ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ | ศึกสองนายพล จะพังระบอบประยุทธ์ทั้งระบอบ

ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์www.facebook.com/sirote.klampaiboon

ในที่สุดรอยร้าวในรัฐบาลก็ปะทุเป็นความขัดแย้งที่ทำให้ประชาชนแทบไม่เหลือความเชื่อถือในรัฐบาลอีกเลย

เพราะถึงแม้คุณประยุทธ์ จันทร์โอชา จะยึดทำเนียบได้ต่อไป แต่วิธีเกาะเก้าอี้นายกฯ เต็มไปด้วยความสกปรกที่ไม่เคยมีมาก่อน ไม่ว่าจะในรัฐบาลทหารหรือพรรคการเมืองน้ำเน่าชุดใดก็ตาม

คุณประยุทธ์เป็นหัวหน้ารัฐบาลซึ่งเสียงไม่ไว้วางใจสูงที่สุดในสภา และต่อให้จะเป็นรัฐบาลที่เลวแค่ไหนในอดีต การปรับคณะรัฐมนตรีเพื่อปลดคนที่ผู้แทนไม่เชื่อถือขนาดนี้มักเกิดขึ้นเสมอ เหตุผลง่ายๆ คือการอภิปรายจะมีประโยชน์อะไร หากรัฐมนตรีที่คนไม่ไว้ใจมากกลับลอยนวล

นอกจากคุณประยุทธ์จะได้คะแนนไม่ไว้วางใจสูงสุดจนน่าอับอาย

คุณประยุทธ์ยังทำทุกทางให้ตัวเองได้คะแนนโหวตจนน่ารังเกียจ

โดยเฉพาะการเข้าพบ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เพื่อเจรจาให้ ส.ส.สนับสนุนตัวเองเป็นนายกฯ ต่อไป หรือแม้แต่การมีข่าวลือเรื่องแจกเงิน 5 ล้านเพื่อซื้อโหวตในสภา

กระแสข่าวเรื่องการวิ่งเต้นและการซื้อโหวตทำให้คุณประยุทธ์ที่มัวหมองอยู่แล้วทวีความหมองมัว ยิ่งกว่านั้นคือเป็นความหมองมัวขั้นทำขนาดนี้ก็ยังมีคนไม่ไว้ใจกว่าคนอื่น

และที่เป็นที่สุดของความเสื่อมคือการมีความละอายน้อยจนกล้าพอจะทำทุกทางให้ตัวเองเป็นนายกฯ ต่อไป

ถ้านิยามของนักการเมืองน้ำเน่าคือการทำทุกทางให้ตัวเองมีอำนาจ พฤติกรรมคุณประยุทธ์ตอนนี้ก็มีแต่ข่าวฉาวไม่ต่างจากนักการเมืองน้ำเน่าทั้งหลายในอดีต เหลือเพียงแค่ยังไม่ต้องลงต่ำถึงขั้นไปซื้อเสียง, ขอให้เจ้าพ่อช่วยเหลือ, จ่ายเงินให้หัวคะแนน หรือข่มขู่ประชาชนด้วยตัวเอง

ผลสำรวจของนิด้าโพลพบว่าประชาชนช่วงหลังอภิปรายมองคุณประยุทธ์ไม่มีทางเป็นนายกฯ สมัยหน้าได้ ต่อให้วุฒิสมาชิกที่คุณประยุทธ์ตั้งมาเลือกตัวเองเป็นนายกฯ จะยังไม่ตายหมดก็ตาม

นั่นเท่ากับว่าประชาชนรู้สึกว่าคุณประยุทธ์เน่าจนมือในสภาอุ้มคุณประยุทธ์ต่อไม่ไหวอีกเลย

นอกจากคุณประยุทธ์จะไม่มีทางเป็นนายกฯ ได้อีกสมัย นิด้าโพลยังเชื่อว่าคุณประวิตรไม่สามารถขึ้นมามีอำนาจแทนคุณประยุทธ์ได้ด้วย

ผลสำรวจสองข้อสะท้อนว่าประชาชนมองว่าระบอบกอบโกยประเทศของแก๊งทหารเฒ่าควรยุติได้แล้ว ไม่ว่าจะโดยประยุทธ์หรือโดยประวิตรก็ตาม

ประเทศไทยในปีที่เจ็ดที่คุณประยุทธ์ตั้งตัวเป็นใหญ่คือประเทศที่ประชาชนแสดงออกว่าไม่เอาระบอบประยุทธ์ในทุกช่องทาง ฟังพระวิจารณ์รัฐบาล ฟังศิลปินโจมตีความห่วยของรัฐบาลช่วงโควิด ฟังสื่อวิพากษ์การทำงานของประยุทธ์ หรือแม้แต่ไปรวมตัวทะลุแก๊ซทุกเย็นที่แยกดินแดง

ความไม่ยอมรับที่ประชาชนมีต่อคุณประยุทธ์มากจนเป็นความรังเกียจระดับที่ไม่เคยมีกับนายกฯ คนไหนมาก่อน

คนเฮลั่นเวลามีข่าวว่านักข่าวทำเนียบติดโควิด พร้อมกับแซะว่าอยากให้ติดคุณประยุทธ์และคุณประวิตรด้วย รัฐมนตรีและโฆษกรัฐบาลก็ยอมรับว่าทำอะไรก็มีแต่คนด่าทุกวัน

ข่าวยุบสภามาแรงหลังคุณประยุทธ์ชนะโหวตแบบสกปรกยุทธ์ เกิดเหตุเผาซุ้ม ชุมนุมทุกวันทั้งที่รู้ว่ามีสิทธิโดนกระสุนยางและแก๊สน้ำตา หรือพูดง่ายๆ คือความต้องการเปลี่ยนรัฐบาลมีมาก สภาเป็นทางออกไม่ได้ ขณะที่คุณประยุทธ์ดิ้นรนรักษาอำนาจจนประเทศไม่มีความสงบสุขเลย

ด้วยพฤติกรรมที่คุณประยุทธ์ประจานตัวเองมา 7 ปี คุณประยุทธ์ทำให้คนตาสว่างจนมองเห็นความจริงที่เคยถูกซุกซ่อนไว้โดยข้ออ้างว่าทำเพื่อชาติ รวมทั้งทำให้คนตระหนักว่าคุณประยุทธ์ไม่ใช่รัฐบุรุษ แต่คือนักรัฐประหารที่มีปืนและอิทธิพลที่พร้อมทำทุกอย่างเพื่ออำนาจตัวเอง

คุณประยุทธ์มีพฤติกรรมผิดปกติหลายอย่าง และหนึ่งในนั้นคือการเรียกตัวเองว่า “นายกฯ ” ทั้งที่ไม่มีอดีตนายกฯ คนไหนเป็นแบบนี้ การบอกโลกว่าตัวเองมีอำนาจเกิดขึ้นเพราะคุณประยุทธ์รู้ว่าคนส่วนใหญ่ไม่ยอมรับจนกลายเป็นความหมกมุ่นประกาศอำนาจตัวเองแบบที่คนปกติไม่ทำกัน

นักวิชาการจำนวนมากเชื่อว่าคุณประยุทธ์มีอำนาจเพราะมี “ระบอบประยุทธ์” อุ้มให้ยึดประเทศตลอดกาล เครือข่ายนี้ประกอบเจ้าสัว, ทหาร, ตำรวจตั๋วช้าง, พลังประชารัฐ , องค์กรอิสระ ฯลฯ แต่ด้วยความเสื่อมศรัทธาที่คนมีต่อคุณประยุทธ์ คนที่รังเกียจเครือข่ายนี้ยิ่งนานยิ่งเพิ่มขึ้นทุกวัน

พูดก็พูดเถอะ แม้กระทั่ง ศบค.ที่ตอนแรกกร่างขนาดประกาศว่า “จะเชื่อหมอหรือเชื่อหมา” เพื่อโจมตีคนที่วิจารณ์การทำงานด้านโควิดของรัฐบาลทั้งหมด

สองปีที่คนกลุ่มนี้เกาะคุณประยุทธ์ก็ทำให้ ศบค.เหม็นเน่าไม่ต่างกับองค์กรอื่นๆ ที่ถูกมองว่าอยู่ใน “ระบอบประยุทธ์” ด้วยเช่นกัน

 

คุณประยุทธ์ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศที่ปกครองด้วยพวกประยุทธ์ คนในประเทศจึงแบ่งเป็นฝ่าย “เอาประยุทธ์” และ “ไม่เอาประยุทธ์”

ซึ่งยิ่งนานคนที่ “ไม่เอาประยุทธ์” ยิ่งเป็นคนส่วนใหญ่จนฝ่าย “เอาประยุทธ์” เท่ากับเป็นฝ่ายตรงข้ามประชาชนไปโดยปริยาย

คุณประยุทธ์สร้างพรรคพลังประชารัฐเพื่อสร้างภาพว่าตัวเองเป็นที่ยอมรับของประชาชน

แต่การที่พลังประชารัฐได้ตั้งรัฐบาลทั้งที่แพ้เลือกตั้งยิ่งตอกย้ำว่าประชาชนไม่ยอมรับทั้งพรรคและคุณประยุทธ์

ยิ่งคุณประยุทธ์อยู่นานจึงยิ่งทำให้ทุกฝ่ายที่เป็น “พวกประยุทธ์” เสื่อมลงทุกวัน

พลังประชารัฐเป็นพรรคเฉพาะกิจที่ทุกคนรู้ว่าปิดโครงการทันทีที่ “ระบอบประยุทธ์” ปิดฉาก

สองปีของพลังประชารัฐจึงเปลี่ยนเลขาพรรคไปสามราย แย่งตำแหน่งรัฐมนตรีไม่รู้จบ

ยิ่งคุณประยุทธ์ใกล้อวสานก็ยิ่งดิ้นทุรนมากขึ้น เพราะใครที่ไม่ได้อะไรก็จะตกขบวนกอบโกยไปเลย

กำพืดแบบนี้ทำให้พลังประชารัฐกับคุณประยุทธ์อยู่กันแบบแย่งชามข้าวกัน คุณประยุทธ์รวบอำนาจโดยตั้งพวกตัวเองเป็นรัฐมนตรีให้มากที่สุด กดพลังประชารัฐเป็นแค่ลิ่วล้อกินน้ำใต้ศอก

ขณะที่พลังประชารัฐก็ต้องการได้ส่วนแบ่งมากกว่าเป็นแค่นั่งร้านให้คุณประยุทธ์ตลอดไป

คุณประวิตรทำพรรคพลังประชารัฐเพื่อตอบโจทย์คุณประยุทธ์ แต่ถึงแม้คุณประวิตรจะเป็นสายเปย์ให้ให้คุณประยุทธ์ตั้งแต่เรียนจนทุกคนเชื่อว่าไม่ทิ้งกัน คุณประวิตรก็ต้องตอบสนองความต้องการของ ส.ส.พลังประชารัฐด้วย ไม่อย่างนั้นก็จะเป็นหัวหน้าพรรคที่ไม่มีความน่าเชื่อถือเลย

ด้วยวิธีที่คุณประยุทธ์ปลดคุณธรรมนัส พรหมเผ่า ออกจากคณะรัฐมนตรี พลังประชารัฐเป็นพรรคแกนนำรัฐบาลพรรคแรกที่เลขาฯ พรรคถูกหัวหน้ารัฐบาลถีบหัวจากการบริหารประเทศ แต่คุณธรรมนัสเป็นคนที่ใหญ่พอจะแย่งตำแหน่งเลขาฯ มาจากกลุ่มสามมิตร รอยร้าวนี้จึงไม่จบง่ายอย่างแน่นอน

คุณประยุทธ์แสดงให้เห็นแล้วว่าทุกองคาพยพใน “ระบอบประยุทธ์” ต้องอยู่ภายใต้อุ้งมือตัวเอง

คุณประวิตรในฐานะหัวหน้าพรรคจึงเผชิญทางเลือกที่เลวร้ายหมด

ทางแรกคือยอมรับว่าตัวเองเป็นแค่นายพลหมดสภาพ

กับทางที่สองคือการต่อรองกับคุณประยุทธ์เพื่อรักษาบารมีตัวเอง

ถ้าคุณประวิตรเลือกเส้นทางทหารเฒ่าไร้น้ำยา เลือกตั้งหนหน้าคงไม่มี ส.ส.อยู่พลังประชารัฐอีก คุณธรรมนัสคงย้ายไปพรรคอื่น พลังประชารัฐจะเหลือแต่พวกไม่มีที่ไปซึ่งเป็นใหญ่ในทำเนียบตอนนี้

แต่ถ้าเลือกวิธีต่อรอง คุณประยุทธ์ก็แสดงให้เห็นว่าไม่พร้อมจะฟังใครเลย

ไม่ว่าการเผชิญหน้าระหว่างสองกลุ่มนี้จะจบลงแบบใด คุณประยุทธ์ทำให้ประเทศกลายเป็นการปกครองแบบก๊กประยุทธ์ ส่วนในก๊กประยุทธ์ก็แบ่งเป็นก๊วนเป็นกลุ่มเพื่อแก่งแย่งผลประโยชน์กันเต็มไปหมด และทั้งหมดนี้ยิ่งตอกย้ำว่าระบอบประยุทธ์เป็นแค่ระบอบกินเมืองเท่านั้นเอง

สังคมไทยยุคศักดินาล้างสมองประชาชนว่าชนชั้นสูงคือคนดีจนควรมีอำนาจเหนือกว่าคนกลุ่มอื่น ความดีหรือ “ธรรม” จึงกลายเป็นข้ออ้างให้ผู้มีอำนาจยึดที่นา, เก็บส่วย, แย่งเมียชาวบ้าน, ปล้นของหลวง ฯลฯ จนการหลอกให้ประชาชนเชื่อว่าเป็นคนดีสำคัญสำหรับการทำตัวเลวๆ

เผด็จการคือการปกครองของคนเลว เพราะไม่ว่าจะเป็นเผด็จการหน้าไหน วิธีได้อำนาจและรักษาอำนาจล้วนได้แก่การเอาปืนจี้หัวคนทั้งหมด

การปกครองแบบเผด็จการจึงต้องโฆษณาชวนเชื่อเรื่องความเป็นคนดีหรือมี “ธรรม” มากพอจะทำให้คนยอมรับการกระทำที่เลวทราม

คุณประยุทธ์จะเป็นคนดีจริงหรือไม่นั้นไม่สำคัญ แต่ในปี 2557 คุณประยุทธ์ทำให้คนเชื่อว่าเป็นคนดีขณะที่เอาปืนจ่อหัวแล้วเอาถุงดำจับคนเห็นต่างเข้าค่ายทหารได้

ขณะที่ในปี 2564 ความเชื่อว่าคุณประยุทธ์เป็นคนดีนั้นแทบไม่เหลือแล้ว หากไม่ใช่ลิ่วล้อหรือคนที่คลั่งจนไม่ลืมหูลืมตา

ยิ่งคุณประยุทธ์อยู่นาน ระบอบประยุทธ์ก็จะยิ่งถึงกาลอวสานอย่างรุนแรงขึ้น และจะเป็นฉากอวสานที่พังพินาศเหมือนเครื่องบินที่ตกลงมาย่อยยับจนไม่เหลือซากเลย