แก้วที่ร้าวแล้วรอแตก/ลึกแต่ไม่ลับ จรัญ พงษ์จีน

จรัญ พงษ์จีน

ลึกแต่ไม่ลับ

จรัญ พงษ์จีน

 

แก้วที่ร้าวแล้วรอแตก

 

ถูกต้อง แม่นยำ-ตรงเผงอีกสัปดาห์ “ลึกแต่ไม่ลับ” ฉบับที่แล้ว “ฟันธง” เอาไว้ล่วงหน้าว่า “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แม้เสียงจะออกมาประสบชัยชนะอย่างท่วมท้นล้นเหลือจากศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ “รายบุคคล”

แต่เป็นชัยชนะของผู้แพ้ นำมาสู่ 2 ประเด็นสำคัญอย่างยิ่ง หนึ่งคือ คะแนนไว้วางใจ ได้ “รองบ๊วย” สองคือ คะแนนไม่ไว้วางใจได้ “แชมป์” โดยวิจารณญาณ ใครเป็นผู้นำรัฐบาล ได้ของขวัญแบบนี้ก็ต้อง “โกรธ”

พร้อมระบุยี่ห้อ “บิ๊กตู่” ว่า มีมติทางความคิดไม่ชอบให้ใครทำ โดนแล้วต้องเอาคืน “เบ่งกินฟรี” บุญคุณต้องทดแทน…ความแค้นต้องชำระ

ขอย้ำอีกครั้งว่า ตามข่าว จากผู้สันทัดกรณีทุกวงการระบุว่า ห้องเครื่องสำคัญที่ทำให้ “พล.อ.ประยุทธ์” หุ้นตก หวิดตลาดแตก มีที่ไปที่มาจากสาเหตุการขับเคลื่อนของ “กลุ่ม 4 ช.” เป็นชนวนสำคัญ

ด้วยประการดังกล่าว ดังที่ทราบในลำดับต่อมา หวยการเมืองหลังศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจยุติ ผลดังที่ทำนายไว้ล่วงหน้าเมื่อฉบับที่แล้ว แม่นเหมือนจับวางราวตาเห็น “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” เลขาธิการ พปชร. และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

โดน “บิ๊กตู่” ทำปืนลั่นดับสยองพองขน กลางวันแสกๆ แถมลูกหลงยังทะลุกำแพงเหล็กไปโดน “นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน เลือดสาด เดดสะมอเร่ตามไปอีกราย

ขณะที่ “2 ช.” ขาแว้นแก๊งเดียวกันได้แก่ “สันติ พร้อมพัฒน์” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กับ “อธิรัฐ รัตนเศรษฐ์” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ลูกเลิฟ “วิรัช รัตนเศรษฐ์”

อาศัยวิชาตัวเบา กระโดดค้ำถ่อ เอาตัวรอดได้หวุดหวิด อย่าง “ปาฏิหาริย์” แต่จะตลอดกาล หรือปล่อยให้ไปตายเอาดาบหน้า ก็ต้องติดตามดูกันต่อไปตาอย่ากะพริบ

อย่างไรก็ตาม บรรยายสรรพคุณเอาไว้ด้วยว่า “พรรค พปชร.” หรือโฟกัสตีวงให้แคบลงไปอีกระดับ ได้แก่ “พี่น้อง 3 ป.” สีสันและบรรยากาศในขณะนี้ไม่ต่างอะไรกับ “แก้วที่ร้าวแล้ว” ซ่อมยาก ความรัก ความผูกพัน สามัคคี “ร้าวลึก” นำกลับมาใช้งานต่อ ยังไงก็ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว รอวัน “แตก” อย่างเดียว

“พี่น้อง 3 ป.” อันประกอบด้วย “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” พี่ใหญ่ “พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” น้องรอง และ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” น้องเล็ก ผูกพันรักใคร่ ร่วมเป็นร่วมตาย ผ่านสนามรบ เคียงบ่าเคียงไหล่มาด้วยกันอย่างโชกโชน รักและผูกพันมิเสื่อมคลายมาตราบเท่าทุกวันนี้

ขอย้อนเวลากลับไปเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2560 หลัง “คสช.” ปฏิบัติการยึดเมือง รัฐประหารมาร่วม 3 ปี ยังเฟื่องฟูอำนาจ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกฯ มีคิวเดินสายพบผู้บริหารสื่อทุกสำนัก เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ครั้งแรกที่ก้าวลงมาจากหอคอยสูง โดยมี “พี่ใหญ่-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รวมวงไพบูลย์ทุกย่างก้าว

ระหว่างเดินทางกลับ ผมสรุปให้เพื่อนร่วมงานที่เดินทางไปพบสนทนากับ 2 ผู้ยิ่งใหญ่ว่า “คสช.ต้องสืบทอดอำนาจไปอีกนานแน่นอน”

เพราะ “พล.อ.ประยุทธ์” กับ “พล.อ.ประวิตร” เขาไม่เหมือนคนการเมือง มีรัก ผูกพันกันสูง “เสือดีต้องมีป่า”

 

“พล.อ.ประยุทธ์” ต่อหน้า “พล.อ.ประวิตร” แม้ตำแหน่งแห่งหนจะสูงกว่า แต่นอบน้อมถ่อมตน กระเซ้าเย้าแหย่ นับถือคุณธรรมน้ำมิตรยังกะอะไรดี เหนือสิ่งอื่นใด คือการบอกกล่าวต่อธารกำนัลอย่างองอาจว่า “พี่ป้อมดูแลผมมาตั้งแต่เริ่มเรียนทหาร มีพระคุณ สร้างผมให้เติบมาทุกเรื่องตราบทุกวันนี้”

ในโลกการเมือง มีนักปั่นมือทองอยู่มากมายหลายคน หนึ่งคือ “พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์” สร้างตำนานงูเห่า ใช้วิชาสารพัดจน “นายชวน หลีกภัย” สามารถก้าวไปนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีสำเร็จ

สองคือ”นายเสนาะ เทียนทอง” เจ้าพ่อวังน้ำเย็น ผู้สันทัดกรณีการเมือง ยอมรับว่า เป็นมือประสานสิบทิศตัวเอ้ ดัน “นายบรรหาร ศิลปอาชา” กับ “พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ” ขึ้นลิฟต์ นั่งเบอร์หนึ่งตึกไทยคู่ฟ้าได้สำเร็จ มากที่สุดผู้หนึ่ง

แต่ทั้ง “นายชวน-นายบรรหาร” หรือ “พล.อ.ชวลิต” ก็ไม่เคยดอกพิกุลร่วงที่ไหนกับใคร ว่า “เสธ.หนั่น” หรือ “ป๋าเหนาะ” ปั้นดาวให้ดูชม

ขณะที่ “พล.อ.ประยุทธ์” เดินสายสารภาพกับใครต่อใคร กล้าแม้กระทั่งสื่อมวลชนว่า นักปั้นมือทอง คนที่ทำให้ตัวเองทะลุมิติ อยู่ในศูนย์อำนาจได้เบ็ดเสร็จในเวลานี้ คือ “พล.อ.ประวิตร”

ความแตกต่างในการดำรงอยู่ในศูนย์อำนาจจึงไม่เหมือนกัน “ตู่-ป้อม” จะอยู่คงกระพันไปอีกยาวนาน “คงคามีแห้งเหือด แต่สายเลือดไม่เหือดหาย”

คู่นี้จะอยู่ยงคงกระพันกัน ถือไม้เท้ายอดทอง ดูกันคนละงาน ดังจะเห็นได้ว่า บิ๊กตู่กับบิ๊กป้อมแยกกันเดิน อีกคนดูแลนโยบาย ขณะที่บิ๊กป้อมรับผิดชอบพรรค

เลือกตั้งใหญ่เมื่อปี 2561 บ้านป่ารอยต่อฯ จึงเป็นแหล่งที่นักการเมือง เงินทุนที่สนับสนุนทุกบาททุกสตางค์ เห็นว่าไหลไปรวมกันที่นี่แห่งเดียว บิ๊กตู่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย

ทว่า ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ครั้งที่ 3/2564 โลกตาลปัตร “สุริยันต์ทำท่าจะไม่มีจันทรา” เพราะข้อบังคับทางการเมือง คนละมิติกับทหาร การที่ “พล.อ.ประยุทธ์” ปลดกลางอากาศ 2 คู่ขวัญ “ร.อ.ธรรมนัส-นฤมล” แบบไม่บอกไม่กล่าวเล่าขาน “พี่ป้อม” รู้ทีหลังใครเขาเพื่อน เป็นใครๆ ก็เสียความรู้สึก เสียเซลฟ์ โกรธ แม้พยายามเก็บอาการไม่ให้ออกมาทางหน้าตา

แต่ลึกๆ ต้องเสียรังวัดบ้างเป็นธรรมดา และเชื่อแน่ว่า พี่น้อง “2.ป.” ไม่น่าจะถอดเสื้อคุยกันได้เหมือนเก่า สิ่งที่คุย จะไม่ตรงกับสิ่งที่ทำกันต่อไป ยังมีอีกหลายปมเป็นไฟต์บังคับ

วันนี้มิต่างอะไรกับแบ่งสมบัติกันรับผิดชอบ “พล.อ.ประยุทธ์” ดูแลรัฐบาล ขณะที่ “พล.อ.ประวิตร” ดูแลพรรค จะต่างคนต่างเดิน “บิ๊กป้อม” ยังไม่ทอดทิ้ง ดูแล “ร.อ.ธรรมนัส” กับ “นฤมล” แม้ไม่มีตำแหน่งอะไรในรัฐบาลแล้วก็ตาม

“บิ๊กตู่” จะไม่หยุดอยู่กับที่ จัดการแค่คนสองคนแล้วจบทุกเรื่อง ยังเดินหน้าทลายห้างอีกปม โดยเฉพาะเครือข่ายต่อจิ๊กซอว์ไว้

สุดท้ายตีวัวกระทบคราด ฟาดเอากล่องดวงใจ “บิ๊กป้อม” ไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่ง

ขอย้ำอีกครั้งว่า “แก้วที่ร้าวแล้วรอแตก” เท่านั้น