เสถียร จันทิมาธร/เจ้าเกาะดอกท้อ เรืองฤทธิ์

เสถียร จันทิมาธร

วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย/เสถียร จันทิมาธร

เจ้าเกาะดอกท้อ เรืองฤทธิ์ (97)

การมาเยือนกระต๊อบน้อยของลี้มกโช้วครั้งใหม่นี้มาอย่างตั้งใจ มาทั้งๆ ที่รู้เป็นอย่างดีว่า 2 หญิง 1 ชายยังมี 1 ปรมาจารย์คืออึ้งเอี๊ยะซืออยู่ด้วย

จึงปรากฏข้อความ 4 ประโยคติดบนแผ่นกระดาษตรึงไว้บนประตู

เริ่มต้นจาก “เจ้าเกาะดอกท้อเรืองฤทธิ์” ตามมาด้วย “รับสานุศิษย์มากหลาย” ตามมาด้วย “ใช้ 5 รุม 1 คิดทำลาย” แล้วปิดท้ายด้วย

“เป็นที่อับอายขายหน้า”

เห็นดังนั้น อึ้งเอี๊ยะซือหัวร่อฮาฮา เก็บหินจากพื้นมา 2 ก้อนคีบระหว่างนิ้วหัวแม่มือกับนิ้วกลางดีดพุ่งออกไป

ในเสียงดังฉี่หินทั้ง 2 ก้อนแหวกพุ่งไปเบื้องหน้า ได้ยินเสียดังฉาด เมื่อประตูไม้อันอยู่ห่าง 10 กว่าก้าวถูกหินเล็กๆ ทั้ง 2 ก้อนกระแทกเปิดออก ตอนอยู่บนเกาะดอกท้อเอี้ยก่วยเคยได้ยินก๊วยพูบ่งบอกบรรยายวิชาดรรชนีศักดิ์สิทธิ์ของงั่วโจ้วแป๋นาง

ยามนี้พบเห็นกับตายังเหนือล้ำกว่าคำร่ำลือ

ประตูพอเปิดออกก็เห็นลี้มกโช้วนั่งบนอาสนะ มือถือแส้ปัด หรุบคิ้วก้มสายตา นั่งโคจรพลังเข้าสู่ภวังค์เคลิบเคลิ้ม สีหน้าเคร่งขรึมสำรวมประหนึ่งผู้ทรงศีล

เอี้ยก่วยอ่านเนื้อความประสานกับท่านั่งอย่างสุขุมเยือกเย็นของลี้มกโช้วพอขบคิดก็เข้าใจ “นางหัวเราะเยาะอึ้งเต้าจู้มีศิษย์มากหลายใช้พวกมากเข้าเอาชัย พาลขับไล่ศิษย์ข้างกายไปไกล”

ที่ลี้มกโช้วถือดีมิใช่คาดคิดว่าจะต่อกรกับอึ้งเอี๊ยะซือ

แต่เมื่ออยู่ตามลำพัง ด้วยศักดิ์ศรีของอึ้งเอี๊ยะซือซึ่งเป็นระดับเจ้าสำนัก ปรมาจารย์ย่อมมิอาจแตะต้องนาง

เที้ยเอ็งมองดูซือแป๋เป็นเชิงขอความเห็น

“อึ้งเล่าเซี้ยมีศิษย์มากหลายจริงๆ หากศิษย์แซ่ตั้ง แซ่บ๊วย แซ่เค้ก แซ่เล็ก ทั้ง 4 ของเรามีคนใดคนหนึ่งอยู่ที่นี่ ไหนเลยปล่อยให้นางเอ่ยปากได้”

กล่าวพลางโบกมือวูบ “กลับกันเถอะ”

ผู้เยาว์แม้ไม่เข้าใจเจตนาความคิดของอึ้งเอี๊ยะซือ แต่ก็ยินยอมติดตามกลับที่พักอย่างเงียบๆ ยิ่งเห็นอึ้งเอี๊ยะซืออัดอั้นตันใจแม้แต่อาหารค่ำก็ไม่รับประทานหากเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ ส่งผลให้เอี้ยก่วยซึ่งนอนอยู่ข้างเตียงจำต้องหาหนทางออก

พอตกลงใจจึงสวมใส่เสื้อผ้า เคลื่อนไหวอย่างรอบคอบรัดกุม

ทราบว่าลี้มกโช้วเป็นศัตรูเข้มแข็งหากแม้นชะล่าใจอาจจบชีวิตใต้เงื้อมมื้อนางได้ ดังนั้น ขัดสมาธิโคจรพลังอยู่บนเตียง คิดสะสมพลังจนเปี่ยมล้นค่อยไปต่อกร

นั่งประมาณครึ่งชั่วยาม

ทันใดเบื้องหน้าคล้ายกระจ่างเจิดจ้า แขนขาทั่วสรรพางค์กายเต็มไปด้วยพลัง อดเปล่งเสียงร้องจากปากมิได้ คลื่นเสียงคล้ายมังกรคำรามกลางมหาสมุทร พยัคฆ์กู่ก้องจากพงไพร

ถ่ายทอดไปไกลโข

“กิมย้ง” อธิบายว่า ขณะเอี้ยก่วยลุกขึ้นสวมใส่เสื้อผ้า อึ้งเอี๊ยะซือก็ล่วงรู้ตั้งแต่แรก เมื่อได้ยินเอี้ยก่วยส่งเสียงประหลาดคิดไม่ถึงว่าเอี้ยก่วยมีพลังการฝึกปรือมาถึงขั้นนี้ถึงกับทั้งแตกตื่นทั้งยินดี

ที่แท้ คนผู้หนึ่งฝึกปรือวิชากำลังภายในถึงระดับที่แน่นอนหนึ่งจะเปล่งคลื่นเสียงประหลาดออกมาโดยไม่รู้ตัว ในราชวงศ์หมิง มหาบัณฑิตเฮ้งเอี่ยงเม้ง ฝึกปรือลมปราณอยู่ในค่ายทหารกลางวิกาลพลันเปล่งเสียงกู่ร้องดังยาวนานสะท้านไปทั้งกองทัพ

ในประวัติศาสตร์มีการบันทึกไว้เป็นหลักฐาน

ยามนี้เอี้ยก่วยมีพลังลมปราณเปี่ยมล้นยากที่จะควบคุมบังคับ เสียงกู่ถ่ายทอดไปไกลหลายลี้ นอกจาก เที้ยเอ็ง เล็กบ้อซัง จะบังเกิดความตื่นเต้นสงสัย แม้กระทั่งลี้มกโช้วซึ่งอยู่หลังเขาก็รับฟังจนลอบตื่นตระหนก

นางกลับคาดคำนวณว่าเป็นอึ้งเอี๊ยะซือเปล่งเสียงระบายลมปราณ จะอย่างไรภูตบูรพาคงไม่ลงมือ จึงไม่ต้องหวาดหวั่นพรั่นพรึง

เหตุปัจจัยอะไรทำให้เอี้ยก่วยมีพลังลมปราณภายในจนลี้มกโช้วก็คาดว่าเป็นการเปล่งเสียงของอึ้งเอี๊ยะซือ

เหตุปัจจัยอะไรทำให้อึ้งเอี๊ยะซือเองก็บังเกิดความประหลาดใจ

การวิเคราะห์ค้นหาคำตอบจากสภาพความเป็นจริงของเอี้ยก่วยมีความสำคัญไม่เพียงแต่ต่อกระบวนการฝึกปรือวิทยายุทธ์ หากที่สำคัญยังมีผลต่อตัวของเอี้ยก่วยเอง

นำไปสู่การตัดสินใจในอีกแนวทาง 1 สำหรับอึ้งเอี๊ยะซือ