในกรุงคาบูลหลังเข้าครองอำนาจโฆษกที่ทำงานต่อเนื่องอย่างซาบีอุลลอฮ์ มุญาฮิด (Zabihullah Mujahid) กล่าวว่า
“มีความแตกต่างอยู่หลายประการ” ในเรื่อง “ประสบการณ์ ความเป็นผู้ใหญ่และความลึกซึ้ง” เขายืนยันกับสื่อต่างประเทศว่าจะมีการนิรโทษกรรมสำหรับชาวอัฟกันทุกคน สตรีจะได้รับการยืนยันถึงสิทธิในการศึกษาอย่างเต็มที่
สื่อจะได้รับอนุญาตให้ทำงานอย่างเสรีและเป็นรัฐบาลที่ครอบคลุม เป็นตัวแทนให้กับกลุ่มชาติพันธุ์และสำนักคิดต่างๆ ที่มีอยู่ในประเทศ
เมื่อกลับมากรุงคาบูลเป็นครั้งแรกฏอลิบานได้ส่งตัวแทนของตนไปร่วมงานกับชาวชีอะฮ์ ตั้งแต่ช่วงต้นของเดือนมุฮัรรอม (Moharram) ในการเข้าสู่อำนาจครั้งแรก ฏอลิบานถือว่าชีอะฮ์เป็น “คนนอกศาสนา” และเลือกเอาชนกลุ่มน้อยหะซารา (Hazara) ซึ่งเป็นชีอะฮ์มาเป็นเป้าการโจมตี
นอกจากนี้ ฏอลิบานยังยืนยันกับชุมชนนานาชาติอีกว่าพื้นดินของชาวอัฟกันจะไม่ถูกใช้เพื่อต่อต้านผลประโยชน์ของประเทศอื่นๆ
แม้ว่ายังไม่มีรัฐบาลใดให้การยอมรับรัฐบาลฏอลิบานจนถึงเวลานี้ แต่มันเป็นเรื่องของเวลาก่อนที่หลายรัฐบาลในภูมิภาคจะตัดสินใจ
ประเทศตะวันตก
อยู่ในภาวะของ “รอและดู”
(wait and watch)
สหราชอาณาจักรกล่าวว่ากำลังพิจารณาการแซงก์ชั่นทางการเงินเพื่อ “สร้างแรงกดดัน” ต่อฏอลิบาน
นักวิจารณ์ของตะวันตกมีความเห็นว่าผู้ที่สูญเสียในภูมิภาคหลังชัยชนะของฏอลิบานก็คือสหรัฐ
รัฐบาลอินเดียสนับสนุนให้กองกำลังของสหรัฐและนาโต้อยู่ในอัฟกานิสถานจนกระทั่งความขมขื่นจะยุติลงไป
รัฐบาลโมดียังคงมีความรู้สึกรับไม่ได้กับช่วงเวลาที่ทหารสหรัฐกำหนดถอนกำลังออกไปหมดสิ้นเมื่อวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา
รัสเซียและจีน
ทั้งรัสเซียและจีนได้ส่งสัญญาณที่ดีให้กับผู้นำฏอลิบาน โดยรัสเซียและจีนต่างยืนยันว่าพวกเขาจะให้การยอมรับรัฐบาลฏอลิบาน หลังจากฏอลิบานมีความใจกว้าง เปิดกว้างในกรุงคาบูล
เกี่ยวกับบทบาทของตะวันตกสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นในกรุงคาบูลนั้น รัฐมนตรีต่างประเทศ Sergei Lavrov กล่าวว่านี่เป็น “กลุ่มก้อนของประเทศต่างๆ ที่มีความเจ็บปวดหลังจากโลกซึ่งพวกเขาคุ้นเคยกับการอยู่ในอำนาจมาเป็นทศวรรษ”
ปากีสถานก็เช่นกัน ดูเหมือนจะสนับสนุนรัฐบาลที่มีความครอบคลุมของฏอลิบานที่มีหลายฝ่ายเข้าร่วม ในสัปดาห์ที่สามของเดือนสิงหาคมปากีสถานเป็นเจ้าภาพให้พันธมิตรฝ่ายเหนือเข้าพบ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของฏอลิบานได้ไปเยือนทั้งสามประเทศและยืนยันกับรัฐบาลของทั้งสามประเทศว่าความผิดพลาดในอดีตจะไม่เกิดขึ้นอีก
ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนกรกฎาคม เมื่อเป็นที่ปรากฏว่ามันเป็นเรื่องของเวลาเท่านั้นที่ฏอลิบานจะเข้าสู่อำนาจนั้น ตัวแทนระดับสูงของฏอลิบานได้เดินทางไปจีนและได้รับการต้อนรับด้วยการปูพรมแดง
มุลลอฮ์กอนีย์ บาราดา ซึ่งดูเหมือนจะเป็นผู้นำของรัฐบาลฏอลิบานในอัฟกานิสถานเป็นตัวแทนเข้าพบ Wang Yi รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน ในขณะที่กล่าวถึงฏอลิบานว่าเป็น “ทหารที่สำคัญและกองกำลังทางการเมือง” กระนั้นจีนก็สนับสนุนให้ผู้นำฏอลิบานมีการเจรจาอย่างสันติกับฝ่ายต่างๆ ในประเทศ
ในเวลานั้นจีนขอให้ฏอลิบานอย่าใช้ชัยชนะทางทหารมาเป็นตัวตั้ง หากแต่ใช้การเจรจาเพื่อการตั้งรัฐบาลที่ครอบคลุม โดยจีนยืนยันอย่างต่อเนื่องให้ใช้นโยบายที่ “นำโดยชาวอัฟกันและชาวอัฟกันเป็นเจ้าของ” ในการแก้ไขความขัดแย้ง
จีนได้รับการยืนยันจากฏอลิบานว่าจะไม่อนุญาตให้ชาวอุยกูร์ที่เป็นปรปักษ์กับจีนใช้ดินแดนอัฟกานิสถานเพื่อการโจมตีชายแดนซินเจียง
จีนมีชายแดนสั้นๆ ร่วมกับอัฟกานิสถานเรียกว่าระเบียงวักกัน (Wakkan Corridor) ฏอลิบานกล่าวว่าต้องการส่งเสริมการลงทุนมากขึ้นกับจีน และยืนยันว่าฏอลิบานจะร่วมโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt Road Initiative) หรือ BRI ของจีนอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ จีนได้มุ่งมั่นที่จะใช้เงิน 3 พันล้านเหรียญสหรัฐเพื่อพัฒนาเหมือนทองแดง (Copper mine) ในอัฟกานิสถาน
จากรายงานพบว่าจีนวางแผนที่จะลงทุนสำหรับเหมืองแร่ที่หายากอย่างเช่นลิเธียมในอัฟกานิสถาน
ตัวแทนของฏอลิบานได้เดินทางไปเยือนเมืองหลวงของเพื่อนบ้านทุกประเทศ ในขณะที่อิหร่านมีความกังวลเกี่ยวกับการหลั่งไหลของผู้ลี้ภัยและยาเสพติดจากอัฟกานิสถานและต้องการให้มีรัฐบาลที่มีเสถียรภาพที่จะสถาปนาขึ้นให้เร็วที่สุด
รัฐบาลแรกของฏอลิบานมีความสัมพันธ์ที่ได้รับการทดสอบอย่างหนักกับอิหร่านในปี 1998 เมื่อ นักการทูตอิหร่าน 11 คน ถูกลักพาตัวจากสถานกงสุลอิหร่านที่มาซารีชารีฟ และพวกเขา 9 คนถูกสังหารในเวลาต่อมา ทำให้อิหร่านเคลื่อนกองกำลังของตนเข้าสู่ชายแดนอัฟกานิสถานและข่มขู่ว่าจะทำสงครามกับฏอลิบาน อย่างไรก็ตาม สงครามระหว่างสองประเทศก็ไม่ได้เกิดขึ้นแต่อย่างใด
แต่ในเวลานี้อิหร่านมีความระมัดระวังในการต้อนรับการกลับมาของฏอลิบาน ประธานาธิบดีอิบรอฮีม รออิซี (Ibrahim Raisi) กล่าวว่า “ความพ่ายแพ้” ของสหรัฐควรจะเปลี่ยนมาเป็นโอกาสที่จะฟื้นฟูชีวิตความมั่นคงและสันติภาพถาวร” ในอัฟกานิสถาน
ฏอลิบานประกาศว่าจะห้ามการผลิตฝิ่นและเฮโรอีนในประเทศ ทั้งนี้ เมื่อขึ้นสู่อำนาจครั้งแรก ฏอลิบานได้ยกเลิกการผลิตฝิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หน่วยงานของสหประชาชาติได้ยกย่องรัฐบาลฏอลิบานในความพยายามเหล่านี้ แต่หลังจากปี 2001 การผลิตฝิ่นเริ่มที่จะมีมากขึ้นจนทำลายสถิติเดิมลงไปอย่างสิ้นเชิง
Zamir Kabulov ตัวแทนพิเศษของรัสเซีย ประจำกรุงคาบูลได้มีโอกาสพบปะแลกเปลี่ยนทัศนะกับผู้นำฏอลิบานมาหลายปี เขากล่าวว่า ฏอลิบานมิได้คุกคามพันธมิตรของรัสเซียที่อยู่ในเอเชียอีกแล้ว
ผู้นำฏอลิบานกล่าวว่าวันนี้มีความสัมพันธ์ที่ดีที่สุดกับ “รัสเซีย จีน และปากีสถาน” Kabulov กล่าวว่าผู้นำฏอลิบานได้ย้ำว่าพวกเขาได้บทเรียนจากประสบการณ์ในสามทศวรรษที่ผ่านมาแล้วเป็นอย่างดี
Kabulov เปิดเผยว่า ฏอลิบานตกอยู่ภายใต้การสานเสวนากับรัสเซียมา 7 ปี ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคก็สร้างการติดต่อกับฏอลิบาน ด้วยรู้ว่าการกลับมาของพวกเขาเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เมื่อกองกำลังต่างชาติได้ออกจากประเทศนี้ไป